ครม.ยังไม่เคาะชดเชยวันหยุดสงกรานต์ นายกฯขอให้ติดตามการผ่อนปรนเป็นระยะ ย้ำ 1 ก.ค.ต้องเปิดเรียน หากสถานการณ์โควิดยังไม่ดีก็ต้องเรียนผ่านทางไกล
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีการพิจารณาวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ในช่วงเดือน ก.ค. ว่า อย่าเพิ่งถามตอนนี้ เพราะยังต้องติดตามสถานการณ์หลังการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 ซึ่งตนได้กำชับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปแล้วว่าจะร่วมมือกันอย่างไร อย่าเพิ่งเร่งรัดนักเลย เพราะขีดความสามารถด้านสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลอย่างเต็มที่ เสียสละ ไม่มีวันหยุดราชการ และความร่วมมือจากประชาชนก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีตัวเลขที่ลดลง พบว่าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าสถานกักกันของรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดี นับว่ามาตรการที่ทำมาได้ผลสำเร็จ ไม่ระบาดไปในพื้นที่อื่นๆ แต่อาจจะมีปัญหาความไม่สะดวกสบาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เรื่องการศึกษาต้องเข้าใจร่วมกันว่า เรามีปัญหาเรื่องโควิด จึงมอบให้กระทรวงศึกษาธิการและสาธารณสุข พิจารณามาตรการต่างๆเกี่ยวกับการเรียน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง หรือ ไม่เข้าใจกันเรื่องการนับเวลาเรียน ขอย้ำว่าจะเริ่มนับเวลาเรียนวันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป ส่วนระยะเวลาเรียนจะพอหรือไม่ เป็นเรื่องของสถานศึกษาพิจารณา เช่นเดียวกับเรื่องเรียนทางไกล ต้องจัดตารางสอนให้ชัดเจน เพื่อนำมานับเวลาเรียนด้วย ส่วนการอนุมัติจบการศึกษานั้น ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ 9 เม.ย.64 หากใครมีผลไม่สมบูรณ์ ก็ให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 15 พ.ค.64
“เรื่องเรียนทางไกล พูดคุยกันไว้ 2 สถานการณ์ หากยังไม่คลี่คลาย ต้องหาวิธีจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย ถึง ม.ต้น ด้วยระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดิน และดาวเทียม จำนวน 15 ช่อง แต่ถ้าสถานการณ์คลี่คลาย ก็เข้าการเรียนปกติ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบการเตรียมความพร้อมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานก่อนการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 โดยให้สำนักงบประมาณสนับสนุนค่าใช้จ่ายเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ติดตามและออกเยี่ยมบ้านนักเรียนในช่วงก่อนเปิดเทอมวันที่ 1 ก.ค. สำหรับการจัดการเรียนการสอนทางไกล แบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 เตรียมความพร้อมซึ่งเสร็จสิ้นตั้งแต่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา , ระยะที่ 2 ตรวจสอบความพร้อมการเรียนการสอนทางไกล ตั้งแต่ 18 พ.ค. – 30 มิ.ย. แบ่งเป็นการเรียนผ่านโทรทัศน์ และเรียนผ่านอินเทอร์เน็ต
ส่วนระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.- 30 เม.ย.64 หากสถานการณ์โควิดยังไม่คลี่คลาย ให้นักเรียนระดับปฐมวัย – ม.ต้น จัดการเรียนการสอนด้วยระบบโทรทัศน์ทุกระบบ ส่วนสถานการณ์ที่โรคระบาดคลี่คลายแล้วให้จัดการเรียนการสอนตามปกติ โดยจัดให้เว้นระยะห่างทางสังคม ส่วนระยะที่ 4 การวัดผลและประเมินผล หากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่คลี่คลาย การวัดและประเมินผลในระดับปฐมวัย ใช้วิธีสังเกตพฤติกรรม การพูดคุย การซักถาม การตรวจสอบชิ้นงาน ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาใช้วิธีการและรูปแบบที่หลากหลายผสมผสานกันไป
ทั้งนี้ให้กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินแนวทางบริหารจัดการสำหรับนักเรียนพิการและเด็กด้อยโอกาส โดยกำหนดแนวทางการบริหารจัดการสำหรับศูนย์การศึกษาพิเศษ ที่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพได้ตามปกติ ให้ดำเนินการจ่ายเงินสดให้แก่ผู้ปกครอง กรณีนักเรียนประจำ 90 บาท (มื้อละ 30 บาท/ 3 มื้อ) ส่วนนักเรียนไป-กลับ จ่ายเป็นเงินสด จำนวน 30 บาท (1 มื้อ) ส่วนกรณีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ให้จัดเงินสดให้แก่ผู้ปกครอง หากเป็นนักเรียนประจำ จำนวน 90 บาท (มื้อละ 30 บาท / 3 มื้อ) ให้แก่ผู้ปกครอง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง กรณีนักเรียนไป-กลับ จ่ายเป็นเงินสด จำนวน 30 บาท (1 มื้อ) สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ที่ประชุม ครม.เห็นชอบผ่อนปรนให้แรงงานต่างด้าว สัญชาติ กัมพูชา ลาว และเมียนมา อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและการทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.- 31 ก.ค.2563 หลังจากมติ ครม.เดิมจะสิ้นสุดระยะเวลาการผ่อนผันในวันที่ 31 พ.ค.นี้ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย รวมทั้งช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานของสถานประกอบการ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/