“…พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เข้าไปมีส่วนในการนำข้าวที่ทำสัญญาดังกล่าวออกเสนอขายแก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศไทย อันแสดงให้เห็นว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ รู้เห็นตั้งแต่ต้นในการทำยุทธศาสตร์ระบายข้าวที่เปิดช่องให้มีการขายข้าวแก่รัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล แล้วแอบอ้างนำบริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน ให้ซื้อขายข้าวมาทำสัญญากับกรมการค้าต่างประเทศโดยมิได้มีเจตนาจะส่งออกข้าวไปต่างประเทศ เพียงแต่ต้องการเอาข้าวของรัฐทั้งหมดที่ซื้อมาในราคาต่ำ โดยอ้างการซื้อขายแบบจีทูจีมาไว้ในครอบครอง แล้วถือโอกาสนำข้าวออกขายให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศที่ต้องการราคาสูงกว่าเพื่อแสวงหากำไรอีกทอดหนึ่ง…”
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ (นายบุญทรง เตริยาภิรมย์) 50 ปี และนายสุธี เชื่อมไธสง ลูกน้องนายอภิชาติ จันทร์สกุพล อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง 32 ปี ในคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทั้ง 2 รายหลบหนี และศาลฎีกาฯออกหมายจับไปแล้วนั้น (อ่านประกอบ : วางแผนล่วงหน้า-ดีลเอกชนขายข้าว! พฤติการณ์‘วีระวุฒิ’ก่อนศาลสั่งคุก 50 ปีคดีจีทูจีเก๊)
คำพิพากษาของศาลฎีกาฯฉบับเต็ม ระบุพฤติการณ์ตอนหนึ่งของ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เป็นจำเลยที่ 3 ในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี สรุปได้ว่า ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานและการไต่สวน พบว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์ อนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว และอนุกรรมการย่อยของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) อีก 3 คณะ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและการได้รับความไว้วางใจที่ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ได้รับจากฝ่ายการเมือง
ทั้งนี้ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ในฐานะเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เป็นผู้กลั่นกรองเรื่องเสนอ รมว.พาณิชย์ และเข้าประชุมกรรมการ กขช. รวมถึงอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ย่อมทราบดีถึงนโยบายรัฐบาลในการจำนำข้าว และการระบายข้าวออกจากโกดัง ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการระบายข้าวตามภาระหน้าที่เน้นให้ส่งออกสำคัญโดยการขายแบบจีทูจี โดยในยุทธศาสตร์ระบายข้าวตอนแรกไม่มีข้อความให้รวมถึงรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน ต่อมามีการแก้ไขขยายความให้รวมถึงรัฐวิสาหกิจจีนด้วย แต่ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ มิได้สอบถามเพิ่มเติมการแก้ไขข้อความดังกล่าว ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินการระบายข้าวจีทูจี จึงเป็นพิรุธ
นอกจากนี้การขยายความคำว่ารัฐวิสาหกิจสามารถซื้อขายจีทูจีได้ มิได้หมายความรัฐวิสาหกิจแห่งใดก็ได้ แต่ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการมอบหมายจากประเทศนั้น ๆ ด้วย ดังนั้นการที่ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ มิได้ตรวจสอบความถูกต้องของสัญญา และเป็นผู้เสนอสัญญาให้นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ (จำเลยที่ 1) และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 2) เพื่อให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอของบริษัท กว่างต่งฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ 2 รัฐวิสาหกิจจีน ในทำสัญญาขายข้าวจีทูจีทั้ง 4 ฉบับ ทั้งที่ 2 รัฐวิสาหกิจแห่งนี้ มิได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ทำให้เห็นว่า การกระทำดังกล่าวทำไปโดยเร่งรีบ ปิดบังอำพราง ไม่โปร่งใส และมีการวางแผนล่วงหน้าเป็นพิรุธ
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเสนอขอซื้อข้าวของบริษัท ห่ายหนานฯ ต่อ รมว.พาณิชย์ (นายบุญทรง) โดยได้ความตามหนังสือกระทรวงพาณิชย์ ลับ ด่วนที่สุด ที่ พณ 0307/25 ลงวันที่ 17 มิ.ย. 2557 ว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เป็นผู้เกษียนหนังสือถึงกรมการค้าต่างประเทศให้ดำเนินการ และส่งหนังสือดังกล่าวไปยังกรมการค้าต่างประเทศ อันมีข้อน่าสงสัยว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ รับหนังสือดังกล่าวจากใคร จัดส่งจากบริษัท ห่ายหนานฯ โดยวิธีการใด
ประการสำคัญต่อมาเกี่ยวกับการขายข้าวของรัฐที่เก็บไว้ในโกดังต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) และองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ความจากพยานที่เป็นบริษัทค้าข้าวในประเทศคือ นายวรพงศ์ พิชญ์พงศา กรรมการบริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด และบริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ กรรมการบริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด นายไพบูลย์ ควรทรงธรรม กรรมการบริษัท ข้าวไชยพร จำกัด และบริษัท ไชยพรไรซ์แอนด์ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด ว่า ต่างประสบปัญหาไม่มีข้าวที่จะทำการส่งออก จึงให้นายวรพงศ์ เป็นตัวแทนเข้าพบ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ได้พูดคุยกัน 2 คน
พ.ต.นพ.วีระวุฒิ บอกว่า หากนายวรพงศ์ นายสมบัติ และนายไพบูลย์ ต้องการข้าวชนิดใด ให้ติดต่อกับตนโดยตรง ส่วนการจ่ายเงินค่าข้าวให้ดำเนินการสั่งจ่ายเช็คให้แก่กรมการค้าต่างประเทศ แล้วนำไปมอบให้กับหน้าห้องของ พ.ต.ต.ศราวุธ สกุลมีฤทธิ์ หรือสารวัตรเหยิน ผอ.อคส. (ขณะนั้น) หรือจะไปติดต่อกับคนของตนโดยตรง ซึ่งทราบภายหลังว่าคือนายนิมล รักดี หรือโจ (จำเลยที่ 25) หรือลูกน้องนายโจ แล้วจะมีคนนำหลักฐานในการเบิกข้าวออกจากคลังสินค้าไปมอบให้ โดยไม่ต้องทำสัญญาซื้อขายข้าวหรือประมูลข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ
ต่อมานายโชคชัย เศรษฐีวรรณ กรรมการบริษัท ไทยฟ้า จำกัด ให้การชั้นไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เบิกความว่า ได้เข้าพบ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ และแจ้งว่าไม่มีข้าวจะส่งออก พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ได้ถามว่า ต้องการข้าวชนิดใด ถ้าเสนอราคาเหมาะสมจะขายให้ นายโชคชัยจึงได้ตัดสินใจซื้อปลายข้าวหอมมะลิ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ แจ้งว่าให้ชำระค่าข้าวโดยสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คแก่กรมการค้าต่างประเทศ ต่อมาเมื่อถึงเวลาจะนำแคชเชียร์เช็คไปมอบให้ ได้รับแจ้งจาก พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ว่า ให้ไปมอบแก่ พ.ต.ต.ศราวุธ หรือสารวัตรเหยิน แทน
สำหรับบริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด บริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด บริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด บริษัท ข้าวไชยพร จำกัด และบริษัท ไทยฟ้า จำกัด ถูก ป.ป.ช. กันไว้เป็นพยานในคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก (อ่านประกอบ : เปิดชื่อ'ไทยฟ้าฯ'เอกชนราย 5 ถูก ป.ป.ช. กันเป็นพยานคดีข้าวจีทูจีล็อตแรก, เปิดชื่อ 4 บ.ค้าข้าว ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยานคดีจีทูจีเก๊-คู่ค้ารัฐ 5.5 พันล.)
ส่วนนายทวี อาจสมรรถ กรรมการบริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด (จำเลยที่ 23) ให้การในชั้นไต่สวน ป.ป.ช. และเบิกความว่า นายนิมล หรือโจ โทรศัพท์มาสอบถามว่า สนใจจะซื้อข้าวในโกดังโรงสีกิจทวียโสธรหรือไม่ แต่นายทวีไม่แน่ใจว่าซื้อแล้วจะได้ข้าวจริงหรือไม่ นายนิมล แจ้งว่าสามารถสอบถามไปที่ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ กับแจ้งเบอร์โทรศัพท์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ นายทวีสอบถามผู้ประกอบการด้วยกันได้รับการยืนยันว่า ซื้อข้าวจาก พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ได้จริง จึงติดต่อไป และได้รับแจ้งว่านายนิมลมีสิทธิขายข้าวได้ นายทวีจึงเจรจาซื้อขายสอบถามราคาและวิธีการถึง 4 ครั้ง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ แจ้งว่า การชำระราคาข้าวให้สั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คแก่กรมการค้าต่างประเทศ โดย พ.ต.นพ.วีระวุฒิ นัดหมายให้นำแคชเชียร์เช็คไปมอบที่กระทรวงพาณิชย์ แต่เมื่อไปถึงและโทรศัพท์ติดต่อ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ แจ้งให้นำแคชเชียร์เช็คไปมอบให้แก่นายสมคิด เอื้อนสุภา ลูกน้องนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (จำเลยที่ 7) ที่ร้านกาแฟชั้น 3 ของกระทรวงพาณิชย์ ต่อมาได้รับเอกสารการรับข้าวที่ส่งมาทางไปรษณีย์ และสามารถนำไปรับข้าวจากโกดังที่ต้องการซื้อได้
ได้ความจากนายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ จำกัด (จำเลยที่ 26) ว่า นายนิมล ได้ติดต่อขายข้าวให้แก่นายทวี และนายปกรณ์จริง ส่วนนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท เจียเม้ง จำกัด (จำเลยที่ 28) ให้การในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. และเบิกความว่า ทราบจากหัวหน้าคลังสินค้าลาดยาว หลัง 5/2 และคลังสินค้าบางม่วง จ.นครสวรรค์ แต่จำชื่อไม่ได้ บอกว่า คลังสินค้านี้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 10) จองไว้กับกรมการค้าต่างประเทศ หากต้องการซื้อให้ติดต่อผ่านนายนิมล ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด
นางประพิศ ได้โทรศัพท์ไปซื้อข้าวจากนายนิมล และได้รับแจ้งจากนายนิมลว่าให้ชำระเงินด้วยแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายให้กรมการค้าต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีการจ่ายแคชเชียร์เช็คเข้าบัญชีนายสุธี เชื่อมไธสง (จำเลยที่ 16 หลบหนีคำพิพากษา) ซึ่งทราบมาว่าเป็นพนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เช่นกันด้วย โดยการซื้อครั้งนี้นางประพิศให้การว่า เป็นการซื้อข้าวกรมการค้าต่างประเทศต่อจากบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด
นอกจากนี้ได้ความจากคำชี้แจงของ พ.ต.ต.ศราวุธ หรือสารวัตรเหยิน ในชั้นไต่สวน ป.ป.ช. ว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.อคส. พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ได้โทรศัพท์ประสานงานมาแจ้งว่า จะมีตัวแทนจากบริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด และบริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทค้าขายข้าวนำเอกสารมามอบให้ ขอให้เก็บรักษาไว้แล้วนำไปส่งมอบต่อ เมื่อคนของบริษัท 2 แห่ง มาถึงได้มอบซองเอกสารแต่ไม่ปิดผนึกให้ จึงเปิดซองเอกสารออกดูพบว่า เป็นเช็คธนาคารสั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศ จำนวน 4 ฉบับ จากนั้นให้เลขานุการนำไปมอบให้กับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ
พฤติการณ์เหล่านี้บ่งชี้ให้เห็นว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ กับพวก ร่วมกันนำข้าวของรัฐไปขายให้เอกชนในประเทศ โดยแอบอ้างว่า ทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีตามฟ้อง นอกจากนี้ยังได้ความว่าขณะทำสัญญาและภายหลังการทำสัญญา 4 ฉบับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ กับพวก ไม่เคยรายงานให้ที่ประชุมอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวที่มีตัวแทนหน่วยงานอื่นทราบเรื่องการระบายข้าวไปจีน แต่กลับปรากฎตามรายงานการประชุมอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเรื่องการระบายข้าวให้ประเทศโกติวัวร์เท่านั้น แสดงว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ กับพวก พยายามปกปิดความไม่ชอบของการระบายข้าวแบบจีทูจีตามที่ทำสัญญาไว้กับบริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ มิได้แค่มีตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ที่มีหน้าที่กลั่นกรองเรื่องเสนอรัฐมนตรีพิจารณาเท่านั้น แต่ในฐานะกรรมการ กขช. และอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวที่ทราบดีถึงนโยบายของรัฐบาลในการรับจำนำข้าว และต้องการระบายข้าวออกจากโกดัง ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการระบายข้าวตามภาระหน้าที่ซึ่งเน้นให้มีการส่งออกเป็นสำคัญ โดยการขายแบบจีทูจีมีหน้าที่ให้นโยบายและกรอบการเจรจาการขายข้าวแก่นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (จำเลยที่ 4) นายฑิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว (จำเลยที่ 5) และนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ (จำเลยที่ 6) ก่อนที่จะทำการเจรจากับบริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ
ทั้งในทางปฏิบัติมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ตรวจสอบ เสนอความเห็น และเกษียนหนังสือที่นายมนัส และนายฑิฆัมพร บันทึกเสนอกรณีที่ผู้ซื้อเสนอซื้อ หรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายข้าวก่อนที่จะเสนอให้ รมว.พาณิชย์ และประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวพิจารณา และให้ความเห็นชอบ ทั้งยังเป็นผู้เกษียนหนังสือขอซื้อข้าวของบริษัท ห่ายหนานฯ มาส่งให้กับกรมการค้าต่างประเทศดำเนินการต่อ หลังจากบริษัททั้ง 2 ได้ข้าวมาไว้ในการครอบครองตามสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศแล้ว
พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เข้าไปมีส่วนในการนำข้าวที่ทำสัญญาดังกล่าวออกเสนอขายแก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศไทย อันแสดงให้เห็นว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ รู้เห็นตั้งแต่ต้นในการทำยุทธศาสตร์ระบายข้าวที่เปิดช่องให้มีการขายข้าวแก่รัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล แล้วแอบอ้างนำบริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน ให้ซื้อขายข้าวมาทำสัญญากับกรมการค้าต่างประเทศโดยมิได้มีเจตนาจะส่งออกข้าวไปต่างประเทศ เพียงแต่ต้องการเอาข้าวของรัฐทั้งหมดที่ซื้อมาในราคาต่ำ โดยอ้างการซื้อขายแบบจีทูจีมาไว้ในครอบครอง แล้วถือโอกาสนำข้าวออกขายให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศที่ต้องการราคาสูงกว่าเพื่อแสวงหากำไรอีกทอดหนึ่ง
ข้อเท็จจริงต่อมาได้ความว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอันเป็นการร่ำรวยผิดปกติอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจหน้าที่ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และเลขานุการ รมว.พาณิชย์ คดีนี้เป็นจำนวนถึง 896,555,760 บาท อันเป็นข้อพิรุธบ่งชี้ให้เห็นว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ได้ทรัพย์สินดังกล่าวมาโดยมิชอบ
จากข้อเท็จจริงตามพฤติการณ์เหล่านี้ ฟังได้ว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการระบายข้าวจีทูจี มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติ พิจารณา หรือดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคาร่วมกัน ใช้อำนาจในตำแหน่งจัดการทรัพย์สินโดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญาแบบจีทูจีที่ไม่มีอยู่จริง เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อันเป็นการตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ และละเว้นไม่ดำเนินการเพื่อให้มีการยกเลิกการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคา โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 4 วรรคหนึ่ง มาตรา 10 และ 12 และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่จัดการทรัพย์สินโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 กับเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการทรัพย์ร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151
เมื่อการกระทำเป็นความผิดเฉพาะแล้ว จึงไม่ต้องปรับบททั่วไปตามมาตรา 157 อีก เป็นการกระทำความผิดตามสัญญา 4 ฉบับ เป็นความผิดรวม 4 กระทง กระทงละ 18 ปี รวม 72 ปี แต่โทษจำคุกสูงสุดได้ไม่เกิน 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา จึงให้ลงโทษจำคุก 50 ปี
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
บ.ค้าข้าวเข้าพบ-โทรคุย-จ่ายเงิน‘วีระวุฒิ’! ข้อมูลใหม่คดีระบายข้าวจีทูจี
เปิดพฤติการณ์เอกชน-โรงสีจ่ายเช็ค‘วีระวุฒิ’ก่อนเวียนข้าวขายใน ปท.คดีจีทูจีเก๊
อายัดเช็ค 1.8 พันล.หลักฐานสำคัญมัดข้าวจีทูจีเก๊!-ป.ป.ช.พบของเครือสยามอินฯ
ป.ป.ช.จ่อชง ปปง.เอาผิด‘วีระวุฒิ-พวก’ คดีฟอกเงินข้าวจีทูจี! หลังศาลสั่งยึด 896 ล.
ศาลฎีกาฯพิพากษายึดทรัพย์ 896 ล.'วีระวุฒิ'พฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติพันคดีข้าวจีทูจี
หมายจับรอบ2‘หมอโด่ง-สุธี’!ศาลฎีกาฯพิจารณาลับหลังคดีจีทูจีเก๊-ตรวจหลักฐาน26ต.ค.
ไม่ให้ประกันหวั่นหนี!คุก'บุญทรง'42ปี 'ภูมิ'36ปี'เสี่ยเปี๋ยง'48ปีคดีจีทูจี-ชดใช้1.6หมื่นล.
INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3