17 วันค้นหาความจริง 'บอส' กก.สางคดีของ 'วิชา' พบอะไร ?

16082563boss01

"...นายกรัฐมนตรีสั่งการให้คณะกรรมการฯ ตรวจสอบให้ถูกใจประชาชนที่สุด คือจะต้องเอาคดีนายวรยุทธไปถึงศาลให้ได้ นี่คือเป้าหมายจริงๆของเรา คดีต้องไม่ยุติอยู่แค่นี้ และจะต้องไปให้ถึงศาล เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั่วไปว่า ความยุติธรรมยังคงอยู่..."

----------------------------------------

กรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ‘วรยุทธ อยู่วิทยา’ หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ทำให้ตลอดเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา สังคมเกาะติด จับตามองความเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

เป็นเหตุให้ผู้เกี่ยวข้องทั้ง ‘อัยการสูงสุด’ เจ้าของคำสั่งไม่ฟ้องคดี และ ‘ตำรวจ’ ต้นทางประกอบสำนวนคดี-ปลายทางไม่ทำความเห็นแย้ง จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกระบวนการทำงานของหน่วยงานตนเอง

มาถึงวันนี้ ทั้ง 2 คณะได้แถลงผลสรุปข้อเท็จจริงของตนเองไปแล้ว และเหลือคณะทำงานชุดสุดท้ายที่ชื่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มี ‘วิชา มหาคุณ’ เป็นประธาน และมีกรรมการอีก 9 คน เป็นผู้เชี่ยวชาญ-นักวิชาการทางด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

โดยคณะทำงานชุดนี้ตีกรอบเวลาในการดำเนินการไว้ประมาณ 30 วัน มาถึงวันนี้ รวมเวลา 17 วันคดี ‘บอส’ ที่อยู่ในมือ ‘วิชา’ ปรากฏความคืบหน้า-ข่าวพาดหัว ดังนี้

@อายัดศพ ‘จารุชาติ’ ชันสูตรให้สิ้นสงสัย
1 ส.ค.2563 มีคณะกรรมการอย่างน้อย 2 คนที่เสนอความเห็นไปยังนายกรัฐนมตรี เพื่อขอให้ดำเนินการอายัดศพ ‘จารุชาติ มาดทอง’ พยานคนสำคัญในคดี ซึ่งเสียชีวิตกะทันหัน และจะเข้าสู่พิธีฌาปนกิจศพ

คนหนึ่งคือ ‘วิชา’ ส่วนอีกคนหนึ่งคือ ‘บวรศักดิ์ อุวรรณโณ’ ที่เห็นว่า การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของพยานคนสำคัญ ควรจะต้องชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด เพื่อคลายความเคลือบแคลงสงสัยของสังคมในทุกประเด็น

“สิ่งที่เกิดขึ้นในคดีของ นายวรยุทธ ไม่เพียงแต่จะเกิดความไม่ยุติธรรมในเฉพาะคดีนี้ แต่ได้ส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายกับประเทศ เนื่องจากสื่อต่างประเทศก็ให้ความสนใจเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดี จะต้องดำเนินการทุกขั้นตอนให้เกิดความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชน” นายบวรศักดิ์ กล่าว

เป็นเหตุให้วันที่ 2 ส.ค. นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้มีการอายัดศพไว้ก่อน กระทั่งนำไปสู่การชันสูตรพลิกศพในเวลาต่อมา

@ตั้งคณะทำงานประกบผลสอบตำรวจ-อัยการ
3 ส.ค.2563 ในการประชุมนัดแรก ‘วิชา’ แต่งตั้งคณะทำงาน 4 ชุด ประกอบด้วย คณะทำงานตรวจสอบตำรวจ , คณะทำงานตรวจสอบอัยการ , คณะทำงานตรวจสอบบุคคลทั่วไป เพื่อดูผลการตรวจสอบของฝ่ายตำรวจและอัยการ รวบรวมพิจารณาแนวทางการรวบรวมพยานหลักฐานใหม่

ส่วนคณะทำงานชุดสุดท้าย คือ คณะทำงานตรวจสอบกฎหมาย ซึ่งจะนำข้อผิดพลาด-ช่องโหว่ที่เกิดจากปัญหานำไปปรับปรุงเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมต่อไป

@หมายจับ ‘บอส’ ยังอยู่ - พบร้องขอความเป็นธรรมกว่า 10 ครั้ง
5 ส.ค.2563 ในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 2 คณะกรรมการฯ ได้รับข้อมูลจากอธิบดีศาลอาญากรุงเทพใต้ว่า ยังไม่มีการถอนหมายจับนายวรยุทธ เนื่องจากตำรวจได้ยุติการดำเนินการ หลังจากมีผู้ร้องเรียนขอให้ยับยั้งกระบวนการดังกล่าว

9 ส.ค.2563 คณะทำงานตรวจสอบอัยการ ที่มี ‘บวรศักดิ์’ เป็นประธาน เชิญฝ่ายอัยการมาให้ข้อมูล และพบว่า ตลอดระยะเวลาของคดีนี้ มีการร้องขอความเป็นธรรมมากกว่า 10 ครั้ง และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คดีมีความล่าช้ากว่าปกติ

16082563boss02

@พบช่องรื้อคดี - ยกเลิกคำสั่ง ‘พล.ต.ท.เพิ่มพูน’
11 ส.ค.2563 ในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 3 คณะกรรมการฯ เชิญ ‘พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา’ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าให้ข้อมูล และพบว่าอาจมีแนวทางการพิจารณาคดีใหม่

นายวิชา เปิดเผยว่า ผบ.ตร.ยอมรับในความผิดพลาดที่ไม่เคยติดตามคดีนี้ เพราะคิดว่าการมอบอำนาจให้ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณา ก็ไม่จำเป็นติดตามดูรายละเอียดอีก

“ผบ.ตร.รับปากว่าจะไปทบทวนเรื่องนี้ และรับปากว่าหากสามารถเปลี่ยนแปลงให้เริ่มกระบวนการสั่งไม่ฟ้องใหม่ได้ ท่านก็ยินดีที่จะทำ ซึ่งท่านรับปากกับผมอย่างลูกชาย และได้มีการลงนามในข้อตกลงกันไว้ด้วย” นายวิชา กล่าว

‘มุนินทร์ พงศาปาน’ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้พูดถึงแนวปฏิบัติตามมาตรา 74 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ที่พูดถึงเรื่องการมอบอำนาจของ ผบ.ตร. และพบว่ามีประเด็นที่ต้องพิจารณา 2 เรื่อง

1.เมื่อมีการมอบอำนาจแล้ว ต้องมีการติตดามปฏิบัติงานของผู้รับมอบอำนาจ และหากพบการปฏิบัติในเรื่องที่ไม่สมควร ให้มีอำนาจแก้ไขการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบอำนาจได้

2.การมอบอำนาจโดย ผบ.ตร. ผู้รับมอบมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม และจะมอบอำนาจให้แก่ผู้อื่นต่อไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจาก ผบ.ตร.เสีย

“เมื่อที่ประชุมได้ฟังคำชี้แจงจาก ผบ.ตร. และพิจารณาตามข้อกฎหมายดังกล่าว ซึ่ง ผบ.ตร.รับปากกับคณะกรรมการว่าจะขอกลับไปดูสำนวนคดีนี้ด้วยตัวเองใหม่ และทำให้เราเห็นแนวทางดำเนินการในคดีนี้ เช่น การออกคำสั่งในคดีนี้ใหม่โดย ผบ.ตร. ในฐานะผู้มีอำนาจตั้งแต่ต้น” นายมุนินทร์ กล่าว

16082563boss03

@‘เนตร’ อาจเป็นแค่รักษาราชการรอง อสส.ขณะสั่งไม่ฟ้องคดี
14 ส.ค.2563 การประชุมครั้งที่ 4 มีการเชิญ ‘เนตร นาคสุข’ รองอัยการสูงสุด ผู้ลงนามในคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ และ ‘อรรถพล ใหญ่สว่าง’ ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) และอดีตอัยการสูงสุดเข้าให้ข้อมูล

นายวิชา เปิดเผยว่า นายอรรถพลได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของนายเนตร ที่อาจจะยังไม่ได้เป็นรอง อสส.โดยสมบูรณ์ ขณะลงนามในคำสั่งไม่ฟ้องในคดี

“ความเห็นของนายอรรถพล ตรงกับความเห็นของท่านคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด บอกว่าเรื่องนี้ไม่มีกฎหมายระบุไว้ว่าของการร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งผู้ที่ได้รับมอบอำนาจอย่างนายเนตรที่ได้รับมอบจากอัยการสูงสุดให้ปฏิบัติหน้าที่ขณะนั้น สั่งการไปในฐานะอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง ทำหน้าที่รักษาราชการตำแหน่งรองอัยการสูงสุด และปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด คือสามต่อเลย ฉะนั้นเรื่องนี้มีประเด็นปัญหาที่น่าคิดอีกเยอะและเป็นข้อกฎหมายที่จะนำไปสู่การพิจารณาของเราด้วย” นายวิชา กล่าว

@เรียก ‘ธนสิทธิ’ ตำรวจผู้คำนวณความเร็วรถ
ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ คณะทำงานตรวจสอบตำรวจ เชิญ ‘พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น’ นักวิทยาศาสตร์สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูล ซึ่งนายวิชา ยกให้เป็นพยานปากสำคัญในขณะนี้

‘พ.ต.อ.ธนสิทธิ’ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานในคดี ที่เคยคำนวณความเร็วรถนายวรยุทธได้ 177 กม./ชม. กระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วเหลือ 79.22 กม./ชม.ในภายหลัง

เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ‘พ.ต.อ.ธนสิทธิ’ เพิ่งเข้าพบคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมเปิดเผยตอนหนึ่งว่า เหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว เพราะถูกแรงกดดันจากผู้บัญชาการระดับสูง

ทั้งหมดเป็นความคืบหน้าตลอด 17 วัน ภายหลังนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง ‘วิชา’ พร้อมคณะทำงานให้เข้ามาสางคดีนายวรยุทธ

"นายกรัฐมนตรีสั่งการให้คณะกรรมการฯ ตรวจสอบให้ถูกใจประชาชนที่สุด คือจะต้องเอาคดีนายวรยุทธไปถึงศาลให้ได้ นี่คือเป้าหมายจริงๆของเรา คดีต้องไม่ยุติอยู่แค่นี้ และจะต้องไปให้ถึงศาล เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั่วไปว่า ความยุติธรรมยังคงอยู่" นายวิชา กล่าว

เป็นความคืบหน้าที่ ‘วิชา’ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีต้องการทำให้สังคมคลายความเคลือบแคลงสงสัย และต้องส่งคดีบอสให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ส่วนสถานีต่อไป หลังคดีนี้เสร็จสิ้น คณะกรรมการฯน่าจะเข้าสู่เส้นทางปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมต่อในทันที

อ่านประกอบ

กาง กม.-ไทม์ไลน์ตำแหน่ง‘เนตร’จากอธิบดีอัยการฯ-รอง อสส.สั่งไม่ฟ้องคดี‘บอส’ตอนไหน?

Exclusive : 'อิศรา' ถาม 'ร.อ.สอาด' ตอบ ข้อเท็จจริงคดีบอส "ไม่เคยได้ไปหาจักรกฤชเลย"

ยังไม่เป็นโดยสมบูรณ์!'อรรถพล' เผย 'เนตร' แค่รักษาราชการรอง อสส.ขณะสั่งคดี'บอส'

โรมโชว์หลักฐาน‘ตัวละครลับ’ชนวนเหตุเปลี่ยนวิธีคำนวณความเร็วรถคดี‘บอส อยู่วิทยา’?

‘สิระ’เตือน‘ธานี’ถ้าไม่แจง กมธ.อาจออกคำสั่งเรียก-เชิญ 3 คณะทำงานฯสางคดี‘บอส’ด้วย

พร้อมให้สอบเส้นทางเงิน! ‘เนตร’แจง 2 กมธ.สภาฯ-ยันใช้ดุลพินิจตามสำนวนจึงไม่สั่งฟ้อง‘บอส’

เป็นทางการ!'เนตร'ไขก๊อกรอง อสส.-ตั้งคณะทำงานสอบการใช้ดุลพินิจไม่สั่งฟ้อง'บอส'

ละเอียด!แกะ 3 ปมคณะทำงานอัยการฯชง อสส.สอบต่อคดี‘บอส’-เบื้องหลัง‘เนตร’สั่งไม่ฟ้อง?

เส้นทางชีวิต ‘จารุชาติ’ พยานพลิกคดี'บอส' ให้การปี55-ไปไต้หวัน-ให้การปี 62-ตายต้นปี 63