
“...จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 17 ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลาประมาณ 10.00 นาฬิกา ตนได้ไปงานศพที่วัดใหม่บางคล้า ตำบลบางสวน อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้พบกับผู้ถูกร้องที่ 3 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 และพยานที่ไต่สวนประกอบ คนที่ 9 จากนั้นผู้ถูกร้องที่ 3 ติดต่อให้ตนสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และจะมีค่าใช้จ่ายให้จำนวน 4,500 บาท…”
หมายเหตุ : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยคณะกรรมการ กกต. ที่ 580/2568 มีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและให้ดำเนินคดีอาญานายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ผู้ถูกร้องที่ 1 กรณีให้เงินเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหา จัดเตรียมผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. ระดับจังหวัด จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อลงคะแนนให้กับผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. ระดับอำเภอ ซึ่งเป็น ‘พี่ชายตัวเอง’ โดยเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2561
สำนักข่าวอิศรา นำคำวินิจฉัยคณะกรรมการ กกต.ฉบับเต็ม ตอนที่ 1 ซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับคำร้อง และการให้ถ้อยคำของผู้ร้องที่ 1 การไต่สวนผู้ร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 ซึ่งภายหลังถูกกันไว้เป็นพยาน ตลอดจนบทสนทนาระหว่างผู้ถูกร้องที่ 1 กับผู้ถูกร้องที่ 3 ทางโทรศัพท์และข้อความในแอปพลิเคชันไลน์ในการนัดตระเตรียมการจัดหาผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. ต่อไปนี้เป็นตอนที่ 2
อ่านประกอบ :
- เปิดคำวินิจฉัยฉบับเต็ม (1) ‘กกต.’ ยื่น ศาลฎีกา ‘คดีว่าจ้างผู้สมัครสว.’ เลือก ‘พี่ชายตัวเอง’
- ‘กกต.’ ยื่น ศาลฎีกา ฟันอาญา-เพิกถอนสิทธิลต. ‘กำพล เลิศเกียรติดำรงค์’ ทุจริตเลือกสว.
1. ผู้ถูกร้องที่ 1 หมายถึง นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ อดีต สว.
2. ผู้ถูกร้องที่ 2 หมายถึง น.ส.ปาลาวดี เนื่องจำนงค์ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 14 หมายเลข 19 ซึ่งเป็นผู้อยู่กินฉันสามีภริยาของนายกำพล
3. ผู้ถูกร้องที่ 3 หมายถึง นายชาลี เจริญสุข ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 15 หมายเลข 3
@ รับเงินค่าใช้จ่ายคนละ 4,500 บาท ใบรับรองแพทย์-ค่าถ่ายรูป-ใบสมัคร
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 15 ให้ถ้อยคำว่า ประมาณเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลาประมาณ 10.00 นาฬิกา ผู้ถูกร้องที่ 3 ผู้ร้องที่ 1 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 ได้มาพบตนที่บริเวณบ้านของพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 9 ซึ่งเป็นพี่ชายของตน โดยผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นผู้ติดต่อให้ตนสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยแจ้งว่าจะให้เงินค่าใช้จ่ายในการสมัครจำนวน 2,500 บาท โดยไม่ได้แจ้งว่าเป็นเงินของผู้ใด จากนั้นผู้ถูกร้องที่ 3 ได้อธิบายวิธีการเขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาให้ตนทราบ
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลาประมาณ 10.00 นาฬิกา ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้มาพบตนที่บ้านของพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 9 และได้มอบเงินให้แก่ตนจำนวน 2,500 บาท พร้อมกับแจ้งว่าเป็นค่าสมัคร ตนจึงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
หลังจากนั้นในวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภออำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลาประมาณ 08.00 นาฬิกา ผู้ถูกร้องที่ 3 โทรศัพท์แจ้งให้ตนลงคะแนนเลือกผู้สมัคร หมายเลข 8 เพียงผู้เดียว ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าผู้สมัครดังกล่าวคือผู้ใด
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 17 ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลาประมาณ 10.00 นาฬิกา ตนได้ไปงานศพที่วัดใหม่บางคล้า ตำบลบางสวน อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้พบกับผู้ถูกร้องที่ 3 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 และพยานที่ไต่สวนประกอบ คนที่ 9 จากนั้นผู้ถูกร้องที่ 3 ติดต่อให้ตนสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และจะมีค่าใช้จ่ายให้จำนวน 4,500 บาท
ต่อมาในวันเดียวกันผู้ถูกร้องที่ 3 ให้เงินแก่ตน รวมทั้งพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 9 คนละ 4,500 บาท พร้อมกับนัดหมายให้ตนไปพบกับผู้ถูกร้องที่ 3 ที่ร้านเคเอฟซีในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลาประมาณ 13.30 นาฬิกา ตนไปที่ร้านเคเอฟซีดังกล่าว ซึ่งตนได้พบผู้ถูกร้องที่ 3 และผู้ร้องที่ 1 นั่งรออยู่ที่ร้าน ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้อธิบายวิธีการเขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาและได้สนทนากันจนถึงเวลาประมาณ 15.30 นาฬิกา
จากนั้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ตนได้ไปยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 17 ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 3 และผู้ร้องที่ 1 ได้แจ้งตนว่าในการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน ให้ตนลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครกลุ่มที่ 15 ได้แก่ ผู้ร้องที่ 1 ผู้สมัครหมายเลข 19 และ ‘พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1’ ซึ่งเป็น ผู้สมัครหมายเลข 8 และให้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครกลุ่มที่ 14 หมายเลข 20
ต่อมาในวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 17 ซึ่งเป็นกลุ่มของตนมีผู้สมัครจำนวน 2 คน จึงไม่ต้องดำเนินการเลือก ในการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มที่อยู่ในสายเดียวกัน กลุ่มของตนจับสลากได้สาย ข เท่าที่ตนจำได้มีกลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ 6 กลุ่มที่ 7 กลุ่มที่ 14 และกลุ่มที่ 17 ซึ่งในสาย ข ไม่มีกลุ่มที่ 15 ส่วนผู้สมัครกลุ่มที่ 14 หมายเลข 20 ไม่ได้รับเลือกในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 3 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 3 ให้ถ้อยคำว่า ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลาประมาณ 12.00 นาฬิกา ผู้ถูกร้องที่ 3 และผู้ร้องที่ 1 ได้มาพบตนที่บ้านและชักชวนให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 3 กลุ่มการศึกษา เพราะมีจำนวนผู้สมัครน้อย ตนจึงไปสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 3 โดยออกคำใช้จ่ายเองและไม่ได้รับเงินจากผู้ถูกรู้ถูกร้องที่ 3
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 4 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 3 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 8 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 4 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ไม่มีบุคคลใดมาติดต่อให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตนสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามความประสงค์ของตนและชำระค่าธรรมเนียมการสมัครด้วยเงินของตนเอง
@ ตระเตรียมการกันในวัด-งานศพ
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 20 ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ตนได้ไปงานศพที่วัดแจ้ง ตำบลบางคล้า อำเภอบางคล้า จังหวัดจะเชิงเทรา โดยในเวลาประมาญ 20.00 นาฬิกา หลังจากสวดพระอภิธรรม ตนได้นั่งพักและสนทนากับผู้ถูกร้องที่ 3 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 บริเวณครัวของวัดแจ้ง
ผู้ถูกร้องที่ 3 ขอตนให้ช่วยสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 พร้อมกับให้เงินแก่ตนจำนวน 1,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการขอใบรับรองแพทย์ ต่อมาประมาณเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ช่วงเวลาบ่าย พยานที่ไต่ส่วนประกอบคนที่ 6 ได้เรียกให้ตนไปพบที่บ้านของพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 เมื่อไปถึงได้พบผู้ถูกร้องที่ 3 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 จากนั้นผู้ถูกร้องที่ 3 ได้เขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาให้แก่ตนและให้ตนลงลายมือชื่อลงในเอกสารดังกล่าว และในวันใดจำไม่ได้ พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 ได้มาพบตนที่บ้านและมอบเงินให้แก่ตนจำนวน 3,500 บาท โดยพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 แจ้งว่า ผู้ถูกร้องที่ 3 ฝากเงินมาให้เป็นค่าถ่ายรูปและค่าธรรมเนียมการสมัคร ซึ่งตนและพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 ไปถ่ายรูปที่ร้านถ่ายรูปบริเวณสามแยกไฟแดง อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และไปยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่หอประชุมอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเชิงเทรา
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลาใดจำไม่ได้ พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 ได้แจ้งว่า ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 20 ให้ตนลงคะแนนเลือกตนเองและผู้สมัครหมายเลข 11
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 20 ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ระหว่างเวลาประมาณ 17.00 นาฬิกาถึงเวลา 18.00 นาฬิกา ตนได้ไปงานศพที่วัดแจ้ง ตำบลบางคล้า อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ถูกร้องที่ 3 มานั่งข้างตนและขอให้ตนช่วยสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลากลางวัน ผู้ถูกร้องที่ 3 และผู้ร้องที่ 1 ได้มาพบตนที่บ้าน โดยผู้ถูกร้องที่ 3 ให้ตนกรอกข้อมูลลงใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และแจ้งว่าจะมีเงินค่าสมัครและค่าถ่ายรูปให้แก่ตนจำนวน 4,500 บาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ช่วงเวลาเช้า ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้มาพบตนที่บ้านและให้เงินแก่ตนจำนวน 4,500 บาท และแจ้งตนว่าในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 20 ให้ตนลงคะแนนเลือกพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 และลงคะแนนเลือกตนเอง
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 17 ให้ถ้อยคำว่า ก่อนวันรับสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาประมาณ 1 สัปดาห์ ผู้ถูกร้องที่ 3โทรศัพท์ชักชวนให้ตนสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยจะมีค่าใช้จ่ายในการสมัครให้แก่ตนจำนวน 4,500 บาท ตนได้ตอบตกลง หลังจากนั้นอีกประมาณ 4 วันถึง 5 วัน ตนไปร่วมงานอุปสมบทที่วัดใหม่บางคล้า ตำบลบางสวน อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้พบกับผู้ถูกร้องที่ 3 ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 3 ได้มอบเงินให้แก่นจำนวน 4,500 บาท และได้อธิบายวิธีการกรอกข้อมูลลงในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
ต่อมาก่อนวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ถูกร้องที่ 3 แจ้งให้ตนช่วยลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 หมายเลข 8 เพียงหมายเลขเดียวเท่านั้น
@ ปูมหลัง ‘กำพล-ชาลี’
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 9 ซึ่งเป็นพี่ชายของพยานไต่สวนประกอบคนที่ 1 ให้ถ้อยคำว่า ตนประสงค์ที่จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาเนื่องจากผู้ถูกร้องที่ 3 ให้ช่วยสมัคร แต่ภายหลังได้ตรวจพบว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาเพราะตนไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา จึงไม่ได้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งตนไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ที่มีการให้เงินแก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
อีกทั้งพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 ไม่เคยแจ้งว่ามีผู้ใดให้เงินเพื่อจูงใจให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาเช่นกัน
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 10 ซึ่งเคยร่วมงานกับผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 ให้ถ้อยคำว่า ตนรู้จักผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 เนื่องจากผู้ถูกร้องทั้งสองเคยเป็นอดีตกรรมการหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา และขณะนั้นตนเป็นประธานหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ในขณะที่ผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นสมาชิกวุฒิสภา ผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นบุคคลในคณะทำงานของผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 ร่วมงานกันมาประมาณ 10 ปี จึงมีความสนิทสนมกันจากการที่ได้ทำงานร่วมกัน ผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 เคยร่วมกิจกรรมในสโมสรไลออนส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตนทราบว่าในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 มีการปรึกษาหารือกัน โดยผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นผู้ชักชวนให้ตนไปสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาแต่ตนปฏิเสธ
จากการไต่สวนพยานที่ไต่ส่วนประกอบคนที่ 11 ซึ่งเคยร่วมงานกับผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 ให้ถ้อยคำว่า ตนรู้จักผู้ถูกร้องที่ 3 ประมาณ 30 ปี เนื่องจากตนและผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นสมาชิกยุวสมาคมแห่งประเทศไทย ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา และตนเคยเป็นกรรมการสโมสรไลออนส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 3 เคยเป็นนายกสโมสรดังกล่าว ตนทราบว่าผู้ถูกร้องที่ 1 รู้จักและสนิทสนมกับผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นอย่างดี โดยผู้ถูกร้องทั้งสองเข้าร่วมงานสังคมในจังหวัดจะเชิงเทราด้วยกันเป็นประจำ
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคบคนที่ 12 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 2 ให้ถ้อยคำว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 มีความสนิทสนมกันมานาน เนื่องจากผู้ถูกร้องทั้งสองเป็นสมาชิกยุวสมาคมแห่งประเทศไทย และเคยทำงางานร่วมที่สโมสรไลออนส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยตนดำรงตำแหน่งเลขาธิการสโมสร ตนเคยทราบจากผู้ถูกร้องที่ 3 ว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้เงินแก่บุคคลเพื่อสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ตนไม่ทราบรายละเอียด
@ ตรวจสอบข้อมูลการใช้ ‘มือถือ’ – คลิปบันทึกเสียงสนทนา - ไลน์
จากการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ปรากฏว่า ระหว่างวันที่ 3 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อผู้ถูกร้องที่ 3 จำนวน 11 ครั้ง จากการตรวจพิสูจน์คลิปบันทึกเสียงการสนทนาประกอบคำร้อง กองพิสูจน์หลักฐานกลางได้มีหนังสือ ลับ ที่ ตช 0032.29/301 ลงวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 แจ้งผลการตรวจพิสูจน์ว่า ไม่พบร่องรอยการตัดต่อของคลิปบันทึกเสียงการสนทนา
เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องที่ 3 ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้โทรศัพท์ติดต่อผู้ถูกร้องที่ 3 โดยแจ้งให้ผู้ถูกร้องที่ 3 ดำเนินการจัดเตรียมบุคคลให้ไปสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 10 คน และในอำเภออื่น อำเภอละ 5 คนขึ้นไป และให้จัดเตรียมบุคคลไปสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในกลุ่มอื่น ๆ กลุ่มละ 5 คน เพื่อลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน รวมทั้งให้แจ้งผู้ร้องที่ 1 ช่วยเตรียมบุคคลมาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วย และจะให้เป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด ‘โดยผู้ถูกร้องที่ 1 จะให้เงินแก่บุคคลที่ตกลงมาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
หลังจากนั้นผู้ถูกร้องที่ 3 ได้ไปติดต่อหาบุคคลที่จะมาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 พยานไต่สวนประกอบคนที่ 6 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยโทรศัพท์แจ้งให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ทราบก่อนวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภาประมาณ 10 วัน
ต่อมาอีกประมาณ 4 วัน ผู้ถูกร้องที่ 1 แจ้งให้ผู้ถูกร้องที่ 3 ไปพบที่บ้านของผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นร้านอาหารชื่อ BLOOM @ ฉะเชิงเทรา เมื่อได้พบผู้ถูกร้องที่ 1 ให้เงินแก่ผู้ถูกร้องที่ 3 จำนวน 22,500 บาท เพื่อนำไปมอบให้แก่บุคคลที่ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้จัดเตรียมไว้สำหรับการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 5 คน คนละ 4,500 บาท ‘แต่ผู้ถูกร้องที่ 3 ไม่ได้รับเงินเพราะได้รับการวางตัวให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาจึงต้องออกค่าใช้จ่ายเอง’
หลังจากที่ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้พบกับผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 3 และผู้ร้องที่ 1 ได้ไปที่บ้านของพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 โดยได้พบพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 และบุคคลซึ่งผู้ถูกร้องที่ 3 ไม่ทราบชื่อตัวและชื่อสกุลจริง ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 3 ได้อธิบายวิธีการเขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งให้เงินแก่บุคคลทั้งสามคนละ 4,500 บาท
@ รอคำสั่งให้ลงคะแนนลงคะแนนให้กับผู้ใด
จากนั้นอีก 2 วัน ผู้ถูกร้องที่ 3 และผู้ร้องที่ 1 ไปพบกับพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ที่ร้านเคเอฟซีในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 3 ได้อธิบายวิธีการเขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมอบเงินให้แก่พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 จำนวน 4,500 บาท และในเวลาประมาณ 19.00 นาฬิกาของวันเดียวกัน ผู้ถูกร้องที่ 3 และผู้ร้องที่ 1 ไปพบพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 ที่บ้านของพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 3 ได้อธิบายวิธีการเขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมอบเงินให้แก่พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 คนละ 4,500 บาท ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าว ผู้ถูกร้องที่ 3 แจ้งให้พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภากลุ่มที่ 15 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 17 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 ส่วนบุคคลซึ่งผู้ถูกร้องที่ 3 ไม่ทราบชื่อตัวและชื่อสกุลจริง ไม่มีสิทธิสมัครจึงคืนเงินในภายหลัง และให้พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 17 แทน
ต่อมาผู้ถูกร้องที่ 3 ตรวจสอบแล้วเห็นว่า ในกลุ่มที่ 15 ยังขาดผู้สมัครอีก 1 คน จึงแจ้งให้ผู้ร้องที่ 1 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 15 และไปขอรับเงินจากผู้ถูกร้องที่ 1 จำนวน 4,500 บาท แล้วนำมามอบให้ผู้ร้องที่ 1
ต่อมาเมื่อถึงวันรับสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา บุคคลดังกล่าวได้ไปยื่นใบสมัคร ณ ที่ว่าการอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และรอคำสั่งว่าจะให้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครคนใด
จากนั้นก่อนวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน โดยให้พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 และผู้ร้องที่ 1 ลงคะแนนเลือกพี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 และเลือกหมายเลขของตนเอง กลุ่มที่ 17 ไม่ต้องเลือก เนื่องจากมีผู้สมัครเพียง 2 คน และกลุ่มที่ 20 ให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครคนหนึ่งและลงคะแนนเลือกหมายเลขของตนเองซึ่งทำให้พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้สมัครคนดังกล่าวได้เข้าสู่ขั้นตอนการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน ซึ่งต่อมาผู้สมัครคนดังกล่าวได้รับเลือกระดับจังหวัด ส่วนพี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่ได้รับเลือก และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 ได้รับเลือกระดับจังหวัด กลุ่มที่ 17 เป็นเหตุให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เข้าใจว่าผู้ร้องที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่ได้รับเลือก หลังจากนั้นผู้ถูกร้องที่ 3 ได้ส่งคลิปบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ และบันทึกการถอดข้อความเสียงการสนทนาระหว่างผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 ให้แก่ผู้ร้องที่ 1 และผู้ร้องที่ 2

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา