กลุ่มพีมูฟปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบ ตำหนิรัฐบาลแก้ปัญหา'กะเหรี่ยงบางกลอย'

070321 pvove003 1

พีมูฟปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล แถลงการณ์ตำหนิรัฐบาล เรื่องการจัดการปัญหากะเหรี่ยงบาง ด้านมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือระดมทุนเงินประกันตัวชาวบ้านที่ถูกจับ

..............................................

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2564 เมื่อเวลา 08.00 น. กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-move) นำโดยนายณัฐวุฒิ อุปปะ ปักหลักชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาของกลุ่มพีมูฟและชุมชนบ้านบางกลอย จ.เพชรบุรี กรณีกะเหรี่ยงบางกลอยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวและส่งดำเนินคดี

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. กลุ่มพีมูฟแถลงการณ์ถึงกรณีการปฎิบัติการยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร ที่มีจับกุมและดำเนินคดีกับชาวบ้านบางกลอย เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า การปฏิบัติดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่มีบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีบางกลอย-ใจแผ่นดิน ลงนามโดย รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งมีการแต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาของชาวกะเหรี่ยงบางกลอย จ.เพชรบุรี แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพของการจัดการของรัฐบาล

นอกจากนี้ในแถลงการณ์ ระบุว่า พีมูฟได้มีการเจรจาแก้ปัญหากับรัฐบาล พ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2562 มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด คณะอนุกรรมการ 9 ชุด และมีอีก 35 คณะทำงาน โดยมีการประชุมทั้งหมดมากกว่า 50 ครั้ง แต่พบว่ามีสถานการณ์ในหลายพื้นที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลายชุมชนต้องเผชิญกับการถูกคุกคาม จับกุม ดำเนินคดี ไม่ต่ำกว่า 1,000 ครอบครัว แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงานบ้านเมือง

จนถึงวันนี้ หมดเวลาในการประวิงเวลาและหลอกลวงประชาชน พวกเราพีมูฟ และภาคี #SAVEบางกลอย ขอประกาศว่า จะไม่ทนต่อการบริหารงาน และจะปักหลักชุมนุม ณ ทำเนียบรัฐบาล จนกว่าจะมีหลักประกันว่าคนจนจะต้องไม่ถูกรังแก รัฐบาลจะแก้ทุกปัญหา

ทั้งนี้ กลุ่มพีมูฟได้รับแจ้งว่าในวันที่ 8 มี.ค.2564 จะมีการประชุมอนุกรรมการประสานงานเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาของพีมูฟและขับเคลื่อนนโยบาย 9 ด้าน ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ในเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมไชยยงค์ชูชาติ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอีกด้วย

070321 pvove004

070321 pvove001

070321 pvove002 1

ทางด้าน มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ โพสต์ข้อความระดมทุนสำหรับเป็นเงินประกันตัวชาวบ้านบางกลอยผ่านเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ ระบุว่ามีชาวบ้านถูกจับกุม 22 ราย ต้องใช้เงินประกัน รายละ 60,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,320,000 บาท อีกทั้งแจ้งว่าหากนักวิชาการหรืออาจารย์ ต้องการที่จะช่วยเหลือชาวบ้าน สามารถช่วยเป็นนายประกันโดยใช้ตำแหน่งทางราชการได้อีกด้วย

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มภาคี #Saveบางกลอย จ.เชียงใหม่ รวมตัวกันชุมนุมที่ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ พร้อมประกาศร่วมชุมนุมกับพีมูฟที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ เพื่อเรียกร้องหยุดจับกุม คุมขัง และกล่าวหากะเหรี่ยงบางกลอยบุกรุกป่า พร้อมทั้งยื่น 5 ข้อเรียกร้องเดินหน้าพิสูจน์คืนสิทธิ์ที่ดินทำกินอยู่อาศัยชาวกะเหรี่ยงบางกลอย และปลด รมว.การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยข้อเรียกร้อง ระบุว่า

1.รัฐต้องหามาตรการหรือนโยบายในการยกเลิกการจับกุม คุมขัง และการดำเนินคดีชาวบ้านบางกลอยโดยทันที

2.รัฐต้องดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีบางกลอย-ใจแผ่นดิน เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2564 ซึ่งชอบด้วยกฎหมายทุกประการ หากใครหรือหน่วยงานใดไม่ดำเนินการตามต้องรับผิดชอบกับทุกผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน

3.รัฐต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยใช้การบูรณาการกฎหมายและนโยบายหลายฉบับ ด้วยจุดมุ่งหมายในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เพื่อการปราบปราม เช่น พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 64 และ 65, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 70, ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง และมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 ส.ค. 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง

4.ต้องให้มีการพิสูจน์สิทธิชาวกะเหรี่ยงบางกลอย เกี่ยวกับพื้นที่ทำกินและอยู่อาศัยที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดินทั้งหมด หากปรากฏหลักฐานยืนยันว่าชาวกะเหรี่ยงบางกลอยเคยได้อยู่อาศัยและทำกินในบริเวณนั้นมาก่อน ต้องมีมาตรการหรือนโยบายในการคืนสิทธิให้ชาวบ้านโดยไม่มีเงื่อนไข

5.ปลด นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเร่งด่วน เนื่องจากรัฐมนตรีคนนี้ไม่มีความสามารถในการบริหาร กำกับ บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ในกระทรวงได้ ไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในคำสั่งและนโยบายในการแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้อีก รวมทั้งขาดความเข้าใจในปัญหา และไม่รับฟังข้อมูลที่รอบด้านประกอบการแก้ไขปัญหา จึงเป็นเพียงเครื่องมือของข้าราชการกระทรวงฯ เพื่อมาทำร้ายชาวบ้าน

070321 pvove005