ตำรวจ ปคบ. บุกจับ 'แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์' ขายทองไม่ตรงปก ตั้ง 4 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน-นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ-โฆษณาโดยใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค-เจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้า-เตรียมส่งฝากขังศาล 1 ต.ค.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) เปิดเผยถึงกรณีทองออนไลน์ ของ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ ว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1.บก.ปคบ. และพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญา ออกหมายจับ นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม เป็นกรรมกาคผู้มีอำนาจ และน.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก ทั้งคู่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4797-4798-4799 ลงวันที่ 30 กันยายน 2567 ตามลำดับ
ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค, ร่วมกันเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น
โดยการตรวจค้นจับกลุ่มมีขึ้น ที่ บ้านเลขที่ 72 ถนนรามอินทราซอย 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ส่วนกำลังอีกชุด พ.ต.ท.กฤษณ์ พิพัฒน์พูนสิริ สว.กก.1.บก.ปคบ. นำกำลังเข้าตรวจค้นห้างทอง เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 717 /111 ถนน หทัยราษฏร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. และนำตัวกลับมาสอบสวนต่อที่ บก.ปคบ. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ต่อมาเวลาประมาณ 13.30 น. ตำรวจ บก.ปคบ. ได้คุมตัว น.ส.กรกนก และนายกานต์ มาสอบปากคำยังกองบังคับการปราบปราม โดยมี พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1.บก.ปคบ. เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง
ทั้งนี้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเดินเข้าอาคารประชาอารักษ์ ตึกสำนักงานกองปราบฯนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.กรกนก หรือ แม่ตั๊ก ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยตอบสั้นๆเพียงว่า “ไม่เครียด” เช่นเดียว นายกานต์ หรือ ป๋าเบียร์ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อสั้นๆเพียงว่า “จะออกมาชี้แจงภายหลังเมื่อให้การกับเจ้าหน้าที่เสร็จ ส่วนเรื่องการคืนทองของลูกค้ายืนยันว่าจะยังรับคืนเหมือนเดิม
ภายหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำเบื้องต้น พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ 3 หมายจับ (อีกหนึ่งหมายคือบริษัทในฐานะนิติบุคคล) 4 ข้อหา และ หมายค้นอีก 2 จุด จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ดังกล่าว สอบสวนเบื้องต้นทั้งคู่ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ขอให้การใดๆ
อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน แม้ว่าขณะนี้จะมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ 2 คน แต่ก็มีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังไม่ได้มาร้องทุกข์กับตำรวจ ดังนั้นพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว และคาดว่าจะฝากขังต่อศาลอาญาในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องการประกันตัวขอให้เป็นดุลพินิจของศาล
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวต่อว่า ส่วนพยานหลักฐานที่ตรวจยึดได้จากบ้านของแม่ตั๊ก ที่มีทั้งตู้เซฟ และอาวุธปืน 4 กระบอก ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียน โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้เก็บรวบรวมหลักฐานเอกสารได้พอสมควร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อาจกระทบต่อคดี แต่มีการตรวจยึดทองได้บางส่วน ขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ เช่นรถหรูหลายคัน ที่มีกระแสข่าวว่าถูกขนย้ายไป อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วนั้น ก็ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเฝ้าสังเกตการณ์ ติดตามทรัพย์ตั้งแต่ก่อนที่หมายจับจะออกอยู่แล้ว ตลอดจนมีการเฝ้าระวังตามแนวชายแดน ซึ่งเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทรถหรูออกนอกประเทศ ทั้งนี้จะรายงานคดีไปยัง ปปง. เพื่อให้ดำเนินการสืบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เนื่องจากคดีนี้เป็นมูลฐานความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
“ส่วนหลังจากนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างขยายผลบัญชีแถว 2 และ 3 รวมถึงบุคคลที่มาร่วมรีวิว เพื่อออกหมายเรียกมาสอบปากคำ ว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นการไลฟ์รีวิวร่วมกันเข้าข่ายความผิดร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนที่ปรากฎภาพตำรวจสนิทสนมกับแม่ตั๊ก ยืนยันว่า ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากคนไหนมีส่วนเกี่ยวข้องก็ให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญา และยืนยันภาพดังกล่าวไม่กระทบต่อการดำเนินคดี เพราะผู้บัญขาการตำรวจสอบสวนการสั่งการให้ดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานและให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย