เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'พัณณ์พิชญา โพธิพัฒน์ หรือ กิตติ์ธัญญา รชตธนาเศรษฐ์' อดีตเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ชำนาญงาน อบต.คลองนารายณ์ จันทบุรี ทุจริตยักยอกเงินภาษีไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 2 พิพากษาลงโทษ จำคุก 54 กระทง แต่ได้รอลงอาญา 3 ปี -ป.ป.ช. ขอ อสส. อุทธรณ์สู้ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นางพัณณ์พิชญา โพธิพัฒน์หรือ นางกิตติ์ธัญญา รชตธนาเศรษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ชำนาญงาน องค์การบริหารส่วนตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ทุจริตยักยอกเงินภาษีขององค์การบริหารส่วนตำบลคลองนารายณ์ ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 , 157 และ 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 91 และ พ.ร.ป. ป.ป.ช.พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันพ.ร.ป. พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบ ปอ. มาตรา 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษาว่า จำเลย มีความผิดตามมาตรา 147 (เดิมและแก้ไขใหม่), มาตรา 162 (1) (4) และ พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 (แก้ไขเพิ่มเติม) มาตรา 123/1
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 54 กระทง และแต่ละกระทงความผิด ศาลจะลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน ทั้งจำนวนเงินที่จำเลยเบียดบังไปในแต่ละกระทงความผิดเฉลี่ยแล้วไม่เกิน 6,000 บาท ต่อครั้ง ถือว่าไม่มาก
ภายหลังเกิดเหตุจำเลยคืนเงิน 359,620.65 บาท ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลคลองนารายณ์ผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยสำนึกผิดและบรรเทาความเสียหายจนครบถ้วน
สมควรให้รอการกำหนดโทษจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปี ตามมาตรา 56 และความปรากฏว่า องค์การบริหารส่วนตำบลคลองนารายณ์ผู้เสียหายได้รับเงินคืนครบถ้วนแล้ว คำขอให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายจึงให้ยก
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ได้พิจารณาแล้ว มีมติเห็นควรมีหนังสือขอความอนุเคราะห์อัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาอุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
อ่านประกอบ :
- ทุจริตจัดซื้อยา-วัคซีนสุนัขบ้า! รอลงอาญา คุก 2 ปี 6 ด. อดีตสัตวแพทย์เทศบาลฯ ธัญบุรี
- ยืนโทษ คุก16 ด.! อดีตจนท.ปค แม่แตง เชียงใหม่ ทุจริตเพิ่มชื่อบุคคลทะเบียนราษฎรสัญชาติไทย
- ไม่รอลงอาญา! คุก 2 ปี 16 ด. อดีตนายก อบต.หนองพลับ ทุจริตเงินบริจาคต่อเติมศูนย์ฯเด็กเล็ก
- ยืนโทษ! คุก 25 ปี 'ฉลาม' อดีตนายก อบต.จอมศรี เลย เรียกรับเงิน จนท.โอนย้าย
- คดีที่ 2! คุก18 ปี 24 ด. อดีตนายกเทศฯ ดอยแก้ว เชียงใหม่ เอารถหลวงไปใช้งานรับจ้างส่วนตัว
- รวมจำคุก 4 ปี 12 ด.! เพิ่มโทษ อดีตเจ้าพนง.ป่าไม้ ปัตตานี เรียกเงินแลกไม่จับกุมดำเนินคดี
- โดนคนเดียว! คุก 6 ปี 8 ด. อดีตนายกเทศฯ ห้วยชินสีห์ ราชบุรี ซื้อที่ดินแพง-ไม่ครบตามสัญญา
- ไม่รอลงอาญา! คุก 5 ปี อดีตนายก อบต.ปากน้ำ ทุจริตค่าธรรมเนียมจอดรถท่าเรือปากบารา
- ป.ป.ช.ขออุทธรณ์สู้! ยกฟ้อง อดีตนายก อบต.ทรายขาว คดีทุจริตซื้อเครื่องพ่นฯ เอื้อพี่ชาย
- เหลือคุกคนละ 4 ปี 8 ด.! ลดโทษ อดีต 2 จนท.ที่ดิน คดีออกโฉนดรุกป่าเขาดวงนกเกาะสมุย
- แก้โทษ! เหลือคุก 8 ด. อดีตปลัดอบต.พืชอุดม เรียกเงินผู้ขออนุญาตซ่อมแซมดัดแปลงตึก
- คุก155 ปี ติดจริง 50! อดีตรักษาการหน.กองศึกษา เทศบาลฯ คำชะอี ทุจริตเงินรางวัลประกวด