ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'ฉลาม หงษ์ทอง' อดีตนายก อบต.จอมศรี อำเภอเชียงคาน เลย เรียกรับเงินจากจนท.ที่โอนย้ายมารับราชการล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษ จำคุก 5 กระทง 25 ปี ไม่รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายฉลาม หงษ์ทอง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จอมศรี อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย กรณีถูกกล่าวหาเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่ที่โอนย้ายมารับราชการที่อบต.จอมศรี ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ที่มีคำพิพากษาว่า นายฉลาม หงษ์ทอง จำเลย มีความผิดตามมาตรา 149 การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91
จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 5 กระทง เป็นจำคุก 25 ปี
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
อ่านประกอบ :