"...นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 เรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตําหนิว่า ทําไมบันทึกมาแบบนี้ หากไม่พอใจก็ย้ายที่ทํางานหรือหากไม่พอใจให้ไปเอาปืนมาดวลกัน น่าจะรู้อยู่แล้วว่าบริษัทนั้นมีใครเป็นเจ้าของ ..เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องยืนยันเสนอบันทึกดังกล่าว นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ลงนาม ในบันทึกนั้นพร้อมมีความเห็นว่า ให้คณะกรรมการยืนยันในการตรวจรับและอนุมัติในการเบิกจ่ายได้ หากมีการร้องเรียนนายกยินดีรับผิดชอบและเรียกผู้รับเหมามาแก้ไข เนื่องจากเห็นว่างานแล้วเสร็จจึงควรให้เบิกจ่ายได้แล้ว โดยมิได้สั่งให้แก้ไขงานตามที่เสนอ..."
ข้อมูลเชิงลึก คดีกล่าวหา นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี จำเลยที่ 1 กับพวก คือ บริษัท มีชัย เจริญทรัพย์ จำกัด จำเลยที่ 2 และ นางกชกร หรือ นางนวลจันทร์ ภูมิลักษณ์ จำเลยที่ 3 เข้ามีส่วนได้เสียกับบริษัทที่เป็นคู่สัญญาจ้างและอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าจ้างโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กซอยสามัคคี หมู่ที่ 14 บ้านค้อ และโครงการซ่อมแซมถนนดินชำรุด สายท่าศาลา หมู่ที่ 13 บ้านหนองมะนาว ทั้งที่ดำเนินการก่อสร้างไม่ถูกต้องตามรูปแบบรายการ
ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 152 และ 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562
โดยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาลงโทษ นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง จำเลยที่ 1 จำคุก 5 ปี 3 เดือน และปรับ 39,990 บาท ลงโทษ บริษัท มีชัย เจริญทรัพย์ จำกัด จำเลยที่ 2 ปรับ 26,660 บาท ลงโทษ นางกชกร หรือ นางนวลจันทร์ ภูมิลักษณ์ จำเลยที่ 3 จำคุก 3 ปี 6 เดือน และปรับ 26,660 บาท
โทษจำคุกสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด คนละ 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เหตุที่ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำสั่งรอลงอาญาโทษจำคุก นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง และ นางกชกร หรือ นางนวลจันทร์ ภูมิลักษณ์ เพราะเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีไม่ร้ายแรง เพิ่งทำความผิดครั้งแรก หลังเกิดเหตุชดใช้เงินค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแล้ว แถมสังคมอยู่ในช่วงมีโรคระบาดไวรัสร้ายแรง จึงเห็นควรให้โอกาสได้กลับตนเป็นพลเมืองดี แต่ต้องทำงานบริการสังคม 48 ชั่วโมง
ขณะที่ นางกชกร หรือ นางนวลจันทร์ ภูมิลักษณ์ มีนามสกุลเดิม คือ ทองเรือง เป็นน้องสาวของ นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง
- รอลงอาญาคุก 5 ปี 3 ด.! อดีตนายก อบต.กุดลาด อุบลฯ มีส่วนได้เสียบริษัทคู่สัญญาจ้าง
- ทำผิดครั้งแรก-สังคมมีโรคระบาด! เผยเหตุ อดีตนายก อบต.กุดลาด-น้องสาว ได้รอลงอาญาคดีทุจริต
ข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท มีชัย เจริญทรัพย์ จำกัด จำเลยที่ 2 ที่ปรากฎอยู่ในคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 3 ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ในประเด็นที่ว่า แท้จริงแล้วบริษัทฯ แห่งนี้ เป็นของ นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง มาก่อน ก่อนที่จะจดทะเบียนให้นางกชกร หรือ นางนวลจันทร์ ภูมิลักษณ์ เข้ามาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท แทน แต่ยังคงมีความเกี่ยวข้องเชิงบริหาร และมีอำนาจครอบงำบริษัทอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเก่าของตนเองเข้ามารับงาน อบต.ด้วย
ปรากฎข้อมูลในคำพิพากษาศาลฯ ดังต่อไปนี้
ข้อมูลบริษัท
คำพิพากษาศาลฯ ระบุว่า บริษัท มีชัย เจริญทรัพย์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2550 มี นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง จำเลยที่ 1 ขณะมีชื่อว่า นายลาชัย ทองเรือง เป็นผู้ก่อการจัดตั้งบริษัทขึ้น และยังเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทตลอดมา
จนถึงปี 2553 จึงมีการจดทะเบียนให้นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง จำเลยที่ 1 พ้นจากการเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท และจดทะเบียนให้นางกชกร หรือ นางนวลจันทร์ ภูมิลักษณ์ จำเลยที่ 3 (น้องสาว) เป็นกรรมการผู่มีอำนาจของบริษัทแทน
แต่ นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง จำเลยที่ 1 ยังคงมีความเกี่ยวข้องเชิงบริหาร และมีอำนาจครอบงำบริษัทอยู่ตลอดเวลา
ต่อมาในปี 2559 มีการจดทะเบียนให้ นางกชกร หรือ นางนวลจันทร์ ภูมิลักษณ์ จำเลยที่ 3 พ้นจากการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท และมีนาย ค. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทแทน
ทั้งนี้ เมื่อระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 ถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2558 อบต.กุดลาด มีโครงการซ่อมแซมถนนดินชำรุด สายท่าศาลา หมู่ที่ 13 เป็นเงินงบประมาณ 44,700 บาท โดยวิธีตกลงราคา
นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง จำเลยที่ 1 ได้สั่งการให้ นาง บ. เจ้าหน้าที่พัสดุ ตกลงจ้างบริษัท มีชัย เจริญทรัพย์ จำกัด จำเลยที่ 2 ขณะที่มี นางกชกร หรือ นางนวลจันทร์ ภูมิลักษณ์ จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจเป็นผู้ทำงานจ้าง ทั้งที่ บริษัทฯ มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับจำเลยที่ 1
นายกฤตรัตนชัย หรือนายมนทร์ ทองเรือง จำเลยที่ 1 ได้สั่งการให้นาง ข. ลูกจ้างทั่วไป ไปนํา เอกสารของบริษัทมามอบให้แก่ตน และ นายกฤตรัตนชัย ทําบันทึกตกลงจ้างเลขที่ 108/2558 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 จ้างบริษัท ขณะที่มี นางกชกร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ทํางานจ้างตามโครงการซ่อมแซมถนนดินชํารุดสายท่าศาลา ในราคาค่าจ้าง 44,500 บาท
ซึ่งผู้รับจ้างต้องทํางาน 2 ช่วง ช่วงที่ 1 ผิวจราจรกว้างเฉลี่ย 5 เมตร ยาว 30 เมตร ดินหนาเฉลี่ย 0.90 เมตร ปริมาตรดิน 135 ลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ผิวจราจรไม่น้อยกว่า 150 ตารางเมตร
ช่วงที่ 2 ผิวจราจรกว้างเฉลี่ย 3 เมตร ยาว 100 เมตร ดินหนาเฉลี่ย 0.80 เมตร ปริมาตรดิน 240 ลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ผิวจราจรไม่น้อยกว่า 300 ตารางเมตร
ในการทํางานจ้างนั้น นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ออกไปตรวจสอบและควบคุมการทํางานจ้างด้วยตนเองตลอดเวลา ทราบดีว่า งานจ้างยังไม่แล้วเสร็จไม่เป็นไปตามแบบในบันทึกตกลงจ้าง โดยมีงานจ้างที่ยังไม่ดําเนินการคือ งานช่วงที่ 1 ยังเหลือลงดิน 35 ลูกบาศก์เมตร
ส่วนงานช่วงที่ 2 ยังไม่ดําเนินการ แต่ยังจัดทําหนังสือลงวันที่ 3 มิถุนายน 2558 ขอส่งมอบงานจ้างช่างผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการตรวจการจ้างทําบันทึกเสนอจําเลยที่ 1 ให้แจ้งผู้รับจ้างเข้าทํางานจ้างต่อให้แล้วเสร็จให้เป็นไปตามรูปแบบรายละเอียดตามบันทึกตกลงจ้างก่อน จึงจะตรวจรับงานจ้าง
นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อํานาจใน ตําแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐและอบต.กุดลาด ผู้เป็นเจ้าของ ทรัพย์นั้น และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่อบต.กุดลาดและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
โดยนายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 แจ้งด้วยวาจาว่า สําหรับเงินค่าจ้างสี่หมื่นกว่าบาททําแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว หากทํามากกว่านี้จะขาดทุน และลงนามในบันทึกดังกล่าวพร้อมมีความเห็นว่าเห็นว่างานเสร็จสมบูรณ์แล้วให้เบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างได้
เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทําบันทึกเสนอให้นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ทบทวนคําสั่งการตรวจรับงานและคําสั่งให้เบิกจ่ายเงิน โดยขอให้แจ้งผู้รับจ้างทํางานจ้างให้แล้วเสร็จก่อน ทําการเบิกจ่ายเงิน
นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 มีคําสั่งตามบันทึกดังกล่าวว่า ทบทวนคําสั่งแล้ว เห็นว่างานจ้างเรียบร้อยเป็นไปตามรูปแบบรายการทุกประการจึงให้เบิกจ่ายเงินได้
ต่อมาวันที่ 5 มิถุนายน 2558 นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 เบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัท ขณะที่มี นางกชกร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ หลังจากหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้วเป็นเงิน 44,084.11 บาท รับไปโดยทุจริต
ถัดมาระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน 2558 ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2558 อบต.กุดลาด มีการจัดจ้างโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ซอยสามัคคี 1 (ต่อจากเดิม) หมู่ที่ 14 บ้านค้อ ตําบลกุดลาด อําเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ผิวจราจร กว้าง 4 เมตร หรือตามสภาพของถนน ยาว 98 เมตร หนา 0.15 เมตร ไหล่ทางลูกรัง 2 ข้าง ข้างละ 0.50 เมตร หรือพื้นที่ผิวจราจรไม่น้อยกว่า 392 เมตร หรือไม่น้อยกว่า55.80 ลูกบาศก์เมตร พร้อมป้ายประชาสัมพันธ์ 2 ป้าย เงินงบประมาณ 201,000 บาท โดยวิธีสอบราคา
บริษัทฯ ขณะที่มี นางกชกร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ชนะ การสอบราคาในวงเงิน 200,000 บาท อบต.กุดลาดทําสัญญาจ้างเลขที่14/2558 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2558 จ้างบริษัทฯ ขณะที่มี นางกชกร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ให้ทําโครงการดังกล่าว
ปรากฏว่าบริษัทฯ ขณะที่มี นางกชกร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ทํางานจ้างไม่เป็นไปตามรูปแบบในสัญญาจ้าง โดยช่างผู้ควบคุมงาน ทําบันทึกรายงานอุปสรรคปัญหาการควบคุมงานเสนอให้นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ทราบ ผ่านคณะกรรมการตรวจการจ้างว่า ผู้รับ จ้างเทคอนกรีตไม่เป็นไปตามหลักวิชาการช่าง ไม่ทําการปรับระดับทรายให้สม่ำเสมอก่อนเทคอนกรีต และใช้ระยะเวลาทํางานเพียง 1 วันจึงไม่สามารถสั่งหยุดงานเป็นลายลักษณ์อักษรในวันดําเนินการได้ และเสนอให้แจ้งผู้รับจ้างเข้าแก้ไขงานให้เรียบร้อยเป็นไปตามรูปแบบรายการในสัญญาจ้าง
นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สําหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้ อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐและอบต.กุดลาด ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์นั้น และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่อบต.กุดลาด และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต สั่งการในบันทึกดังกล่าวว่า หากมีการชํารุดหรือเกิดความ เสียหายภายหลังก็สมควรให้บริษัทเข้ามาดําเนินการต่อไป
บริษัทฯ ขณะที่มี นางกชกร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ทราบดีว่าตนทํางานจ้างยังไม่เป็นไปตามรูปแบบในสัญญาจ้าง กลับมีหนังสือลงวันที่ 10 มิถุนายน 2558 ขอส่งมอบงานจ้าง คณะกรรมการตรวจการจ้างทําการตรวจงานจ้างแล้ว ทําบันทึกเสนอ นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ว่า คณะกรรมการตรวจการจ้างและผู้ควบคุมงาน ตรวจงานข้างแล้ว พบว่ามีงานจ้างที่ยังไม่แล้วเสร็จตามรูปแบบรายละเอียดในสัญญาจ้างมีความหนาของผิวจราจร โดยฝั่งซ้ายวัดได้เฉลี่ย 0.12 เมตร ฝั่งขวาวัดได้เฉลี่ย 0.13 เมตร พบว่าระยะทางที่ 38.50 เมตร เกิดรอยร้าวตามขวางของผิวจราจรเนื่องจากคอนกรีตมีการหดตัวและผู้รับจ้างส่งมอบงานโดยไม่มีผลทดสอบวัสดุ และเสนอให้แจ้งผู้รับจ้างเข้าแก้ไขงานให้เรียบร้อยเป็นไปตามรูปแบบ รายการในสัญญาจ้าง
นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 เรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตําหนิว่า ทําไมบันทึกมาแบบนี้ หากไม่พอใจก็ย้ายที่ทํางานหรือหากไม่พอใจให้ไปเอาปืนมาดวลกัน น่าจะรู้อยู่แล้วว่าบริษัทนั้นมีใครเป็นเจ้าของ
เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องยืนยันเสนอบันทึกดังกล่าว นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ลงนาม ในบันทึกนั้นพร้อมมีความเห็นว่า ให้คณะกรรมการยืนยันในการตรวจรับและอนุมัติในการเบิกจ่ายได้ หากมีการร้องเรียนนายกยินดีรับผิดชอบและเรียกผู้รับเหมามาแก้ไข เนื่องจากเห็นว่างานแล้วเสร็จจึงควรให้เบิกจ่ายได้แล้ว โดยมิได้สั่งให้แก้ไขงานตามที่เสนอ
เจ้าหน้าที่พัสดุและเจ้าหน้าที่การเงินทํา บันทึกเสนอให้นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 แจ้งผู้รับจ้างเข้าแก้ไขงานให้เรียบร้อยก่อนเบิกจ่ายเงิน นายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ลงนาม ในบันทึกดังกล่าวพร้อมมีความเห็นว่า ยืนยันตามคําสั่ง เห็นว่างานถูกต้องครบถ้วน อนุมัติให้เบิกจ่ายได้และนายกฤตรัตนชัย จําเลยที่ 1 ยืนยันสั่งเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้าง ตามฎีกาเบิกจ่ายเงิน เลขที่คลังรับ 521/2558 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2558 โดยจ่ายเงินให้แก่บริษัทฯ ขณะที่มีนางกชกร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ หลังจากหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้วเป็นเงิน 198,130.84 บาท รับไปโดยทุจริต
อัยการในฐานะโจทก์ ระบุในคำฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตําบลกุดลาด อําเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 91, 151, 152, 157
จําเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
สำหรับรายละเอียดข้อมูลคดีส่วนอื่น ๆ สำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป