ป.ป.ช. เผยความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'วณิฎา หรือเกษเกสร ศิริโฉม' อดีตจนท.ธุรการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสระแก้ว ทุจริตต่อหน้าที่รวม 3 ข้อกล่าวหา ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 2 พิพากษาลงโทษ จำคุกรวม 554 ปี รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง แต่จำคุกจริงได้แค่ 50 ปี คืนเงิน 890,000 บาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นางวณิฎา หรือนางสาวเกษเกสร ศิริโฉม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานธุรการ 6 สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสระแก้ว ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ รวม 3 ข้อกล่าวหา
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 , 157 ,161 ประกอบ มาตรา 91 และ พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123 ประกอบ พ.ร.บ. ป.ป.ช.พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563
ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษาว่า นางวณิฎา หรือนางสาวเกษเกสร ศิริโฉม จำเลยมีความผิด การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91
ฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ที่รักษาเป็นของตน 49 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 245 ปี
ฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์เป็นของตน ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร ปลอมเอกสาร เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์เป็นของตนอันเป็นบทหนักที่สุดตามมาตรา 90 ลงโทษ 6 กระทง จำคุก กระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 30 ปี
ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติอย่างใด โดยพฤติการณ์ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ ลงโทษ 4 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 4 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 279 ปี
จำเลยให้ การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง
แต่เมื่อรวมจำคุกทุกกระทงแล้วให้คงจำคุก 50 ปี ตามมาตรา 91 (3) ให้จำเลยคืนเงิน 890,000 บาท แก่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสระแก้ว
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ลงมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ดังกล่าว
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข่าวในหมวดเดียวกัน
- ศ.อุทธรณ์ แก้โทษอดีตนายกเทศฯ ศรีสำโรง เบียดบังทรายหลวง ให้จำคุก 3 ปี 4 ด.คืน 60 กระสอบ
- คุก 5 ปี! อดีตนายก อบต.แม่พริก คดีใช้รถหลวง-บุคลากรโดยทุจริต - พวกเอกชนรับโทษด้วย
- ศ.อุทธรณ์ ยืนโทษคุก 4 ปี อดีตนายกเทศฯ น้ำสวย เลย แก้ไขสัญญาช่วยผู้รับเหมา
- เป็นทางการ! ป.ป.ช.แพร่ผลคดีอดีตนายก อบต.ต้นมะพร้าว ทุจริตจ้างขุดลอกคูคลอง คุก 54 ด.