นอภ.โดนครบ 8 อ.! ล้วงมติป.ป.ช.ชี้มูลอดีตผู้ว่าฯบึงกาฬ-พวก ทุจริตซื้อยาปราบศัตรูพืช 48 ล.

picppppnnnnnnaapppp2 8 67

"...นายอำเภอทั้ง 8 อำเภอ ได้อนุมัติให้จัดซื้อสารเคมีเบโนมิล 50% wp จากห้างหุ้นส่วนจำกัด รับทรัพย์รุ่งเรือง และห้างหุ้นส่วนจำกัด นำทรัพย์เจริญ ในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริง เป็นเงิน 1,420 บาท/500 กรัม ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 36,026,820 บาท..."

นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ

เป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน อีก 1 ราย ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดพร้อมพวก กรณีประกาศให้พื้นที่จังหวัดบึงกาฬเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินโรคระบาดยางพารา และจัดทำโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยฉุกเฉินโดยมิชอบหรือโดยทุจริต

ต่อเนื่องจาก นายวิชิต ชาตไพสิฐ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี , นายสุรพล สายพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และ นายชาญวิทย์ วสยางกูร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำรายละเอียดผลการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มานำเสนอไปแล้ว

สำหรับรายละเอียดผลการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีกล่าวหา นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ และพวก

มีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้

@ พฤติการณ์ในการกระทำความผิด

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้ออกประกาศจังหวัดบึงกาฬ เรื่อง ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินด้านพืช (ยางพารา) ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ โดยแยกเป็นรายอำเภอ จำนวน 8 อำเภอ (อำเภอเมืองบึงกาฬ ศรีวิไล พรเจริญ ปากคาด โซ่พิสัย เซกา บึงโขงหลง และบุ่งคล้า) ตามที่อำเภอต่าง ๆ ได้รายงานเหตุด่วนสาธารณภัยโรคระบาดด้านพืช (เชื้อราในสวนยางพารา)

ทั้งที่มิได้เกิดโรคระบาดหรือเกิดความเสียหายรุนแรงจนเกษตรกรต้องการความช่วยเหลือหรือมีภัยพิบัติฉุกเฉินจริง

นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบการกำหนดราคากลางสารป้องกันเชื้อรา เบโนมิล 50% wp ขนาดบรรจุ 500 กรัม ราคาขวดละ 1,920 บาท ตามที่คณะกรรมการกำหนดราคากลางเสนอ ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาในท้องตลาด

หลังจากนั้น นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ได้ลงนามอนุมัติจัดสรรเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อจัดซื้อสารป้องกันเชื้อราให้แก่อำเภอต่าง ๆ จำนวน 8 อำเภอ วงเงิน 48,700,800 บาท โดยไม่มีการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดบึงกาฬ (ก.ช.ภ.จ.บึงกาฬ) เพื่อพิจารณามีมติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ต่อมาเสมียนตราแต่ละอำเภอ ในฐานะเจ้าหน้าที่พัสดุ ได้จัดทำเอกสารการขออนุมัติจัดซื้อสารเคมี เบโนมิล 50% wp ขนาดบรรจุ 500 กรัม ราคาขวดละ 1,920 บาท และจัดทำเอกสารของผู้เสนอราคาและบันทึกหลักฐานการต่อรองราคาให้คณะกรรมการต่อรองราคาและตกลงราคาลงนามเสนอนายอำเภอ โดยเห็นควรอนุมัติซื้อสารป้องกันเชื้อรา (เบโนมิล 50% wp) จากผู้เสนอราคาในราคา1,920 บาท/500 กรัม โดยที่ทราบดีว่าได้มีการส่งมอบสารเคมีให้กับอำเภอต่าง ๆ ล่วงหน้าแล้ว

ขณะที่ นายอำเภอทั้ง 8 อำเภอ ได้อนุมัติให้จัดซื้อสารเคมีเบโนมิล 50% wp จากห้างหุ้นส่วนจำกัด รับทรัพย์รุ่งเรือง และห้างหุ้นส่วนจำกัด นำทรัพย์เจริญ ในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริง เป็นเงิน 1,420 บาท/500 กรัม ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 36,026,820 บาท

@ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนไต่สวนคดีแล้ว มีมติดังนี้

1. การกระทำของ นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151และมาตรา 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 มาตรา 11และมาตรา 12 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

2. การกระทำของ นายอรรถนนท์ โบสุวรรณ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ และนายปริญญา สายสุพรรณ์ รักษาการป้องกันจังหวัดบึงกาฬ ในฐานะคณะกรรมการกำหนดราคากลาง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 มาตรา 11และมาตรา 12 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

สำหรับการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1) (4) และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธิการดำเนินคดีอาญาย่อมระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ให้ยุติการดำเนินคดีตามฐานความผิดดังกล่าว

3. การกระทำของ นายสำรวย มีจินดา ในฐานะกรรมการกำหนดราคากลาง การกระทำของเสมียนตราอำเภอและคณะกรรมการต่อรองราคาและตกลงราคา จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟัง ได้ว่าได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง

4. การกระทำของนายอำเภอทั้ง 8 อำเภอ ประกอบด้วย นายกรณ์ เจนศุภวงศ์ หรือนายพิสิษฐ์ชัย อภัยปิยกุล นายนิวัฒน์ โฆสิตาภา นายโอภาส ชูฤทธิ์ นายสาธิต ทองศรี นายเปรมศักดิ์ กีรานนท์ นายชัยวัฒน์ สารสมบัติ นายกรณ์ มาตย์นอก หรือนายธรรศ ธรรศธรรมธร และนายสรวิศ ทำเนาว์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 มาตรา 10 และมาตรา 12 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

สำหรับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธิการดำเนินคดีอาญาย่อมระงับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) ให้ยุติการดำเนินคดีตามฐานความผิดดังกล่าว

5. การกระทำของกลุ่มเอกชนผู้เสนอราคา ประกอบด้วย นางสาวศิริพร อุดมทรัพย์ นายวินัย ยิ้มฟุ้งเพื่อง นายวันชัย ผลผดุง ห้างหุ้นส่วนจำกัด เมืองเลยเพิ่มทรัพย์รุ่งเรือง และนางสาวเพ็ญวิไล ด้านคำมี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 7 และมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

สำหรับการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 มาตรา 7 และมาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172)
ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธิการดำเนินคดีอาญาย่อมระงับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) ให้ยุติการดำเนินคดีตามฐานความผิดดังกล่าว

6. การกระทำของ นายอิทธิพล จันทนันต์ และนางสาวอนงค์นาถ สอนเชียงคำ ในฐานะคณะกรรมการต่อรองราคาและตกลงราคาของอำเภอพรเจริญ จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัด รับทรัพย์รุ่งเรือง ห้างหุ้นส่วนจำกัด นำทรัพย์เจริญ และห้างหุ้นส่วนจำกัดธิติวัน ได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีแล้ว จึงสิ้นสภาพนิติบุคคล ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ

@ การดำเนินการทางอาญาและวินัย

ในส่วนการดำเนินการทางอาญา คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นชอบให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)

การดำเนินการทางวินัย ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) และมาตรา 98

การดำเนินการอื่น ๆ แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (โรคระบาดในยางพารา) โดยมิชอบ ให้กรมบัญชีกลางพิจารณาทบทวนความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

@ ถูกคำสั่งปลดออกจากราชการ ปี 58

กล่าวสำหรับสถานะของ นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ก่อนหน้านี้ ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2558 ได้เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการพลเรือนพ้นจากตําแหน่ง กรณี นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ข้าราชการ พลเรือนสามัญ ตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สํานักงานปลัดกระทรวง ออกจากราชการ เนื้อหาระบุว่า

ด้วยกระทรวงมหาดไทยได้มีคําสั่งลงโทษปลด นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ข้าราชการ พลเรือนสามัญ ตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สํานักงานปลัดกระทรวง ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2558 และได้นําความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตําแหน่ง ต่อไปแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2558 ประกาศ ณ วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา และผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก

อ่านประกอบ:

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage