
"...Shin-Toyosu รหัสสถาน U-15 มีโครงสร้างสถานีเป็น elevated island platform (ชานชาลาแบบกลาง ระหว่างราง 2 ราง) สิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วย มีลิฟต์, ห้องน้ำ รวมถึง “barrier-free / step-free” สำหรับผู้ใช้รถเข็น, ห้องน้ำสำหรับผู้พิการ, ห้องน้ำสาธารณะ, ล็อกเกอร์, จุดจำหน่ายตั๋ว, เครื่องปรับค่าโดยสาร ฯลฯ เป็น “สถานีไร้นายสถานี (unmanned station)” กล่าวคือไม่มีพนักงานประจำสถานี (เหมือนสถานีอื่น ๆ ในสาย ยกเว้นบางสถานีใหญ่) ระบบทั้งหมดควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ & กล้องวงจรปิด หากต้องการความช่วยเหลือ ต้องใช้ intercom เพื่อเรียกพนักงาน..."
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. (Mass Rapid Transit Authority of Thailand: MRTA) เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม มีภารกิจหลักในการพัฒนาและบริหารระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตเมืองและปริมณฑล เพื่อลดปัญหาการจราจร เพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งสาธารณะ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน มีประวัติความเป็นมายาวนานหลายสิบปี
จากจุดเริ่มต้นปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2514 รัฐบาลไทยได้รับความช่วยเหลือ จากรัฐบาลเยอรมันส่งคณะผู้เชี่ยวชาญมาทำการศึกษา สำรวจ และวางแผนแม่บทสำหรับการจราจรและขนส่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้เสนอแนะให้มีระบบรถขนส่งมวลชนแบบเร็ว (Mass Rapid Transit System) เพื่อแก้ไขปัญหาการเดินทางและการจราจรในกรุงเทพมหานคร จึงได้มี “ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2515” จัดตั้ง “การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” ขึ้น เพื่อจัดสร้าง “ทางพิเศษ” ซึ่งประกอบด้วย ระบบทางด่วน (Express Way) , ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Mass Rapid Transit System)และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ต่อมารัฐบาลพิจารณาเห็นว่า การจราจรทางถนนในกรุงเทพมหานครติดขัดมาก สมควรเร่งรัดการดำเนินการในส่วนของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเดินทางได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2535 เห็นชอบให้จัดตั้งรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรีเพื่อรับผิดชอบการดำเนินงานโครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงได้มีการตรา “พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การรถไฟฟ้ามหานคร พ.ศ. 2535”(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 90 วันที่ 20 สิงหาคม 2535) โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล พ.ศ. 2496 โดยที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การรถไฟฟ้ามหานคร พ.ศ. 2535 มีบทบัญญัติที่ไม่เพียงพอต่อการจัดทำ จัดการและการให้บริการขนส่งมวลชนด้วยระบบรถไฟฟ้า รวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยและสาธารณะ ทำให้องค์การรถไฟฟ้ามหานครมีข้อจำกัดในการใช้อำนาจตามกฎหมายและไม่สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการขนส่งมวลชนโดยระบบรถไฟฟ้าได้ทวีความจำเป็นยิ่งขึ้นมาก
จึงได้มีการตรา “พระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543” (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 117 ตอนที่ 114ก วันที่ 1 ธันวาคม 2543) จัดตั้ง “การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย” เรียกโดยย่อว่า “รฟม.” เพื่อปรับปรุงอำนาจหน้าที่ขององค์การรถไฟฟ้ามหานครให้สามารถดำเนินกิจการรถไฟฟ้าให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจหน้าที่ในการคุ้มครองความปลอดภัยของกิจการรถไฟฟ้าและคนโดยสารรถไฟฟ้า มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1. ดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา หรือระหว่างจังหวัดดังกล่าว
2. ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำโครงการและแผนงานเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้าเพื่อปรับปรุงและพัฒนาให้ทันสมัย
3. ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้าและธุรกิจอื่น เพื่อประโยชน์แก่ รฟม. และประชาชนในการใช้บริการกิจการรถไฟฟ้า

ต่อมา เมื่อ พ.ศ. 2545 ได้มีการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการและได้โอนอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในส่วนของการกำกับดูแลการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย มาเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีภารกิจสำคัญในการพัฒนาและบริหารระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตเมืองและปริมณฑล เพื่อลดปัญหาการจราจร เพิ่มประสิทธิภาพระยยขนส่งสาธารณะ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นองค์กรชั้นนำด้านการพัฒนาและบริหารระบบขนส่งมวลชนทางรางเพื่อการเดินทางอย่างยั่งยืน รฟม.มีพันธกิจหลัก ได้แก่
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ
- ให้บริการรถไฟฟ้าที่มีคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
- บริหารทรัพย์สินและพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้และคืนทุนโครงการ
- สนับสนุนนโยบายรัฐด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม เช่น ลดคาร์บอน ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ส่วนบทบาทเชิงกลยุทธ์ของ รฟม. มี 4 ด้านสำคัญหลักๆ คือ
(1.) การวางแผนและพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้า
รฟม. ทำหน้าที่ออกแบบ ประเมินงบประมาณ จัดทำรายงานด้านวิศวกรรม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รวมถึงการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบรางในเขตเมือง เพื่อให้มีโครงข่ายเชื่อมโยงต่อกันระหว่างจังหวัดและระบบขนส่งอื่น เช่น รถไฟฟ้า BTS, ท่าอากาศยาน และรถไฟความเร็วสูง
(2.) การกำกับดูแลการก่อสร้างโครงการ
รฟม. มีหน้าที่บริหารโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้า ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้าง การคัดเลือกผู้รับเหมา การตรวจคุณภาพก่อสร้าง ตลอดจนการควบคุมระยะเวลาและงบประมาณโครงการให้เป็นไปตามแผน
(3.) การบริหารจัดการการเดินรถ (Operation)
ในบางเส้นทาง รฟม. ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าโดยตรง เช่น รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และบางเส้นทางมีการร่วมลงทุน (PPP) กับภาคเอกชน เช่น MRT สายสีน้ำเงิน
(4.) การบริหารพื้นที่และทรัพย์สิน (Asset Management & Transit-Oriented Development – TOD)
นอกจากนี้ รฟม. ยังมีบทบาทในการสร้างรายได้เพิ่มเติม เช่น
- พื้นที่โฆษณาในสถานีและขบวนรถ
-พื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีและศูนย์ซ่อมบำรุง
- การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใกล้สถานีรถไฟฟ้า (TOD) เพื่อเพิ่มการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
ส่วนแง่มุมความสำคัญเชิงเศรษฐกิจและสังคม ของ รฟม.มีหลายด้านประกอบไปด้วย
1. ลดปัญหาจราจรในเขตเมือง โดยระบบรถไฟฟ้าของ รฟม. ช่วยลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนประชากรสูงและมีความหนาแน่นการเดินทางมากที่สุด
2. ส่งเสริมเศรษฐกิจเมือง โครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. เป็นตัวเร่งการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก การท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ
3. สนับสนุนการลดมลพิษและความยั่งยืน การใช้ระบบรางช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และช่วยให้สังคมไทยก้าวสู่ระบบคมนาคมสีเขียว (Green Mobility)
จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่า รฟม. เป็นองค์กรสำคัญในการพัฒนาระบบขนส่งทางรางของประเทศไทย มีภารกิจทั้งด้านการออกแบบระบบ การก่อสร้าง การเดินรถ การบริหารทรัพย์สิน และการพัฒนาเมืองเชิงขนส่งมวลชน รฟม. มีบทบาทโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการยกระดับรูปแบบการเดินทางของประเทศให้ทันสมัยและยั่งยืนในระยะยาว
************
"การที่รฟม. เป็นองค์สำคัญในการพัฒนาระบบขนส่งทางรางของประเทศไทย มีบทบาทและภารกิจสำคัญมากหมาย การหาองค์ความรู้สมัยใหม่ เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงเพิ่มเติมประสิทธิภาพการทำงานของเรา จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก"
หนึ่งในคณะทำงาน รฟม. ที่นำคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทยจำนวนหลายสิบชีวิต มาศึกษาดูงานรถไฟฟ้าและระบบการขนส่งมวลชน ที่ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 26 -30 พฤศจิกายน 2568 ยืนยันกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ที่มีโอกาสร่วมคณะเดินทางมาศึกษาดูงานครั้งนี้ด้วย
@ ทำไมเรื่องระบบรถไฟต้องเป็นประเทศญี่ปุ่น
จากการศึกษาข้อมูลพบว่า ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบรถไฟ ทันสมัยที่สุดในโลก ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งในเมืองใหญ่และภูมิภาคห่างไกล ประกอบด้วยทั้งรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง และรถไฟท้องถิ่น โดยมีทั้งของรัฐบาล ประเทศ เอกชน และองค์กรท้องถิ่นร่วมกันดูแล
@ ประเภทของรถไฟหลักในญี่ปุ่น
ประเภท ความเร็ว/ลักษณะ ตัวอย่างระบบ
- รถไฟความเร็วสูง (Shinkansen) 240–320 กม./ชม. Tokaido, Tohoku, Sanyo, Hokuriku
- รถไฟฟ้าในเมือง (Urban Metro) รับส่งในเมือง เน้นความถี่สูง Tokyo Metro, Osaka Metro, Nagoya Municipal Subway
- รถไฟท้องถิ่น (Local / Regional Rail) ความเร็วปานกลาง ใช้เดินทางในจังหวัด JR Local Lines
-รถไฟเอกชน (Private Railways) เชื่อมชานเมืองกับตัวเมือง Keio, Tokyu, Hankyu, Keisei
-รถไฟไร้คนขับ (Automated Guideway Transit / Monorail) มีในเมืองและสนามบิน Yurikamome, Osaka Monorail, Disney Resort Line
- รถไฟใต้ดิน ในเขตเมืองใหญ่ Tokyo Metro, Toei Subway
1. สำหรับผู้ให้บริการสำคัญ ได้แก่
(1) JR Group (Japan Railways) เคยเป็นของรัฐ ปัจจุบันแยกเป็นบริษัทเอกชน ครอบคลุมทั้งภูมิภาคและชินคันเซ็น
ประกอบด้วย:
• JR East (โตเกียว – โทโฮคุ)
• JR Central (นาโงย่า – โอซากะ)
• JR West (คันไซ)
• JR Hokkaido
• JR Shikoku
• JR Kyushu
2) เอกชนรายใหญ่ในเมือง
• Tokyo Metro
• Odakyu
• Keio
• Hankyu
• Kintetsu
• Tokyu
• Keisei
• Seibu
@ ระบบค่าโดยสาร
• ส่วนใหญ่คิดตามระยะทาง
• มีบัตร IC ใช้ร่วมได้ทั่วประเทศ เช่น Suica, PASMO, ICOCA, PiTaPa
• มีบัตรนักท่องเที่ยว เช่น JR Pass, Tokyo Subway Pass, Osaka Amazing Pass
@ เทคโนโลยีและจุดเด่น
• ตรงต่อเวลาเฉลี่ยความคลาดเคลื่อน ไม่ถึง 1 นาที
• มีระบบ ฝั่งความปลอดภัยสูง
• มีระบบตรวจจับคนบนราง, ประตูชานชาลา, ระบบไร้คนขับบางสาย
• ใช้ AI ควบคุมความถี่รถ, วิเคราะห์ผู้โดยสาร
ทั้งนี้ ระบบรถไฟฟ้าในญี่ปุ่นถือว่าความสำคัญต่อประเทศ เป็น หัวใจการเดินทางของประชาชน มากกว่า 60% ใช้รถไฟในชีวิตประจำวัน ทำให้ลดการใช้รถยนต์ในเมืองใหญ่ และสร้างเศรษฐกิจเมืองรอบสถานี (Transit-Oriented Development — TOD)
จากข้อมูลทั้งหมด สามารถกล่าวได้ว่า ระบบรถไฟญี่ปุ่นเป็นระบบสาธารณูปโภคที่มีความแม่นยำ ปลอดภัย มีเครือข่ายกว้างขวาง และเป็นกระดูกสันหลังของการเดินทางในประเทศ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
************
สำหรับการร่วมคณะ รฟม.เดินทางมาศึกษาดูงานรถไฟฟ้าและระบบการขนส่งมวลชน ที่ นครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้มีโอกาสทดลองใช้บริการ รถไฟฟ้า หลากหลายรูปแบบ ซึ่งพบว่า มีการใช้งานที่สะดวก มีความแม่นยำ ปลอดภัยจริง
อย่างไรก็ดี ระบบรถไฟไร้คนขับ (Automated Guideway Transit / Monorail) ดูเหมือนจะมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยในกรณีจะขอยกตัวอย่าง ที่ Yurikamome Line
จากการศึกษารวบรวมข้อมูลพบว่า Yurikamome Line เป็นระบบขนส่งแบบ automated guideway transit (AGT) หรือรู้จักกันในชื่อ รถไฟวิ่งโดยอัตโนมัติ ไม่มีคนขับ ซึ่งหมายความว่ารถวิ่งราบเรียบ เงียบ และมีวิวสวย โดยเฉพาะบริเวณอ่าวโตเกียว & เกาะเทียมอย่าง Odaiba สายเริ่มต้นจาก Shimbashi Station (U-01)-ใจกลางโตเกียว - และสิ้นสุดที่ Toyosu Station (U-16) ในย่าน Toyosu. ระยะทางรวมประมาณ 14.7 กม. มี 16 สถานี ตลอดสาย
เวลาทำการโดยประมาณ: รถวิ่งทุก 5 นาทีในวันธรรมดา และ ทุก 4 นาทีในวันหยุด/สุดสัปดาห์ โดยรถไฟเริ่มวิ่ง ช่วงตี 5 และหมดรอบสุดท้ายก่อนเที่ยงคืน
ส่วนจุดเด่นของสาย ได้แก่ วิวอ่าวโตเกียว, วิวสะพาน, ย่าน “waterfront / เกาะเทียม / ย่านพัฒนาใหม่ (redevelopment area)” ทำให้สายนี้ได้รับความนิยมทั้งจากคนในโตเกียวและนักท่องเที่ยว
@ ทำไมต้อง “รถไฟไม่มีคนขับ”?
มี 4 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่
1) ลดปัญหาขาดแคลนพนักงานขับรถไฟ
ญี่ปุ่นมีปัญหาแรงงานลดลงอย่างต่อเนื่องการใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดต้นทุนบุคลากร และแก้ปัญหาขาดพนักงานในอนาคตเหมาะสำหรับ “สายขนาดเล็ก” หรือ “โซนพัฒนาใหม่” เช่น โอไดบะ–โทโยสุ
2) ระบบมีความแม่นยำสูงกว่า + ปลอดภัย
รถไฟไร้คนขับควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ล้วน ๆ
- จอดตรงตำแหน่งเป๊ะ
- รักษาความเร็วตามโปรแกรม
- ควบคุมระยะห่างระหว่างขบวน
- ลดความผิดพลาดจากมนุษย์ (human error)
3) เหมาะกับเส้นทางที่ออกแบบแบบพิเศษ
เส้นทาง Yurikamome เป็นแนว ทางยกระดับ โค้งเยอะ วิวอ่าว ระบบ AGT (Automated Guideway Transit) ถูกออกแบบมาสำหรับเส้นแบบนี้
ข้อดีคือ
• เสียงเบา
• การเร่ง/เบรกนุ่ม
• ใช้ยางแทนล้อเหล็ก (ลดเสียงสั่นสะเทือน)
4) ต้นทุนการเดินรถถูกกว่าในระยะยาว เพราะแม้ช่วงสร้างจะแพง แต่ระยะยาวถูกกว่า
เพราะ
• ไม่ต้องจ้างคนขับหลายกะ
• ซ่อมบำรุงง่าย
• ระบบควบคุมรวมศูนย์ (มีศูนย์ควบคุมหลักหนึ่งจุด)
สำหรับสถานี ที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้มีการโอกาสลงพื้นที่ดูข้อมูล เชิงลึก คือ Shin-Toyosu รหัสสถาน U-15 (อยู่บริเวณด้านหน้า teamLab Planets TOKYO พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลที่มีชื่อเสียง) เป็นส่วนหนึ่งของการขยายเส้นทางจากเดิมไปถึง Toyosu

โดยมีโครงสร้างสถานีเป็น elevated island platform (ชานชาลาแบบกลาง ระหว่างราง 2 ราง) สิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วย มีลิฟต์, ห้องน้ำ รวมถึง “barrier-free / step-free” สำหรับผู้ใช้รถเข็น, ห้องน้ำสำหรับผู้พิการ, ห้องน้ำสาธารณะ, ล็อกเกอร์, จุดจำหน่ายตั๋ว, เครื่องปรับค่าโดยสาร ฯลฯ เป็น “สถานีไร้นายสถานี (unmanned station)” กล่าวคือไม่มีพนักงานประจำสถานี (เหมือนสถานีอื่น ๆ ในสาย ยกเว้นบางสถานีใหญ่) ระบบทั้งหมดควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ & กล้องวงจรปิด หากต้องการความช่วยเหลือ ต้องใช้ intercom เพื่อเรียกพนักงาน (ดูข้อมูลในคลิปประกอบ)
ทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำนักข่าวอิศรา ได้รับทราบจากการร่วมคณะเดินทางมาศึกษาดูงานรถไฟฟ้าและระบบการขนส่งมวลชน ที่ นครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กับรฟม. ในส่วนแรก เกี่ยวกับรถไฟวิ่งโดยอัตโนมัติไร้คนขับ ที่ญี่ปุ่นเริ่มใช้งานมาหลายปีแล้ว และได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี
ยังมีข้อมูลสำคัญอีกหลายส่วน รายละเอียดเป็นอย่างไร
ติดตามในตอนต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา