‘ประชาธิปัตย์ จัดประชุมใหญ่ ‘จุรินทร์’ ยัน กก.บห.รับผิดชอบในขอบเขต ไม่ลาออก แต่ต้องอยู่แก้ปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2565 พรรคประชาธิปัตย์ จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เพื่อรายงานการดำเนินกิจกรรมของพรรค รวมถึงรับรองการเงินประจำปี 2564 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยมีแกนนำของพรรคเดินทางมาประชุม ขณะที่บางส่วนเข้าประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในพรรค โดยกรณีของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตนได้ชี้แจงแทนกรรมการบริหารพรรคว่า ได้มีการแถลงไปแล้วอย่างน้อยครั้งหนึ่ง นอกจากการให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านั้น และขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งมี น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับบุคคลภายนอกที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชน บทบาทสตรี และผู้ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงาน ซึ่งจะเป็นผู้ที่เข้าไปช่วยดูด้วยว่า จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ในอนาคตเราจะหาทางป้องกันปัญหาได้อย่างไร และจะแก้ไขปัญหาอย่างไร รวมถึงจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง ซึ่งอาจจะกลายเป็นต้นแบบของพรรคการเมืองทุกพรรคต่อไปในอนาคตได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงเวลายังยืนยันว่าจะยังไม่ลาออกใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนได้พูดเรื่องนี้ไปแล้วว่า ความรับผิดชอบนั้น ถ้ามันเลยขอบเขตก็จะกลายเป็นความไม่รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้ทำไปก็คือ เมื่อปัญหาเกิดในยุคเรา ตนก็ไม่ผลักความรับผิดชอบ เราก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปข้างหน้าให้ได้ และก็ไม่หนีปัญหา ฉะนั้นสิ่งนี้ก็คือสิ่งที่เราได้ยึดถือยึดมั่นมา หรือแม้แต่กรณีที่นายวิทยา แก้วภราดัย ได้ออกมายกตัวอย่างว่าในยุคที่ท่านเป็น รมว.สาธารณสุข เคยถูกกล่าวหาทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง ท่านก็ได้แสดงความรับผิดชอบหรือแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่กรรมการบริหารพรรคก็ไม่ได้ลาออกแต่กรรมการบริหารพรรคชุดนั้นก็ไม่ได้หนีปัญหา และได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาจนกระทั่งมีมติที่จะให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เรื่องนั้นเป็นมาตรฐานหรือเป็นสิ่งที่เราได้เคยปฏิบัติมา ยุคนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนมาตรฐาน และยุคนี้ก็ได้ปฏิบัติไปตามนั้นเมื่อ นายปริญญ์เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหา นายปริญญ์ก็ได้ลาออกไปจากทุกตำแหน่งในพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็ไม่มีหน้าที่ที่จะแสดงความรับผิดชอบจนเกินเลยขอบเขตของความรับผิดชอบจนกลายเป็นการหนีความรับผิดชอบ เรื่องนี้ในที่ประชุมก็ไม่มีผู้ใดถามเพิ่มอีก และทุกท่านก็รับทราบและเข้าใจในคำชี้แจง
นายจุรินทร์ กล่าวถึงกรณีที่ถามว่าปัญหาดังกล่าวเหมือนเป็นระเบิดเวลานั้น ตนไม่ไปขอตอบตรงนั้น เมื่อเรามีหน้าที่อะไร มีปัญหาเกิดขึ้นเราก็ต้องรับผิดชอบด้วยการแก้ไขปัญหา ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ ฉะนั้นไม่ได้แปลว่าวันนี้ประชาธิปัตย์เจอปัญหา แล้วเราจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ประชาธิปัตย์จบแล้ว เหมือนที่บางคนพยายามพูดให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น
“ทุกยุคทุกสมัยก็มีปัญหาเกิดขึ้น กรรมการบริหารพรรคที่สมาชิกเขาเลือกมาจากมติทั่วประเทศก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาไม่ว่าองค์กรใด ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ทุกองค์กรมีปัญหาได้ทั้งสิ้น คนที่รับผิดชอบองค์กรก็ต้องแก้ปัญหา ในรัฐบาลก็มีปัญหา ไม่ใช่ไม่มี คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี คนเป็นรัฐมนตรีก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหา เพราะเขาเลือกขึ้นมาเป็นผู้บริหารพรรค หรือผู้บริหารองค์กรเพื่อไปแก้ปัญหา ถ้าหนีปัญหาก็กลายเป็นความไม่รับผิดชอบประการหนึ่งเหมือนกัน ทุกอย่างมีหลายมุม” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณสมาชิกจากทุกภาคทั่วประเทศที่กรุณามาให้กำลังใจกับตนและกรรมการบริหารพรรคทุกคน ขอขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคจะทำได้ก็คือเราต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดให้สมบูรณ์แบบที่สุด แล้วพาพรรคให้เดินข้างหน้าให้ได้ ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในการที่จะนำพรรคเดินไปข้างหน้าต่อไปและส่งไม้ต่อให้คนรุ่นต่อๆ ไป ให้คนรุ่นใหม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อไปในอนาคต
เมื่อถามว่า หากมีกรรมการบริหารพรรคประสงค์ลาออกเพิ่มเติม จะมีแนวทางอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของแต่ละท่าน เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทุกคน ในทุกวิกฤติก็มีโอกาส เมื่อเราไม่ประสงค์ให้ใครออกจากพรรค แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็มีหน้าที่ต้องหาคนใหม่ในการเข้ามาชดเชยทดแทน ทุกองค์กรก็มีเข้ามีออก ทุกองค์กรก็มีสิ่งที่หมดภารกิจไป แต่ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่ใครจะลาออก อย่าเข้าใจผิด แต่ทุกองค์กรต้องมีหน้าที่สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาในการที่จะต่อเติมอนาคตให้กับองค์กรนั้นๆ ประชาธิปัตย์ก็เหมือนกัน ทุกพรรคก็เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ไม่งั้นประชาธิปัตย์อยู่ยั้งยืนยงมา 76 ปี แล้วเดินหน้าสู่ปีที่ 77 ต่อไปไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย ได้ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พร้อมแสดงความเห็นว่า จากกรณีปัญหาของ นายปริญญ์ กรรมการบริหารพรรคควรแสดงสปิริตด้วยการลาออก