“...มาตรการที่ออกมาทุกครั้ง ผมเองเจ็บปวด ไม่สบายใจ และเป็นเรื่องที่หนักใจพอสมควร เพราะรู้ว่ามาตรการใดๆก็ตามจะมีผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมห่วงใยผู้มีรายได้น้อยเพราะได้รับผลกระทบมาก เพราะเป็นแหล่งทำมาหากิน เป็นอาชีพของท่าน หลายๆอย่างไม่สามารถจะตัดสินไปในทางใดทางหนึ่งได้ โดยที่ไม่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้...”
--------------------------------------------------------------
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงต่อสื่อมวลชน ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) ก่อนที่ประชุมจะมีมติยกระดับมาตรการควบคุมโรค แบ่งพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือสีแดง 18 จังหวัด ส่วนอีก 59 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมหรือสีส้ม พร้อมยืนยันว่า ไม่มีคำสั่งล็อกดาวน์ หรือ เคอร์ฟิว แต่อย่างใด
(อ่านประกอบ : ไม่'เคอร์ฟิว-ล็อกดาวน์'! ปิดผับ - จำกัดเวลาเปิดร้านสะดวกซื้อ-ห้าง-ร้านอาหาร)
@เผยเจ็บปวดทุกครั้งที่ออกมาตรการคุมโควิด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้จะเห็นได้ว่าสถานการณ์มีการแพร่ระบาดกันมากขึ้น แต่ขอทุกคนอย่าเพิ่งตื่นตระหนกมากเกินไป เพราะพยายามแก้ปัญหาด้วยหลักการและวิธีการเราที่เคยได้รับผลดีมาแล้ว ก่อนหน้านี้เคยล็อคดาวน์ประเทศไปแล้ว ก็มีผลเสียหายต่อเศรษฐกิจประเทศ แต่จำเป็นต้องทำเพื่อสกัดกั้นและศึกษาที่มาที่ไปของโรคโควิด จนกระทั่งได้ข้อยุติเรื่องการสอบสวนโรค รู้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจากไหนอย่างไร และเราก็ทำมาได้ดีได้ระดับต้นๆของโลกในระยะแรก ต่อมาการระบาดระยะที่สองในพื้นที่สมุทรสาคร ที่เป็นการแพร่ระบาดอีกจุดหนึ่งที่มีการค้าขาย และเมื่อมาสู่ระยะที่สาม ที่หาสาเหตุก็คือแพร่มาจากสถานที่ท่องเที่ยว การประกอบกิจการท่องเที่ยวและบริการ จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ที่อยากจะพูดก็คือว่า มันพร้อมที่จะแพร่ระบาดได้ทุกพื้นที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการประชุมตลอด 7 วันที่ผ่านมา ได้กำกับดูแล ให้แนวทางในการวางแผนและปฏิบัติในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสกัดกั้นการแพร่ระบาด รวมถึงการจัดหาวัคซีน วันนี้วัคซีนที่ได้รับมาจำนวนหนึ่งเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก ได้ฉีดไปแล้ว 5-6 แสนคนในเวลานี้เท่าที่วัคซีนจะมีอยู่ ขณะนี้ได้รับวัคซีนอีกจำนวนหนึ่ง และจะได้รับจำนวนมากขึ้นในระยะต่อไป ก็จะวางแผนฉีดให้ได้ 60% ของประชากร อย่างไรก็ตามแม้จะมีวัคซีนเพียง 2 ชนิด ก็ได้ให้แนวทางมีการจัดตั้งคณะทำงานเป็นบุคคลภายนอก เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางการแพทย์ หารือร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นในยี่ห้ออื่นๆด้วย กราบเรียนว่ามีความก้าวหน้าเรื่องเหล่านี้ตามลำดับ
“มาตรการที่ออกมาทุกครั้ง ผมเองเจ็บปวด ไม่สบายใจ และเป็นเรื่องที่หนักใจพอสมควร เพราะรู้ว่ามาตรการใดๆก็ตามจะมีผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมห่วงใยผู้มีรายได้น้อยเพราะได้รับผลกระทบมาก เพราะเป็นแหล่งทำมาหากิน เป็นอาชีพของท่าน หลายๆอย่างไม่สามารถจะตัดสินไปในทางใดทางหนึ่งได้ โดยที่ไม่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ห่วงชุมนุม ไม่เว้นระยะห่าง คนเสี่ยงติดเชื้อ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนมีประสบการณ์มากพอสมควรจากระยะที่หนึ่งจนถึงวันนี้ ได้นำแนวทางทั้งหมดมาประมวล มาประยุกต์ และไม่ได้คิดเอง ต้องฟังจากบุคลากรแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หลายหน่วยงานได้ประชุมร่วมกันทุกวัน ไม่ได้หยุดพัก จนกระทั่งวันนี้นำมาสู่การประชุม ศบค.คณะใหญ่ แน่นอนว่า พวกเราเจ็บปวดมาด้วยกัน สถานการณ์เราอาจจะไม่เท่ากับประเทศอื่น แน่นอว่าเรามีวินัย แต่เมื่อเราหย่อนวินัย นำไปสู่การสนุกสนาน สะดวกสบายจนเกินไป นั่นคือเราก้าวเข้าไปสู่ความประมาทแล้ว ซึ่งตนตำหนิใครไม่ได้ เพราะทุกคนคือคนไทย ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจในการร่วมมือกันตั้งแต่ต้น อาจจะคลี่คลายไปได้โดยเร็ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้เราเห็นอยู่แล้วว่าถ้าการ์ดตกอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้ดีใจที่คนส่วนใหญ่ 90% ใส่หน้ากากอนามัย แต่หลายอย่างยังกังวลอยู่คือเรื่องระยะห่าง ไม่ว่าจะในครอบครัว สังคม ชุมชน หลายคนยังไม่ปฏิบัติตามกติกาดังกล่าว เช่น มีการชุมนุมกัน มาชุมนุมต่อต้าน นั่นคืออันตรายทั้งสิ้น ตนไม่พูดเรื่องผิดถูกกฎหมาย แต่พูดถึงอันตรายที่นำไปสู่ครอบครัว ไปสู่สังคม อย่างไรก็ตามจะดูแลทุกคนอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ให้มีการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ท่านอาจจะมองว่าทำไมถึงให้เดินทางในช่วงสงกรานต์ ซึ่งต้องมองถึงคนอีกระดับหนึ่ง ซึ่งคือพี่น้องประชาชนที่อยากกลับบ้าน ไปเยี่ยมพ่อแม่ ซึ่งได้เตือนไปแล้วว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการขั้นต้นของเรา หลายคนมองปิดไปเลย มีรายได้เพียงพอ แต่บางคนไม่มีเงินเพียงพอ จะบังคับให้คนไม่ต้องทำอะไรเลย ให้อยู่ที่บ้าน แต่เขาเดือดร้อน นั่นคือสิ่งที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจฐานราก
@ลั่นประเทศไทยต้องชนะ ยามคับขันคนต้องการผู้กล้า-ไม่เอาคนพูดพล่ามไร้สาระ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่า ตนห้ามใครไม่ได้ ออกกติกาไป แต่ถ้าไม่ปฏิบัติ ก็ไม่สามารถไปติดตามท่านได้ ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมี อสม. มีฝ่ายความมั่นคง นี่คือสิ่งที่ทำให้เราปลอดภัย สิ่งใดที่เป็นความเสี่ยงอย่าไปทำ อย่าประพฤติตนอยู่ในความประมาท เพราะจะเป็นสถานการณ์ที่จะลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น ขอให้ทุกคนภูมิใจว่า สิ่งที่เราทำมาจนถึงวันนี้ นั่นคือความพิเศษของคนไทย เมื่อใดก็ตามที่ขอความร่วมมือ ทุกคนร่วมมือก็โอเค คนไทยเคยทำเรื่องนี้สำเร็จแล้วในหลายมิติ เมื่อไรก็ตามที่คนไทยรวมพลังกันเป็นหนึ่ง ทุกอย่างแก้ได้หมด
“มีคำ 3-4 ประโยคด้วยกัน ประเทศไทยเราต้องชนะ นี่คือธีมที่เราควรจะต้องใช้ตอนนี้ ประเทศไทยต้องชนะ เมื่อถึงยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ เมื่อถึงคราวปรึกษาต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม ไม่พูดไร้สาระ ไม่พูดสิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์บิดเบือน ยามมีข้าวมีน้ำก็ต้องการผู้เป็นที่รัก ยามเกิดปัญหาก็ต้องการบัณฑิต นั่นคือสุภาษิตโบราณ สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องเป็นหลักชัยในการดำรงชีวิตของเราในช่วงนี้ ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน เพราะนี่คือประเทศไทยของท่าน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ไม่ล็อกดาวน์ ไม่เคอร์ฟิว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องการฉีดวัคซีนที่มี 1.3 ล้านโดส ของซิโนแวค ส่วนแอสตร้าเซนเนก้า จะเข้ามาเดือน มิ.ย.ประมาณ 1.5 ล้านโดส และได้สั่งการไปแล้ว ต้องวางแผนเป็นรายสัปดาห์ ต้องฉีดให้ครบทุกกลุ่ม
“สิ่งสำคัญขณะนี้ คือไม่มีการเคอร์ฟิว ยังไม่ล็อกดาวน์ โอเคหรือไม่ เห็นใจ แต่อาจจะต้องลดเวลาลงบ้าง ผมไม่อยากจะปิดอะไรทั้งสิ้น ปิดมันง่ายนิดเดียว แต่คนเดือดร้อนคือใครบ้างล่ะ ถ้าปิดทั้งหมด เคอร์ฟิวทั้งหมด เจ้าหน้าที่ก็มาขึงพืดกัน ก็ติดเชื้อกันเยอะ แล้วประชาชนมาผ่านด่านตรวจจุดสกัดก็เสี่ยงที่จะติดกันมากขึ้นหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ ต้องติดตามต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นากยรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่ าฉะนั้นการชุมนุมต่างๆก็ตาม แม้จะเป็นไปตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้ระวังไว้แล้วกัน ไม่ได้ขู่ท่าน วันนี้ ส.ส.เข้ามาฉีดวัคซีนกับผมแล้ว หลายคนบอกว่าไม่มีหรอก หลอก ก็คิดเอาว่าจะฟังใคร เป็นบางคน บางพวกเท่านั้น ช่วยกันแล้วกัน ประเทศชาติจะได้ปลอดภัย วันนี้เราต้องการบัณฑิต ไม่ต้องการคนบ่อนทำลายซึ่งกันและกัน ประเทศไทยอยู่ไม่ได้หรอกครับแบบนั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage