'ศาลปกครองกลาง' นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก คดี ‘ธนาธร’ ฟ้อง ‘กรมที่ดิน’ ปมออกคำสั่งเพิกถอน ‘น.ส.3 ก.’ ที่ดิน ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เนื้อที่ 2,111 ไร่เศษ
...................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในวันที่ 13 ก.ย.นี้ เวลา 11.00 น. ศาลปกครองกลางนัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีหมายเลขดำที่ 2218/2565 ระหว่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (ผู้ฟ้องคดี) กับ กระทรวงมหาดไทย ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการกระทำละเมิดอันเกิดจากคำสั่งทางปกครอง
คดีนี้ ผู้ฟ้องคดี (นายธนาธร) ฟ้องว่า กระทรวงมหาดไทย ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี กรณีอธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่ง ที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค.2565 เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158-159 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดยอ้างว่าเป็น น.ส.3ก. ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว แต่ถูกยกอุทธรณ์ จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2565 กรมที่ดิน โดยคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ในพื้นที่ ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 59 ฉบับ เนื้อที่รวม 2,111-1-69 ไร่ ที่ได้ออกเมื่อปี 2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้ระวางรูปถ่ายทางอากาศมิได้แจ้งการครอบครองที่ดิน
เนื่องจากที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)” ซึ่งต่อมาได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เมื่อปี 2527 จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวร และเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออก น.ส.3 ก. ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2497) ข้อ 3 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะนั้น คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า น.ส.3 ก.ดังกล่าว ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สมควรเพิกถอน น.ส.3 ก. ทั้ง 59 ฉบับ
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน (13 ก.ย.) เวลา 13.30 น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ส.40/2557 หมายเลขแดงที่ ส.745/2559 ระหว่าง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ 1 กับพวกรวม 98 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีได้ให้สัมปทานขุดเจาะปิโตรเลียมบนบกในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์แก่บริษัท ซ่านซี เหยียนฉาง ปิโตรเลียม (กรุ๊ป) จำกัด (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ซึ่งทำการสำรวจทางธรณีวิทยาด้วยวิธีวัดคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ โดยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้ฟ้องคดีโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบ เช่น การเกิดหลุมลึก ทำให้พืชผลเสียหาย และมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนหรือวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด ไม่มีการรับฟังความเห็นของประชาชน จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล
ต่อมา ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานบ่งชี้ว่าผู้รับจ้างของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ไม่ได้เข้าทำการสำรวจปิโตรเลียมที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีในพื้นที่หมู่บ้านที่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 ถึงที่ 98 อยู่อาศัย
ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีที่ 2 ถึงที่ 98 จึงไม่ควรจะเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายจากการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ถึงที่ 3 กรณีการสำรวจปิโตรเลียมของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ผู้ได้รับสัมปทาน และไม่มีสิทธิฟ้องคดี และผู้ฟ้องคดีที่ 1 ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องคดีไปด้วยตามหลักผู้รับมอบอำนาจไม่มีสิทธิดีกว่าผู้มอบอำนาจ
นอกจากนี้ ผู้ฟ้องคดีทั้ง 98 คน ไม่ได้ระบุหรือแสดงหลักฐานว่ามีการเข้าสำรวจปิโตรเลียมในที่ดินของผู้ฟ้องคดีหรือราษฎรรายใด ศาลจึงไม่อาจวินิจฉัยได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ไม่ปฏิบัติงานปิโตรเลียมที่ดี ตามนัยของมาตรา 51 (5) แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 หรือไม่ และต้องถือว่าไม่มีเหตุตามคำฟ้องที่จะเพิกถอนสัมปทานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ตามกฎหมายดังกล่าวได้
และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ได้ดำเนินการสำรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ เสร็จสิ้นแล้ว โดยไม่ได้ทำการสำรวจในพื้นที่ที่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 ถึงที่ 98 อาศัยอยู่ จึงไม่มีกรณีที่ศาลจะต้องกำหนดคำบังคับขอให้ผู้ถูกฟ้องคดียุติ ระงับ หรือเพิกถอนการสำรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ เก็บกู้วัตถุระเบิด หรือดำเนินการให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ทำสัญญากับประชาชนเพื่อรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี
ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด
อ่านประกอบ :
- 'นิพนธ์'แจงไทม์ไลน์เพิกถอน น.ส.3 ก.ของ'ธนาธร-แม่'ปัดใช้อำนาจแทรกแซง
- 'นิพนธ์'ชี้ที่ดิน'แม่ธนาธร'ส่วนใหญ่รุกป่าราชบุรี คาด 1-2 วันรู้ผล
- กรมป่าไม้แจ้งอัยการ เห็นแย้ง ตร.สั่งไม่ฟ้อง'สมพร-ลูก'คดี น.ส.3 ก.2 พันไร่รุกป่าราชบุรี
- ตั้งทีมสอบพิกัดรายแปลง น.ส.3 ก.2 พันไร่‘สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ’ยังไม่ชัดอยู่เขตป่าหรือไม่
- 1 ปียังเงียบ! กรมป่าไม้ทำหนังสือจี้อธิบดีกรมที่ดินเพิกถอน น.ส.3 ก. 2,154 ไร่ ‘สมพร’
- ที่ดิน ส.ป.ก. 354 ไร่‘มิตรผล’ ขายสิทธิ ให้ บ.ในเครืออีก 2 ทอด หลังซื้อจากชาวบ้าน
- ถือครอง ส.ป.ก.4-01 กว่า 354 ไร่! บ.เครือมิตรผล ผู้ขาย น.ส. 3 ก. คดีรุกป่า ให้‘ธนาธร’
- เปิด ‘ภ.บ.ท.5 - ใบจอง’ 3 ฉบับ ชนวน ส่ง ปปง. สอบ ‘สมพร’ รุกป่า จ.ราชบุรี‘
- อีกคดี! กรมป่าไม้ ส่ง ปปง. สอบ‘สมพร’ ถือครอง น.ส.2 - ภ.บ.ท.5 รุกป่า 440 ไร่
- บ.ไร่อ้อยมิตรผล ผู้ขาย น.ส. 3 ก. คดีรุกป่า จ.ราชบุรี ให้ ‘ธนาธร’ เป็นใคร?
- หนังสือบิ๊กกรมป่าไม้ ชงเพิกถอน น.ส.3 ก. 2,154 ไร่ ‘สมพร’กับลูก
- บันทึกถ้อยคำ ‘สมพร-ชนาพรรณ’ รู้ น.ส.3 ก. อยู่ในป่าสงวนฯ ก่อนซื้อที่ดิน จ.ราชบุรี
- ดูชัดๆ น.ส.3 ก. 27 ไร่ ‘ชนาพรรณ’ พี่สาวธนาธร คดีรุกป่า 2,154 ไร่
- คนยื่นรังวัดอยู่ จ.นครปฐม ! น.ส.3 ก. 38 ไร่ ‘สมพร’ คดีรุกป่า จ.ราชบุรี 2,154 ไร่
- เปิด น.ส.3 ก. 38 ไร่ ‘สมพร’ คดีรุกป่า 2,154 ไร่ จ.ราชบุรี ซื้อจากคนใกล้ชิด 9 แปลงปี 2557
- เผยโฉม น.ส.3 ก. ‘ธนาธร’ 43 ไร่ ฉบับคดีรุกป่า จ.ราชบุรี ซื้อจาก กก.เครือไทยซัมมิท
- เปิด น.ส.3 ก. 81 ไร่‘ธนาธร’ได้ปี 2543 ก่อนโดนคดีรุกป่า จ.ราชบุรี 2,154 ไร่พร้อมแม่-พี่สาว
- ‘ธนาธร’ ปี 61 เสียภาษี 2.9 ล. -บัญชีทรัพย์สิน ไม่มีรายได้จากโอนหุ้น 14 บริษัทปี 62
- ‘ธนาธร’ เรือยอร์ช นาฬิกาเรือนละ 5 แสน -เมียมีครบ ตู้ไวน์ เครื่องเพชร กระเป๋าหรู 12 ใบ
- โชว์ละเอียดสัญญาปล่อยกู้‘ธนาธร-อนค.’ 2 ครั้ง 191 ล.-คิดดอกเบี้ยไม่เท่ากัน?
- ทรัพย์สิน‘ธนาธร’ 5.6 พันล.ปล่อยกู้อนาคตใหม่ 191 ล.-'คฑาเทพ'มีโคตรเหล็กไหล พันล.