‘ทอท.’ คาดมาตรการ VISA FREE ‘ไทย-จีน’ ที่จะมีผลในเดือน มี.ค.67 จะทำให้ 'นักท่องเที่ยวจีน' เดินทางเข้าไทยกว่า 8 ล้านคน ในปี 67
.......................................
เมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลไทยและจีนมีนโยบายยกเว้นการตรวจลงตราถาวร สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยและผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการ และหนังสือเดินทางธรรมดาของจีน (VISA FREE) ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค.2567 ว่า จากมาตรการ VISA FREE ดังกล่าว ทอท.คาดว่าจะทำให้ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยกว่า 8 ล้านคน
“ทอท.คาดว่าในช่วงที่มีมาตรการ VISA FREE ในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 8 ล้านคน หรือฟื้นตัวร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 11.1 ล้านคน” นายกีรติ กล่าวและย้ำว่า “นโยบาย VISA FREE จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการนำเม็ดเงินไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น”
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งสิ้น 28.04 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน 3.52 ล้านคน ขณะที่ในปี 2562 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งสิ้น 39.92 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน 11.14 ล้านคน
นายกีรติ ยังระบุว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้ ทอท. ซึ่งบริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เตรียมพร้อมรองรับการเดินทางของนักเดินทางชาวจีนและชาวไทย และจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการบริหารจัดการการให้บริการในท่าอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ
“ทอท.พร้อมสนองนโยบาย VISA FREE สำหรับหนังสือเดินทางของไทยและจีน โดยได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารในขั้นตอนต่างๆ ทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ให้เกิดความคล่องตัว ไม่ให้เกิดภาพความหนาแน่นในแต่ละจุดบริการ โดยเฉพาะในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋า รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม” นายกีรติ กล่าว
นายกีรติ ระบุว่า ทอท.จะประสานความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ทอท.) จัดแคมเปญดึงดูดนักท่องเที่ยว และสายการบิน เพื่อให้เกิดอุปสงค์ในการเดินทางมายังประเทศไทย
ขณะที่ปัจจุบัน ทอท. ได้มีโครงการกระตุ้นตลาดด้านการบิน ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง เพื่อดึงดูดให้สายการบินเพิ่มปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดย ทอท. จะสนับสนุนสายการบินที่ทำการบินในเที่ยวบินแบบประจำระหว่างประเทศ รวมถึงเที่ยวบินพิเศษ (Extra Flight) และเที่ยวบินแบบไม่ประจำหรือเช่าเหมาลำ นอกเหนือจากจำนวนเที่ยวบินของสายการบินตนเองตามตารางการบินที่ได้รับการอนุมัติ ณ วันที่ 8 ก.ย.2566
โดยสายการบินจะได้รับส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน 175 บาทต่อผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 1 คน ทั้งนี้ ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยานจะต้องไม่เกินร้อยละ 75 ของค่าบริการขึ้นลงของอากาศยานของเที่ยวบินส่วนเพิ่ม โดยมีระยะเวลาของโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2566-31 มี.ค.2567
นอกจากนี้ ทอท.ยังมีโครงการสำหรับสายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางการบินใหม่ (New Routes Incentive) โดย ทอท.จะพิจารณาให้ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน ค่าบริการที่เก็บอากาศยาน และค่าบริการใช้สะพานเทียบเครื่องบิน (Landing Charges, Parking Charges และ Boarding Bridge Charges) เพื่อดึงดูดให้สายการบินเปิดเส้นทางการบินใหม่มาที่ท่าอากาศยานหลัก และท่าอากาศยานในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วย
วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านบัญชี X ชื่อว่า Srettha Thavisin (@Thavisin) ว่า “เชิญ รมว.คมนาคม, รมช.คลัง, เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, ปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้อำนวยการใหญ่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย หารือเพื่อยกระดับระบบการขนส่งทางอากาศของประเทศไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และของโลกให้ได้ครับ
ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีศักยภาพทั้งในแง่ของทำเลที่ตั้ง สถานที่ท่องเที่ยว เหมาะสำหรับการค้าการลงทุน ดังนั้น การยกระดับสนามบินในจังหวัดต่าง ๆ ที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือเป็นจุดเปลี่ยนเครื่องของนักท่องเที่ยวไปยังประเทศต่าง ๆ ผมต้องการที่จะทำให้เกิดการบูรณาการทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความประทับใจกับผู้ใช้บริการ ครับ”
อ่านประกอบ :
นายกฯประกาศข่าวดี‘ไทย-จีน’ยกเว้นวีซ่าถาวร เริ่ม 1 มี.ค.67-ลดภาษี‘สุราพื้นบ้าน’เหลือ 0%