"...ขณะที่ในการต่อสู้คดี แม้ว่า พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ จะอยู่ในเรือนจำ แต่ก็มีการแต่งตั้งทีมทนายขึ้นมาต่อสู้คดีหลายชุด ทาง ป.ป.ช. ก็ให้สิทธิ์ชี้แจงตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่ง พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ก็ได้ใช้สิทธิ์ชี้แจงเรื่องที่มาของทรัพย์สินต่างๆ แต่ในส่วนของเงินในบัญชีเงินฝากมูลค่ากว่า 1,243 ล้านบาท นั้น มีการชี้แจงว่า เงินจำนวนกว่า 700 ล้านบาท เป็นเงินสินบนรางวัลนำจับคดีรถหรูที่ได้มาจากกรมศุลกากร..."
กรณี พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ที่ถูกศาลมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ในคดีก่อเหตุใช้ถุงดำคลุมศีรษะ หรือคลุมถุงดำ นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หรือ มาวิน ผู้ต้องหาคดียาเสพติดโดยอ้างเพื่อเค้นข้อมูลจนเสียชีวิต ใน สภ.เมืองนครสวรรค์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ อันเป็นผลมาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า ในช่วงกลางเดือน พ.ย.2565 ที่ผ่านมา พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ และขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 32 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,358 ล้านบาท
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลความคืบหน้าคดีนี้ ว่า ปัจจุบัน ศาลฯ ยังไม่ได้เริ่มมีการพิจารณาตัดสินคดีร่ำรวยผิดปกติ ของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ เนื่องจากกำลังรอผลการไต่สวนคดีการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เกี่ยวกับการขอเบิกจ่ายเงินสินบนรางวัลจากกรมศุลกากรกรณีการจับกุมรถยนต์ลักลอบนำเข้าราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ของพ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อีกหนึ่งสำนวนเพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินคดีพร้อม
เพราะคดีร่ำรวยผิดปกติ และ คดีการขอเบิกจ่ายเงินสินบนรางวัลจากกรมศุลกากร มีความเกี่ยวข้องกัน
กล่าวคือ คดีร่ำรวยผิดปกติ ของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ มูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 1,358 ล้านบาท นั้น รายการทรัพย์สินประกอบไปด้วย เงินฝากในบัญชีธนาคาร 3 บัญชี คิดเป็นมูลค่า 1,243 ล้านบาท บ้าน 2 หลังพร้อมที่ดินรวม 5 ไร่ มีมูลค่ารวมกว่า 54 ล้านบาท รถยนต์ 15 คันอาทิ ปอร์เช่, ออร์ดี้, เบนซ์ มีมูลค่ากว่า 6.1 ล้านบาท และหนี้สินที่ลดลงจากการผ่อนชำระตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์อีกจำนวน 13 คันอาทิ ปอร์เช่ 2 คัน, ฟอร์ด, เฟอร์รารี่ ที่ผิดปกติมูลค่า 53 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินจำนวนมากเหล่านี้ ป.ป.ช.เห็นว่า ไม่น่าจะสัมพันธ์กับรายได้ของนายตำรวจที่มีตำแหน่งเป็นผู้กำกับดังกล่าว
ขณะที่ในการต่อสู้คดี แม้ว่า พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ จะอยู่ในเรือนจำ แต่ก็มีการแต่งตั้งทีมทนายขึ้นมาต่อสู้คดีหลายชุด ทาง ป.ป.ช. ก็ให้สิทธิ์ชี้แจงตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่ง พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ก็ได้ใช้สิทธิ์ชี้แจงเรื่องที่มาของทรัพย์สินต่างๆ
แต่ในส่วนของเงินในบัญชีเงินฝากมูลค่ากว่า 1,243 ล้านบาท นั้น มีการชี้แจงว่า เงินจำนวนกว่า 700 ล้านบาท เป็นเงินสินบนรางวัลนำจับคดีรถหรูที่ได้มาจากกรมศุลกากร
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบข้อมูลของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. พบความผิดปกติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินสินบนรางวัลนำจับ หลายประการ อาทิ มีหลักฐานปรากฎว่า ในวันเวลาที่มีการตรวจยึดรถยนต์ เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการนำรถยนต์เข้ามาราชอาณาจักร เป็นต้น
การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินสินบนรางวัลนำจับ จึงน่าที่จะมีเจ้าหน้าที่ในกรมศุลกากร ร่วมรู้เห็นให้ความร่วมมือด้วย
ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนในเรื่องนี้ โดยเฉพาะข้อมูลพฤติการณ์เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรทุกฝ่าย
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลก่อนหน้านี้ ว่า เกี่ยวกับการสอบสวนพฤติการณ์กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เกี่ยวกับการขอเบิกจ่ายเงินสินบนรางวัลจากกรมศุลกากรกรณีการจับกุมรถยนต์ลักลอบนำเข้าราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ นั้น
คดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติรับเรื่องไว้พิจารณา โดยมีการมอบหมายให้สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐ 1 ออกเลขเรื่องกล่าวหาแล้วดำเนินการตรวจสอบ เบื้องต้นตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2561 ตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2566
พฤติการณ์ข้อกล่าวหาในคดีนี้ ของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ มี 3 ส่วนหลัก คือ
1. พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ไปดำเนินการทำเรื่องขอเบิกจ่ายเงินสินบนรางวัลจากกรมศุลกากร กรณีจับกุมรถยนต์ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย
ทั้งที่ ผู้พิมพ์ลายนิ้วมือในใบแจ้งความนำจับ มิใช่สายลับ ที่แจ้งเบาะแสการจับกุม
2. บุคคลผู้มีรายชื่อในเอกสารบันทึกตรวจยึดรถยนต์ อ้างว่าไม่เคยร่วมตรวจยึดรถยนต์กับ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้
3. มีหลักฐานปรากฎว่า ในวันเวลาที่มีการตรวจยึดรถยนต์ เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการนำรถยนต์เข้ามาราชอาณาจักร
จากพฤติการณ์ทั้ง 3 ส่วนดังกล่าว เมื่อ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ มีฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีพฤติการณ์กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ขณะที่ ในช่วงปี 2564 กรมศุลกากร เคยออกมาระบุว่า จากการตรวจสอบพบรถหรูที่อยู่ในความครอบครองของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ทั้งหมด 29 คัน พบว่า มีชื่อ พ.ต.อ.ธิติสรรค์เป็นเจ้าของรถกว่า 10 คัน ที่เหลือเป็นชื่อคนอื่น ในจำนวนรถหรูที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์มีชื่อเป็นเจ้าของนั้นมีอยู่ 2 คัน เป็นรถที่ได้มาการที่กรมศุลกากรนำออกมาประมูลขายในปี 2555 ยี่ห้อ เบนท์ลี่ย์ (Bentley) จำนวน 1 คัน และในปี 2558 ยี่ห้อ ปอร์เช่ (Porsche) รุ่น 911 อีก 1 คัน ส่วนที่เหลือนั้น พ.ต.อ.ธิติสรรค์ซื้อมาจากตัวแทนจำหน่ายรถหรูทั่วไป
จากการตรวจสอบของกรมศุลกากร พบว่าชื่อของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อยู่ในฐานข้อมูลกรมศุลกากร ในฐานะเจ้าของสำนวนคดีรถหรู ในช่วงปี 2554 – 2560 โดย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ สามารถจับกุม และนำรถหรูส่งให้กับกรมศุลกากรขายทอดตลาด รวมทั้งสิ้น 368 คัน ซึ่งกรมศุลกากรได้นำออกประมูลขายไปได้ 363 คัน อีก 5 คัน ขายไม่ได้ ยังเป็นของตกค้างอยู่ที่กรมศุลกากร
อย่างไรก็ดี กรมศุลกากร ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ในช่วงเวลานั้น พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ได้รับเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ไปเท่าไหร่ แต่จากการประเมินราคารถหรูทั้ง 363 คัน ก่อนนำออกมาประมูลมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท แต่ผลการประมูลปรากฎว่าขายได้กว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งกรณีที่ไม่มีผู้แจ้งเบาะแส หรือ แจ้งความนำจับ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 ที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้น กำหนดจัดสรรเงินรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ 30% ของรายได้จากการขายของกลาง แต่ถ้ามีผู้แจ้งเบาะแส เจ้าหน้าที่จะได้รับเงินรางวัล 25% และต้องจ่ายให้ผู้แจ้งเบาะแสอีก 30% รวมอัตราการจ่ายเงินสินบนและรางวัลสูงสุดไม่เกิน 55% ของรายได้จากขายของกลาง
ส่วนกรณีที่กรมศุลกากรนำรถหรูที่ผู้กำกับโจ้เป็นเจ้าของสำนวนคดีมาประมูลขายได้เงินกว่า 1,000 ล้านบาท นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้กำกับโจ้จะได้เงินไปคนเดียว 300 ล้านบาท เงินรายได้จากการขายทั้งหมดจะต้องนำไปหักค่าใช้จ่ายในการจัดงานประมูล และจัดสรรปันส่วนให้กับทีมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามที่กฎหมายศุลกากรกำหนดด้วย
ล่าสุดมีข้อมูลยืนยันจากฝ่าย ผู้กำกับโจ้ ออกมาแล้วว่า ได้รับเงินสินบนรางวัลนำจับคดีรถหรูจากกรมศุลกากร วงเงินกว่า 700 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามกันค่อไป คือ เงินสินบนรางวัลนำจับที่ได้รับไปแบบผิดกฎหมายอยู่ที่ตัวเลข 700 ล้านบาท จริงหรือไม่? ขั้นตอนการดำเนินการ ผู้กำกับโจ้ มีพฤติการณ์กระทำความผิดจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่? ผู้กำกับโจ้ ดำเนินการคนเดียวหรือทำเป็นขบวนการ? มีผู้เกี่ยวข้องรายอื่นร่วมด้วยหรือไม่? เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร มีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่?
เพราะข้อมูลเหล่านี้ส่วนมีความสำคัญต่อคดีนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะมีผลไปถึงการพิจารณาคดีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ กว่า 1,358 ล้านบาท ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นด้วย
ผลการสอบสวนเป็นอย่างไร
จับตาดูกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง
- ป.ป.ช.ชี้มูล 'ผู้กำกับโจ้' คดีร่ำรวยผิดปกติกว่า 1,000 ล้าน ขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน (1)
- ทะลุ 1,300 ล.-รถหรูเพียบ! เลขาฯ ป.ป.ช.คอนเฟิร์มชี้มูล'โจ้'รวยผิดปกติ -ฟัน 'ชนม์สวัสดิ์' (2)
- สอบสินบนนำจับอีกคดี! ป.ป.ช.ส่งสำนวนฟ้องยึดทรัพย์ ผกก.โจ้ รวยผิดปกติ 1,358 ล. (3)
- ฉบับเต็ม! ป.ป.ช.ฟัน ผกก.โจ้ ร่ำรวยผิดปกติ1,358 ล้าน รถหรู 15 คัน เงินฝากเพียบ 1,197 ล. (4)
- 1,209 ล้าน ธ.กรุงเทพมากสุด! เปิด3บัญชีแบงก์'ผกก.โจ้' รวยผิดปกติ เริ่มฝากปี54 ยอด1ล.ขึ้น (5)
- ส่องทรัพย์ 'ผกก.โจ้' รวยผิดปกติ(1):สถานะล่าสุด 3 บัญชีเงินฝาก 1,243 ล.-กสิกรฯ แจ้งโมฆะ (6)
- ส่องทรัพย์ 'ผกก.โจ้' รวยผิดปกติ (2) : โดนยึดหมด ที่ดิน 4 แปลง บ้าน 2 หลัง 54,150,000 บาท (7)
- ส่องทรัพย์ 'ผกก.โจ้' รวยผิดปกติ (3): เปิดครบรถยนต์ 15 คัน 6.1 ล.- เบนซ์ ราคาแค่ 8 หมื่น? (8)
- ส่องทรัพย์'ผกก.โจ้' รวยผิดปกติ(4) : เงินค่าเช่าซื้อรถหรู 53 ล.-โอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 4 คัน (9)