
“...จากนั้นก่อนวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ ผู้ถูกร้องที่ 1 (นายกำพล) สั่งการเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน โดยให้พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 และผู้ร้องที่ 1 ลงคะแนนเลือก ‘พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1’...ซึ่งทำให้พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้สมัครคนดังกล่าวได้เข้าสู่ขั้นตอนการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน ซึ่งต่อมาผู้สมัครคนดังกล่าวได้รับเลือกระดับจังหวัด ส่วนพี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่ได้รับเลือก...เป็นเหตุให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เข้าใจว่าผู้ร้องที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนของตนเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่ได้รับเลือก...”
หมายเหตุ : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยคณะกรรมการ กกต. ที่ 580/2568 มีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและให้ดำเนินคดีอาญานายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ผู้ถูกร้องที่ 1 กรณีให้เงินเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหา จัดเตรียมผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. ระดับจังหวัด จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อลงคะแนนให้กับผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. ระดับอำเภอ ซึ่งเป็น ‘พี่ชายตัวเอง’ โดยเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2561
อ่านประกอบ : ‘กกต.’ ยื่น ศาลฎีกา ฟันอาญา-เพิกถอนสิทธิลต. ‘กำพล เลิศเกียรติดำรงค์’ ทุจริตเลือกสว.
สำนักข่าวอิศรา ขอนำคำวินิจฉัยคณะกรรมการ กกต.ฉบับเต็ม อย่างไรก็ตามเนื่องจากรายละเอียดของคำวินิจฉัยฯ มีเป็นจำนวนมากถึง 11 หน้า คราวนี้จะขอนำรายละเอียดในส่วนของการให้ถ้อยคำของผู้ร้องที่ 1 การไต่สวนผู้ร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 ซึ่งภายหลังถูกกันไว้เป็นพยาน ตลอดจนบทสนทนาระหว่างผู้ถูกร้องที่ 1 กับผู้ถูกร้องที่ 3 ทางโทรศัพท์และข้อความในแอปพลิเคชันไลน์ในการนัดตระเตรียมการจัดหาผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. โดยขอเสนอเป็น ตอนที่ 1
-
ผู้ถูกร้องที่ 1 หมายถึง นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ อดีต สว.
-
ผู้ถูกร้องที่ 2 หมายถึง น.ส.ปาลาวดี เนื่องจำนงค์ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 14 หมายเลข 19 ซึ่งเป็นผู้อยู่กินฉันสามีภริยาของนายกำพล
-
ผู้ถูกร้องที่ 3 หมายถึง นายชาลี เจริญสุข ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 15 หมายเลข 3
@ เปิดคำร้อง ร้อง กำพล-ภริยา-คนสนิท
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณารายงานการไต่สวน ตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วได้ความว่า ข้อกล่าวหาที่ 1 ประเด็นที่ 1 ผู้ร้องที่ 1 ยื่นคำร้องและให้ถ้อยคำว่า เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้มาพบตนที่บ้านและแจ้งว่า ผู้ถูกร้องที่ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาในขณะนั้น (นายกำพล) ได้จัดเตรียมกลุ่มบุคคลเพื่อสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในแต่ละกลุ่ม ให้ได้จำนวนผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด 19 คน เพื่อลงคะแนนเลือกผู้ถูกร้องที่ 2 (น.ส.ปาลาวดี) ซึ่งเป็นภริยาของผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด
โดยมีผู้ถูกร้องที่ 3 (นาชาลี) เป็นผู้จัดเตรียมบุคคลไปสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่มที่ 3 กลุ่มการศึกษา จำนวน 3 คน กลุ่มที่ 17 กลุ่มองค์กรสาธารณประโยชน์ จำนวน 2 คน และกลุ่มที่ 15 กลุ่มผู้สูงอายุ จำนวน 3 คน ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 3 ได้ชักชวนให้ตนจัดหาบุคคลมาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วย แต่ตนปฏิเสธเพราะอยู่ระหว่างรักษาตัวจากอาการป่วย ผู้ถูกร้องที่ 3 จึงชักชวนให้ตนสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 15 กลุ่มผู้สูงอายุ
@ นัดพบ ปั๊ม ปตท.บางคล้า-ถ่ายรูปร้านฟูจิโฟโต้
ต่อมาก่อนวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภาประมาณ 7 วัน ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้มารับตนที่บ้านเพื่อให้ตนไปช่วยดูบุคคลที่จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 7 คนถึง 8 คน ตามที่ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้ติดต่อไว้แล้ว โดยแจ้งให้พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 15 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 17 และอีกหนึ่งคน ซึ่งตนจำชื่อไม่ได้ เตรียมเอกสารและหลักฐานที่ใช้ประกอบการสมัครระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 หลังจากนั้นตนและผู้ถูกร้องที่ 3 ได้ไปพบกับพยานที่ไต่ส่วนประกอบคนที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 17 ที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเชิงเทราเพื่อเตรียมตัวสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
ต่อมาประมาณวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 3 มารับตนที่บ้านและเดินทางไปพบกับพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 3 และคนที่ 4 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 3 เพื่อแจ้งให้เตรียมเอกสารและหลักฐานที่ใช้ประกอบการสมัคร
จากนั้นตนและผู้ถูกร้องที่ 3 ได้นำพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 3 และคนที่ 4 ไปถ่ายรูปที่ร้านฟูจิโฟโต้ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยในวันรุ่งขึ้น ตนได้ไปรับรูปถ่ายของพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 3 และคนที่ 4 และนำมาเก็บไว้ ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ถูกร้องที่ 3 แจ้งว่าผู้ถูกร้องที่ 3 จะนำเงินไปมอบให้พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 3 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 4 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 และอีก 1 คน จำนวนคนละ 4,500 บาท
@ สั่งการ เลือก พี่ชายกำพล
ต่อมาในวันสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ตนพร้อมกับพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 3 และคนที่ 4 ไปสมัครรับเลือกที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 3 มาพบตนที่บ้านพร้อมกับมอบเอกสารซึ่งระบุว่าในแต่ละกลุ่มจะต้องลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกคนใด โดยผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นผู้สั่งการให้กระทำการดังกล่าว โดยประสงค์จะให้ “พี่ชายผู้ถูกร้องที่1” เป็นผู้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภออำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
หลังจากนั้นในวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ตนได้ไปลงคะแนนและเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด แต่พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่ได้รับเลือก ทำให้ผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 ไม่ติดต่อกับตนอีก เพราะพี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 แจ้งกับผู้ถูกร้องที่ 1 ว่าตนไปแย่งคะแนนของพี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1
@ ‘ชาลี’ หัก ‘กำพล’ ส่งหลักฐานให้ ผู้ร้องที่ 1 ร้อง
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ในวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ตนและผู้ถูกร้องที่ 3 ไม่ได้รับเลือกระดับจังหวัด
ต่อมาประมาณวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 3 ให้เงินแก่ตนจำนวน 4,500 บาท และผู้ถูกร้องที่ 3 ได้มอบคลิปบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 ข้อความสนทนาทางแอปฟลิเคชันไลน์ระหว่างผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 รวมทั้งบัญชีทรัพย์สินของผู้ถูกร้องที่ 1 ให้แก่ตนเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการยื่นคำร้อง
และตนได้ยื่นสำเนาสารที่ใช้ชื่อว่า “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 1 กลุ่มบริหารราชการแผ่นดิน” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 3 การศึกษา” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 14 สตรี” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 15 ผู้สูงอายุ” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 17 ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 20 อื่น ๆ” เป็นหลักฐานประกอบการยื่นคำร้อง
@ คลิปเสียงสนทนา กำพล-ชาลี
จากการไต่สวนผู้ร้องที่ 2 ยื่นคำร้องและให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ผู้ร้องที่ 1 ได้ส่งคลิปบันทึกเสียงการสนทนาระหว่างผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 1 ได้กล่าวว่า การส่งคนลงกลุ่มอื่น ท่านมีส่งกลุ่มอื่น อำเภออื่นด้วย อำเภอเมืองท่านวาง 10 คน เวลาเกิดต้องสู้ขึ้นมา ท่านก็ลงคนเดียว 10 คะแนนแล้ว แล้วตอนไขว้เราก็ต้องดูว่าเราจะเจอกลุ่มไหน ถูกไหม ความยากอยู่ตรงนี้ ตอนไขว้ท่านจะผ่านอำเภอไหน เราก็ทำไว้หมดแล้ว ระดับจังหวัด ท่านไม่ต้องกลัว เพราะผมทำระดับอำเภอไว้หมดแล้ว เกิดผู้ร้องที่ 2 ทำทั้งจังหวัดด้วย มันก็ต้อง ไปวัดกันแล้ว
ทีนี้ ผู้ถูกร้องที่ 3 กล่าวว่า ผู้ร้องที่ 2 เขาไม่ทำหรอก เพราะเขาเล่นแต่โซเชียล ขอคะแนนคนโน้น คนนี้ไปเรื่อยๆ พอรู้ว่าใครจะลงสมัคร สว. เขาก็ขอกันแล้ว แต่ผู้ร้องที่ 2 ยังไม่รู้ว่าจะลงกลุ่มไหน
ผู้ถูกร้องที่ 1 กล่าวว่า ถูกเขาขอหมด ถือว่าเป็นพันธมิตร ฉะนั้นเราต้องล็อค พอถึงเวลาไขว้ขึ้นไป กลุ่มของเราขึ้นไปไขว้เจอ เราก็สั่งไม่ลงให้ พอถึงเวลากลุ่มของเราขึ้นไปทั้งหมด เราสั่งไม่ลงให้ทั้งหมด
ผู้ถูกร้องที่ 3 กล่าวว่า ผู้ร้องที่ 2 ก็จะตกตอนไขว้นี่แหละ ผู้ถูกร้องที่ 1 กล่าวว่า ถ้าผู้ร้องที่ 2 ลงอำเภอท่าตะเกียบ ผู้ถูกร้องที่ 3 กล่าวว่า ผู้ร้องที่ 2 อยู่อำเภอสนามชัยเขตติดกับสนามทดสอบยางรถยนต์ มีคลองห้วยโสมกัน ติดกับอำเภอท่าตะเกียบครับ ห่างกันแค่ 200 เมตร ผู้ร้องที่ 2 จะลง ยืนยันมาแล้วว่าจะลง อำเภอสนามชัยเขต กลุ่ม 20 สายของผู้ถูกร้องที่ 3 ได้รายงานมาแล้ว ผู้ถูกร้องที่ 1 กล่าวว่า แล้วผู้ร้องที่ 2 มันจะชนกับท่าน
ผู้ถูกร้องที่ 3 กล่าวว่า อย่างนี้ครับ ไม่เป็นไรครับท่าน ความสำคัญของการแนะนำตัว 5 บรรทัด เป็นจุดเด่นในตัวผู้สมัคร คือ ผู้ถูกร้องที่ 3 อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ จังหวัดฉะเชิงเทรา อดีตนายกสโมสรไลออนส์ฉะเชิงเทรา อดีตรองประธานหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ถูกร้องที่ 1 กล่าวว่า บอกไม่ต้องลงอาชีพที่สมัครใน 5 บรรทัด
ผู้ถูกร้องที่ 3 กล่าวว่า ถ้าพรรคการเมืองนัดกันว่า 5 บรรทัด พรรคก้าวไกล ลงใน 5 บรรทัด ว่าเคยเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล หรือ กลุ่มก้าวหน้า สื่อสารทั้งประเทศ ก้าวไกลจะลงกันหมดทั้งประเทศ ให้ใส่เสื้อสีส้มติดโลโก้กันทุกคน ผู้ถูกร้องที่ 1 กล่าวว่า ทำอย่างนี้เป็นการฮั้วหรือไม่ กกต.จะกล้าตัดสิทธิหรือไม่ ผู้ถูกร้องที่ 3 กล่าวว่า กรณีสถาบันการสร้างชาติ เขาก็ประชาสัมพันธ์
@ ฮาวทู จัดตั้ง
ผู้ถูกร้องที่ 3 กล่าวว่า วันก่อนไประชุมชมรมสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ สว. อาจารย์วันชัย สอนศิริ บอกว่า จัดตั้งไม่ได้หรอกทั้งประเทศมันยาก ผู้ถูกร้องที่ 1 กล่าวว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติแต่ละคนไม่รู้เรื่องหรอก สว.วันชัย ไม่รู้เรื่องหรอก รู้ไม่ลึก เขาก็รู้ว่าวิธีการทำอย่างไร แต่ฮาวทูเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ถึงรู้เขาก็ไม่บอก เพราะเป็นเรื่องผิด แต่ผมกับท่านกำลังจะบอกรายละเอียดชัดว่าจะทำอย่างไร ฮาวทูจะทำอย่างไร ยังไม่เริ่ม ท่านก็ยังไม่เริ่มเลย ผู้ถูกร้องที่ 3 กล่าวว่า เราก็ไปหามาแต่ยังได้ไม่เยอะ ตอบ โน ปฏิเสธมาเยอะ
คลิปบันทึกเสียงการสนทนานาทีที่ 7.40 ผู้ถูกร้องที่ 1 กล่าวว่า ให้ผู้ถูกร้องที่ 3 ไปหากลุ่ม 20 อำเภอเมือง มีกี่คน เป้า 10 คน ผู้ถูกร้องที่ 3 หามาได้ 4 คน ผู้ถูกร้องที่ 1 หามา 6 คน ตอนนี้ ผู้ถูกร้องที่ 1 ทำอะไร ผู้ถูกร้องที่ 3 ไม่เคยถามเลย ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้ผู้ถูกร้องที่ 3 ไปหาคนมาลง 20 กลุ่มอาชีพ หน้ากว้าง ต้องถาม ผู้ถูกร้องที่ 1 ว่าได้กลุ่มไหนบ้างแล้ว แล้วให้ผู้ถูกร้องที่ 3 หากลุ่มอาชีพเพิ่มให้ครบ 20 กลุ่มอาชีพ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา เอาไว้ตอนเลือกไขว้ ผู้ถูกร้องที่ 3 ต้องหาคนสมัคร 10 คน ถึง 12 คน เพราะผู้ถูกร้องที่ 3 คิดโจทย์ไม่ถูก ผู้ถูกร้องที่ 3 จะไปเรื่อย ๆ สมมุติว่ามีกลุ่ม 3 การศึกษา กลุ่ม 14 กลุ่มสตรี ผู้ถูกร้องที่ 2 กลุ่ม 15 ผู้สูงอายุ ผู้ถูกร้องที่ 3 กล่าวว่า เข้าใจแล้วครับท่าน
คลิปบันทึกเสียงการสนทนานาทีที่ 6.20 ผู้ถูกร้องที่ 1 กล่าวว่า ผู้ถูกร้องที่ 3 ต้องกางคนที่หาไว้ 20 อาชีพ ให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เห็น ในฐานะผู้คุมเกมส์ ในอำเภอเมืองจะให้ผู้ถูกร้องที่ 3 เข้ารอบคนเดียวนะ ตัวจริงคนเดียวในจังหวัด อีก 2 คน ที่เป็นตัวจริง สมมุติว่า ผู้ถูกร้องที่ 3 วางตัวอำเภอบางคล้า วางตัวผู้ร้องที่ 1 เป็นตัวจริงอำเภอบางคล้า ต้องทำ 10 คน อำเภอบางคล้า และผู้ร้องที่ 1 จะต้องมีหาคนมาให้ได้อีก 20 กลุ่มอาชีพในอำเภอบางคล้า และต้องถามผู้ถูกร้องที่ 1 ได้กี่คนแล้ว ผู้ถูกร้องที่ 1 ย้ำว่าสิ่งที่พูดห้ามบอกใคร ในฐานะที่เข้าทีมมาเดินกับผมแล้ว ให้ผู้ถูกร้องที่ 3 กับผู้ร้องที่ 1 ไปหามาอีก 4 อำเภอ
คลิปบันทึกเสียงการสนทนานาทีที่ 4.50 ผู้ถูกร้องที่ 1 กล่าวว่า ผู้ถูกร้องที่ 3 รู้ว่าผู้ร้องที่ 2 ลงกลุ่ม 20 อำเภอสนามชัยเขต ต้องไปน็อคให้ได้ ให้ผู้ถูกร้องที่ 3 ไปน็อคผู้ร้องที่ 2 ให้ได้ ที่อำเภอสนามชัยเขต ปล่อยเข้าจังหวัดไม่ได้ เพราะจะมาแข่งกับกลุ่ม 20 ผู้ถูกร้องที่ 3 กับผู้ร้องที่ 1 ต้องหาคนให้ได้ 4 คน ถ้าผู้ร้องที่ 1 ไม่มีเงินก็ให้คุยกับพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 ให้ช่วยหาคนในพื้นที่ เรื่องค่าสมัคร ไม่เป็นไร ผมสนับสนุนอยู่แล้ว หาคนให้ 10 คน ที่มีคุณสมบัติลง ถ้าอำเภอบางคล้าไม่มีการแข่งขัน หาแค่ 5 คน เพื่อประหยัด ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้ผู้ถูกร้องที่ 3 ไปหาอำเภอบางปะกง หาคน มีเงินแล้วออกค่าใช้จ่ายคนละครึ่ง สนามชัยเขตมีคนลง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วไปน็อคได้เลย ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ให้ออกคนละครึ่ง คือ ผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้ถูกร้องที่ 3 ผู้ถูกร้องที่ 3 ถาม จะให้ลงกลุ่ม 10 หรือกลุ่ม 20 ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้ลงกลุ่ม 20 เพราะกลุ่ม 10 ไม่ได้ทำ
@ เปิด แชทไลน์-ระวังคนบ้านใหญ่
และยังมีบทสนทนาทางแอปพลิเคชันไลน์ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 1 ส่งข้อความว่า ช่วยเช็คผู้สมัครบางน้ำเปรี้ยวของกลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 4 กลุ่มที่ 5 กลุ่มที่ 8 กลุ่มที่ 12 และกลุ่มที่ 13 มีรู้จักใครบ้างครับ ยกเว้นกลุ่มที่ 9 มาเป็นพันธมิตรตอนไขว้ มีกลุ่มละสองคนเท่านั้น ระวังคนบ้านใหญ่ จัดไว้หมดแล้ว ลงตามที่บอก ขอบคุณครับ
กลุ่มที่ 3 ลงเบอร์ 6 2 คน เบอร์ 11 1 คน กลุ่ม 14 เบอร์ 19 กลุ่ม 20 เบอร์ 25 ทำสามกลุ่ม แค่นั้น ซึ่งในวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ในการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มที่อยู่ในสายเดียวกัน ตนอยู่ในสาย ก ซึ่งจับสลาก มีกลุ่มที่ 4 จำนวน 1 คน กลุ่มที่ 6 จำนวน 2 คน กลุ่มที่ 9 จำนวน 2 คน และกลุ่มที่ 20 จำนวน 1 คน
เมื่อลงคะแนนเสร็จ ผลปรากฏว่า ตน (ผู้ร้องที่ 2) ไม่ได้รับคะแนน ตนจึงเห็นว่าการกระทำตามคำร้องเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1)
@ ปม ชาลี หัก กำพล - จากผู้ถูกร้องที่ 3 พลิกให้ถ้อยคำในฐานะพยาน
จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 3 ในฐานะพยานของผู้ร้องที่ 1 และผู้ร้องที่ 2 ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้โทรศัพท์ติดต่อตน โดยแจ้งให้ตนดำเนินการจัดเตรียมบุคคล ให้ไปสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 10 คน และในอำเภออื่น อำเภอละ 5 คนขึ้นไป และให้จัดเตรียมบุคคลไปสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในกลุ่มอื่น ๆ กลุ่มละ 5 คน เพื่อลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน รวมทั้งให้แจ้งผู้ร้องที่ 1 ช่วยเตรียมบุคคลมาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วย และจะให้เป็นผู้มีสิทธิเลือกในระดับจังหวัด โดยผู้ถูกร้องที่ 1 จะให้เงินแก่บุคคลที่ตกลงมาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
หลังจากนั้นตนได้ไปติดต่อหาบุคลที่จะมาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 และพยานที่ไต่ส่วนประกอบคนที่ 7 ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยตนโทรศัพท์แจ้งให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ทราบก่อนวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภาประมาณ 10 วัน
ต่อมาหลังจากนั้นประมาณ 4 วัน ผู้ถูกร้องที่ 1 แจ้งให้ตนไปพบที่บ้านของผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นร้านอาหารชื่อ BLOOM@ ฉะเชิงเทรา เมื่อได้พบ ผู้ถูกร้องที่ 1ให้เงินแก่ตนจำนวน 22,500 บาท เพื่อนำไปมอบให้แก่บุคคลที่ตนได้จัดเตรียมไว้สำหรับการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 5 คน คนละ 4,500 บาท แต่ตนไม่ได้รับเงิน เพราะได้รับการวางตัวให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาจึงต้องออกค่าใช้จ่ายเอง
หลังจากที่ตนได้พบกับผู้ถูกร้องที่ 1 ตนและผู้ร้องที่ 1 ได้ไปที่บ้านของพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 โดยได้พบพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 และบุคคลซึ่งตนไม่ทราบชื่อตัวและชื่อสกุลจริง ซึ่งตนได้อธิบายวิธีการเขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งให้เงินแก่บุคคลทั้งสามคนละ 4,500 บาท
จากนั้นอีก 2 วัน ตนและผู้ร้องที่ 1 ไปพบกับพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ที่ร้านเคเอฟซีในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งตนได้อธิบายวิธีการเขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมอบเงินให้แก่พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 จำนวน 4,500 บาท และในเวลาประมาณ 19.00 นาฬิกาของวันเดียวกัน ตนและผู้ร้องที่ 1 ไปพบพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 ที่บ้านของพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 ซึ่งตนได้อธิบายวิธีการเขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมอบเงินให้แก่พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 คนละ 4,500 บาท
ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าว ตนแจ้งให้พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 15 พยานที่ไต่สวนประกอบ คนที่ 7 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 17 พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 6 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20
ส่วนบุคคลซึ่งตนไม่ทราบชื่อตัวและชื่อสกุลจริงไม่มีสิทธิสมัครจึงคืนเงินในภายหลัง และให้พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภากลุ่มที่ 17 แทน
ต่อมาตนตรวจสอบแล้วเห็นว่าในกลุ่มที่ 15 ยังขาดผู้สมัครอีก 1 คน จึงแจ้งให้ผู้ร้องที่ 1 สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 15 และไปขอรับเงินจากผู้ถูกร้องที่ 1 จำนวน 4,500 บาท แล้วนำมามอบให้ผู้ร้องที่ 1
ต่อมาเมื่อถึงวันรับสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา บุคคลดังกล่าวได้ไปยื่นใบสมัคร ณ ที่ว่าการอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และรอคำสั่งว่าจะให้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครคนใด
@ สั่งการ เลือก ‘พี่ชายตัวเอง’
จากนั้นก่อนวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ ผู้ถูกร้องที่ 1 (กำพล) สั่งการเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน โดยให้พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 และผู้ร้องที่ 1 ลงคะแนนเลือก ‘พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1’ และเลือกหมายเลขของตนเอง กลุ่มที่ 17 ไม่ต้องเลือก เนื่องจากมีผู้สมัครเพียง 2 คน และกลุ่มที่ 20 ให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครคนหนึ่งและลงคะแนนเลือกหมายเลขของตนเอง ซึ่งทำให้พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้สมัครคนดังกล่าวได้เข้าสู่ขั้นตอนการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน ซึ่งต่อมาผู้สมัครคนดังกล่าวได้รับเลือกระดับจังหวัด ส่วนพี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่ได้รับเลือก และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 7 ได้รับเลือกระดับจังหวัด กลุ่มที่ 17 เป็นเหตุให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เข้าใจว่าผู้ร้องที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนของตนเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ชายผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่ได้รับเลือก
หลังจากนั้นตนได้ส่งคลิปบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ และบันทึกการถอดข้อความเสียงการสนทนาระหว่างตนและผู้ถูกร้องที่ 1 ให้แก่ผู้ร้องที่ 1 และผู้ร้องที่ 2
@ ปฏิเสธ ไม่ได้ก่อ-สนับสนุน-รู้เห็นเป็นใจ
จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 1 ให้ถ้อยคำว่า มิได้กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามข้อกล่าวหาและมิได้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้ถูกร้องที่ 3 หรือบุคคลใดสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นผู้โทรศัพท์ติดต่อตนเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งตนเพียงแต่แนะนำขั้นตอนและวิธีการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ รวมทั้งแนะนำว่าผู้ถูกร้องที่ 3 ต้องทำความรู้จักและมีพวกกับผู้สมัครในกลุ่มอื่น ๆ ด้วย
ตนไม่เคยสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 3 หรือบุคคลใดไปจัดเตรียมบุคคลให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิเพื่อลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกคนใด อีกทั้งตนไม่เคยให้เงินแก่ผู้ถูกร้องที่ 3 จำนวน 22,500 บาท เพื่อนำเงินไปมอบให้แก่บุคคลที่ผู้ถูกร้องที่ 3 จัดเตรียมเพื่อสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
ส่วนที่ปรากฎข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่างวันที่ 3 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ซึ่งตนเป็นผู้โทรศัพท์ติดต่อผู้ถูกร้องที่ 3 จำนวน 11 ครั้ง ตนจำไม่ได้ว่าเป็นการติดต่อผู้ถูกร้องที่ 3 ด้วยสาเหตุใด คาดว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้ถูกร้องที่ 3 สอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา
คลิปเสียงประกอบคำร้องที่ตนได้ฟัง ตนไม่มั่นใจว่าเป็นเสียงของตนจริงหรือไม่ ภาพถ่ายบทสนทนาทางแอปพลิเคชั่นไลน์ ตนก็ไม่มั่นใจว่าเป็นแอปพลิเคชันไลน์ของตนหรือไม่ ไม่มั่นใจว่าคู่สนทนาคือผู้ใด รวมทั้งไม่เคยเห็นสำเนาเอกสารประกอบการยื่นคำร้องของของผู้ร้องที่ 1 ที่ใช้ชื่อว่า “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 1 กลุ่มบริหารราชการแผ่นดิน” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 3 การศึกษา” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 14 สตรี” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 15 ผู้สูงอายุ” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 17 ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์” “อำเภอบางคล้า กลุ่ม 20 อื่นๆ”

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา