"....รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาว่าจะมีการเปิดพรมแดนให้กับบางประเทศที่สามารถควบคุมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ หรือเป็นประเทศที่มีสัมพันธ์อันดีกับประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ โดยกลุ่มประเทศแรกๆที่รัฐบาลญี่ปุ่นนั้นจะทดลองให้มีการเปิดพรมแดนเข้าประเทศได้แก่ ไทย, เวียดนาม, ออสเตรเลีย,และนิวซีแลนด์ โดยผู้ที่จะเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นนั้นจำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่าได้รับการตรวจว่าไม่ติดเชื้อโควิด ..."
หนึ่งในประเด็นข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือเชื้อโคโรน่าไวรัส รอบโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่คนไทยให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย คือ กรณีประเทศญี่ปุ่น ออกมาประกาศว่า จะพิจารณาปลดล็อกให้คนจากต่างประเทศเดินทางเข้าไปในญี่ปุ่นได้แล้ว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคในญี่ปุ่นที่เริ่มคลี่คลายลงแล้ว
ข้อมูลดังกล่าว ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยบางส่วน เริ่มมีความหวังเกิดขึ้น ว่า การเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เคยเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมากปีละหลายล้านคน กำลังจะหวนกลับคืนมาในเร็วๆ นี้
น่าสนใจว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเดินทางเข้าไปในประเทศญี่ปุ่น ณ ช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะการเข้าไปท่องเที่ยว เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือ?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ https://www.japan-guide.com/ ซึ่งเป็นเว็บไซต์นำเสนอการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นพบว่า มีการเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 เอาไว้
มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของประเทศญี่ปุ่น ณ เวลานี้ ถือได้ว่ามีผลต่อกิจกรรมการท่องเที่ยว และส่งผลทำให้ต้องมีการยกเลิกกิจกรรมและปิดสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง
อย่างไรก็ดี สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ณ เวลานี้ ในจังหวัดโตเกียวและจังหวัดฮอกไกโดนั้น ยังไม่ควรจะไปท่องเที่ยวเป็นอันขาดเพราะว่ายังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดอยู่
เช่นเดียวกับในจังหวัดฟูกูโอกะ ที่ขณะนี้มีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้นจำนวนหลายสิบรายในเมืองคิตะคิวชู
@ การจำกัดการท่องเที่ยวระหว่างเมืองในประเทศญี่ปุ่น
ถึงแม้ว่าในขณะนี้ ในประเทศญี่ปุ่นจะไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสในระดับที่ใหญ่และรุนแรงแบบที่ทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ และทางรัฐบาลกลางได้ประกาศยกเลิกสภาวะฉุกเฉินไปเมื่อวันที่ 25 พ.ค. อันเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อลดลงแล้ว
แต่แม้จะไม่มีสถานการณ์ฉุกเฉิน ประชาชนทั่วประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงต้องทำตามคำร้องขอของรัฐบาลทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคม การห้ามไม่ให้เดินทางไปยังสถานที่ที่แออัด และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก
โดยในบางจังหวัดนั้น มีรายงานว่ารัฐบาลท้องถิ่นยังคงต้องขอร้องให้ธุรกิจบางประเภทปิดกิจการ หรือ ไม่ก็ลดเวลาทำการไปก่อน
ประชาชนยังถูกร้องขอให้งดเว้นจากการเดินทางที่ไม่สำคัญทั้งเข้าและออกจังหวัดโตเกียว,จังหวัดคานากาวะ,จังหวัดชิบะ,จังหวัดไซตามะ และจังหวัดฮอกไกโด จนถึงวันที่ 18 มิ.ย. เนื่องจาก 5 จังหวัดนี้ มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงสุดในช่วงเวลาที่ผ่านมา
และแม้ว่าในวันที่ 1 มิ.ย. ประเทศญี่ปุ่นจะยกเลิกมาตรการจำกัดการท่องเที่ยวในจังหวัดแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังคงยึดมาตรการจำกัดไม่ให้มีการท่องเที่ยวข้ามจังหวัดจนถึงวันที่ 19 มิ.ย. และมีการคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นจะมีการเริ่มแคมเปญโปรโมตการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงปลายเดือน ก.ค.
ในส่วนเส้นทางรถไฟ ระบบขนส่งสาธารณะ ในเมืองแต่ละเมืองของญี่ปุ่นนั้น แม้จะไม่ได้รับผลกระทบกับเชื้อไวรัสมากนัก
แต่สายการบินในประเทศ บริษัทรถทัวร์ ได้ลดการให้บริการลงเป็นจำนวนมาก และยังได้มีการยกเลิกการให้บริการรถไฟสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว
เช่นเดียวกับรถไฟที่เดินทางระหว่างเมืองรวมไปถึงรถไฟชินคันเซ็นก็ได้ลดปริมาณเที่ยวการให้บริการลงนับตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.
ซึ่งคาดว่าจะกลับมาให้บริการใกล้เคียงกับรูปแบบปกติในช่วงเดือน มิ.ย.
บรรยากาศกรุงโตเกียวช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อต้นเดือน พ.ค. (อ้างอิงวิดีโอจากช่อง Planet Tokyo)
@การจำกัดการท่องเที่ยว
ณ เวลานี้ ประเทศญี่ปุ่น ได้ปฏิเสธที่จะให้ชาวต่างชาติ ที่อยู่ในประเทศทั่วโลกกว่า 100 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย,แคนาดา,ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, มาเลเซีย,อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ จีน และประเทศอื่นๆในสหภาพยุโรปเข้าประเทศ ยกเว้นว่าจะมีข้อยกเว้นพิเศษ
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้ยกเลิกฟรีวีซ่ากับทุกประเทศทั่วโลกชั่วคราว ทำให้ทุกประเทศนั้นจำเป็นที่จะต้องทำวีซ่าก่อนเข้าญี่ปุ่น
ยิ่งไปกว่านั้นการจะเข้าประเทศญี่ปุ่นได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งชาวต่างชาติหรือคนสัญชาติญี่ปุ่นเองก็ตาม จะต้องอยู่ภายใต้การกักตัวเองและห้ามใช้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน นับตั้งแต่เดินทางมาถึง
และเช่นเดียวกัน หลายประเทศทั่วโลกนั้นก็ยังคงปฏิเสธที่จะให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่นเดินทางเข้าประเทศ ถ้าหากไม่ผ่านกระบวนการการกักตัว 14 วัน
ซึ่งมาตรการการกักตัวโดยคำสั่งของรัฐบาลญี่ปุ่น มีการคาดการณ์ว่าจะมีผลบังคับใช้ไปตลอดช่วงเดือน มิ.ย.
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาว่าจะมีการเปิดพรมแดนให้กับบางประเทศที่สามารถควบคุมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ หรือเป็นประเทศที่มีสัมพันธ์อันดีกับประเทศญี่ปุ่นหรือไม่
โดยกลุ่มประเทศแรกๆที่รัฐบาลญี่ปุ่นนั้นจะทดลองให้มีการเปิดพรมแดนเข้าประเทศได้แก่ ไทย, เวียดนาม, ออสเตรเลีย,และนิวซีแลนด์ โดยผู้ที่จะเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นนั้นจำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่าได้รับการตรวจว่าไม่ติดเชื้อโควิด
แต่นักท่องเที่ยวนั้นคงจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นในเร็ววันนี้ เพราะล่าสุดทางการญี่ปุ่นได้ออกมาเปิดเผยความสำคัญของบุคคลที่จะได้เข้าประเทศโดยแบ่งออกเป็น 4 ลำดับได้แก่ 1.ผู้ที่เดินทางมาด้วยจุดประสงค์ในการทำธุรกิจ 2. ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางต่างๆ 3. นักเรียนและนักศึกษา และ 4. นักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ต้องดูสถานการณ์การระบาดภายในประเทศต่างๆรวมถึงประเทศญี่ปุ่นประกอบกันไปด้วยว่าการระบาดนั้นจะมีความร้ายแรงมากน้อยแค่ไหน
จากข้อมูลทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่า การเดินทางเข้าไปญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้ ยังมีข้อจำกัดสำคัญหลายประการ
โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องการเข้าไปท่องเที่ยวตามปกติ ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ วันนี้ แน่นอน
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage