"...การกระทําของนายศักดิ์วุฒิ นายบุญลือ นายนิคม นางสายชล จําเลยที่ 6 และที่ 7 ยังเป็นการกระทําในลักษณะเข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือเป็นของผู้อื่น หรือยึดถือหรือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ..."
เป็นอีกหนึ่งคดีใหญ่เรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยผู้กระทำความผิดไปแล้ว
สำหรับคดีกล่าวหาอดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ กับพวก ออกเอกสารสิทธิ์ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่และในเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ณ ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่เนื้อที่ 66 ไร่เศษ มีการนำที่ดินนอกหลักฐานอันเป็นที่ของรัฐประมาณ 19 ไร่เศษ นำมาจัดทำเป็นเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบเรื่องนี้มีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเอกชน ซึ่งนายประยุทธ มหากิจศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัทในกลุ่มเนสกาแฟ ปรากฏชื่อเป็นจำเลยที่ 6 ในฐานะผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด ถูกลงโทษจำคุก 4 ปี แต่ลดโทษให้เหลือ 2 ปี 8 เดือน พร้อมสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ทั้งฉบับ ขณะที่จำเลยทุกรายยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
- สั่งลงโทษคุก 2 ปี 8 ด.'ประยุทธ มหากิจศิริ' คดีออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก.กระบี่ เอื้อเอกชน
- ป.ป.ช.คอนเฟิร์ม 'ประยุทธ มหากิจศิริ' โดนโทษคุก 2 ปี 8 ด.-มีอีก 4 คดี สนามกอล์ฟโคราชด้วย
- เผยโฉมที่ดิน 'ประยุทธ มหากิจศิริ' โดนศาลฯ สั่งเพิกถอนโฉนด - 85 ไร่ ติดชายทะเลทั้งผืน
- เปิดกูเกิลแมพ แกะรอยผู้ซื้อที่ดิน 'ประยุทธ มหากิจศิริ' 400 ล.โดนเพิกถอนโฉนดเป็น บ.อยู่กทม.
- ที่แท้! 'ประยุทธ มหากิจศิริ' ขายที่ดินคดีออกเอกสารสิทธิ์กระบี่ให้ บ.ตัวเอง 400 ล.
- เปิดตัว'บ.ประยุทธ'ซื้อที่ตัวเองคดีเอกสารสิทธิ์กระบี่ ล่าสุดแจ้งไร้รายได้-มีหนี้สิน 445 ล.
- เปิดชื่อ 11 จำเลย 'ประยุทธ มหากิจศิริ-พวก'คดีเอกสารสิทธิ์กระบี่ ใครบ้าง? โดนคุกกี่ปี?
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับทราบคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 คดีนี้ฉบับเต็มจากแหล่งข่าวในกรมที่ดินเป็นทางการแล้ว
เพื่อเป็นกรณีศึกษาต่อสาธารณชน จึงได้มีการสรุปเรียบเรียงข้อมูลคำพิพากษามานำเสนอ ณ ที่นี้
ความผิดทางอาญา
เรื่อง ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ ประมวลกฎหมายที่ดิน
โจทก์ คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ส่วนจำเลยมี 11 ราย ได้แก่
นายนิยุต ดุสิตกุล จำเลยที่ 1 ตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่
นายสุกิจ มาศเมฆ จำเลยที่ 2 ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน 7
นายชัยยุทธ ไชยทองรักษ์ จำเลยที่ 3 นักวิชาการที่ดิน 6
นายสมศักดิ์ พงศ์พิริยะกิจ จำเลยที่ 4 หัวหน้าฝ่ายรังวัด
นายธีร์วรา เริงสมุทร จำเลยที่ 5 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.หนองทะเล
นายประยุทธ มหากิจศิริ จำเลยที่่ 6 เจ้าของที่ดินแปลงพิพาท
นายประทีป แสวงลาภ จำเลยที่ 7 ผู้รับมอบอำนาจของจำเลยที่ 6
นายสมชาย ดอกพุฒ จำเลยที่ 8
นายปิยะ พูลสวน จำเลยที่ 9
นายก่อเฉ็ม บุตรหลี จำเลยที่ 10
นายนิคม โสภี จำเลยที่ 11
@ อำนาจ-ตำแหน่งหน้าที่ จำเลยทั้ง 11 ราย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เป็นคณะบุคคล เรียกโดยย่อว่า “คณะกรรมการ ป.ป.ช." มีอํานาจไต่สวนและวินิจฉัยว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปกติ กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
ขณะเกิดเหตุนายบุญลือ เสียมไหม (ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง) นักวิชาการที่ดิน 5 สํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ รับผิดชอบงานควบคุมและคุ้มครองที่ดิน มีหน้าที่ตรวจสอบ สอบสวน หรือแก้ไขเพิกถอนเกี่ยวกับการออกหนังสือสําคัญต่าง ๆ สําหรับที่ดินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และปฏิบัติงานตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย นางสายชล เศรษฐสุข (ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง) นักวิชาการที่ดิน 5 สํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ รับผิดชอบงานควบคุมและคุ้มครองที่ดิน ตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือปฏิบัติงานวิชาการ และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
นายบุญลือและนางสายชลยังได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการยื่นคําขอรังวัดรวมหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ของ จําเลยที่ 6 ตามคําสั่งสํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ ที่ 63/2545 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2545
จําเลยที่ 1 ดํารงตําแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ มีหน้าที่และความรับผิดชอบมอบหมาย วินิจฉัย สั่งการ ควบคุม ตรวจสอบ การจัดการงานต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารงานควบคุมและคุ้มครองที่ดินงานควบคุมและคุ้มครองที่ดินของรัฐการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการกําหนดสิทธิในที่ดิน การสํารวจรังวัดและพิสูจน์สอบสวน การจัดทําหรือแก้ไขหลักฐานทะเบียนที่ดิน มีอํานาจควบคุมตรวจสอบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในบังคับบัญชา รับผิดชอบการบริหารงานควบคุม และคุ้มครองที่ดินของรัฐ ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบแบบแผน และและคําสั่งต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมาย
จําเลยที่ 2 ดํารงตําแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารที่ดิน 7 สํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ตรวจสอบการจัดการงานต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารงานควบคุมและคุ้มครองที่ดินการคุ้มครองที่ดินของรัฐ การจัดที่ดินเพื่อประชาชน การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การกําหนดสิทธิในที่ดิน การสํารวจรังวัด และพิสูจน์สอบสวนการทําประโยชน์เพื่อออกหนังสือแสดงสิทธิ ในที่ดิน การควบคุมการจัดที่ดิน และการจัดสรรที่ดินเอกชน การควบคุมวิธีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และวิธีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนที่ดิน และการจัดทําแก้ไขหลักฐานทะเบียนที่ดินของสํานักงานที่ดิน หรือสํานักงานที่ดินสาขา สํานักงานที่ดินอําเภอ และกิ่งอําเภอ ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
จําเลยที่ 3 ดํารงตําแหน่งนักวิชาการที่ดิน 6 สํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ มีหน้าที่และความรับผิดชอบการบริหารงานด้านควบคุมและคุ้มครองที่ดิน การตรวจสอบ สอบสวน หรือแก้ไข เพิกถอน เกี่ยวกับการออกหนังสือสําคัญต่าง ๆ สําหรับที่ดินการจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรม ปฏิบัติงานเกี่ยวกับที่ดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายที่ดิน และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติหน้าที่ช่วยหัวหน้าหน่วยงานปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย
นอกจากนี้ จําเลยที่ 2 และที่ 3 ยังได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบที่ดิน กรณีการขอออกโฉนดที่ดิน ของจําเลยที่ 6 ซึ่งนํารังวัดเอาที่ดินนอกหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เดิม รวมไปโดยมิชอบหรือไม่ และนํารังวัดทับเหมืองสาธารณประโยชน์หรือไม่ ตามคําสั่งสํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ ที่ 38/2550 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2550
จําเลยที่ 4 ดํารงตําแหน่งหัวหน้าฝ่ายรังวัด สํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ มีหน้าที่รับผิดชอบการบริหารงานด้านรังวัดแผนที่ การบริหารงานด้านควบคุมและคุ้มครองที่ดิน การตรวจสอบ สอบสวนแก้ไข เพิ่ม เพิกถอน เกี่ยวกับการออกหนังสือต่าง ๆ สําหรับที่ดินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมปฏิบัติงานเกี่ยวกับที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายที่ดิน และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติหน้าที่ช่วยหัวหน้าหน่วยงานปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย ปฏิบัติงานรังวัดทําแผนที่ โดยปฏิบัติหน้าที่ควบคุมงานการรังวัด วางโครงข่ายสามเหลี่ยม การวางโครงแผนที่หลักการวางโครงแผนที่ย่อย การวางโครงหมุดบังคับภาพการรังวัดมุมหมุดหลักฐานแผนที่ด้วยวิธีการทางดาราศาสตร์ หรือวัดระยะด้วยเครื่องวัดระยะอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมการรังวัด ทําแผนที่เพื่อการสร้างและซ่อมเส้นโครงหมุดหลักฐานแผนที่ การสอบสวนและรังวัด ทําแผนที่ หรือรังวัดพิสูจน์สอบสวนการทําประโยชน์เพื่อออก รวม แบ่งแยก หรือสอบเขตหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการ สํารวจที่ดินหรือสํารวจรังวัดพิสูจน์สอบสวนเพื่อการจัดที่ดิน หรือการออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงการคํานวณ การรังวัด การเขียนแผนที่ การจัดทําและปรับปรุงการขยายระวาง มาตราส่วนของแผนที่ระวาง การเขียนแผนที่ การจัดทําและปรับปรุงการขยายระวาง มาตราส่วนของ แผนที่ ระวาง ควบคุม เกี่ยวกับการกําหนดและรวบรวมระเบียบและวิธีการรังวัด และทําแผนที่ในการออกหนังสือสําคัญแสดงสิทธิในที่ดิน ควบคุมการเก็บรักษาและแก้ไขแผนที่ระวาง และระวางรูปถ่ายทางอากาศ และหลักฐานแผนที่ต่าง ๆ
จําเลยที่ 5 ดํารงตําแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ มีหน้าที่ดูแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2557 มีหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายอําเภอเมืองกระบี่ให้ไประวังชี้แนวเขต และรับรองแนวเขตที่ดิน ตามหนังสือมอบอํานาจอําเภอเมืองกระบี่ ฉบับลงวันที่ 11 มิถุนายน 2550
จําเลยที่ 1 ถึงที่ 5 จึงมีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา 198 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
จําเลยที่ 6 เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 45374 เลขที่ดิน 1 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
จําเลยที่ 7 เป็นผู้รับมอบอํานาจของจําเลยที่ 5 ดําเนินการรังวัดสอบเขตที่ดินและยื่นคําขอออกโฉนดที่ดิน
จําเลยที่ 8 ถึงที่ 10 เป็นผู้ครอบครองที่ดินข้างเคียงด้านทิศเหนือ
จําเลยที่ 11 ผู้ครอบครองที่ดินข้างเคียงด้านทิศตะวันออก ของโฉนดที่ดิน เลขที่ 45374 เลขที่ดิน 1 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
@ พฤติการณ์การกระทำความผิด
เมื่อระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2550 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จําเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ร่วมกันกระทําความผิดต่อกฎหมายโดยใช้อํานาจในตําแหน่ง และหน้าที่ราชการในการดําเนินการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก.) และโฉนดที่ดินให้แก่จําเลยที่ 6 โดยทุจริต โดยมีจําเลยที่ 6 ถึงที่ 11 เป็นผู้สนับสนุนการกระทําความผิด
- ออกหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก.)
กล่าวคือ เมื่อระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544 ถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2545 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จําเลยที่ 6 ผู้ครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์เลขที่ 263, 264, 277, 279, 314, 329, 329, 330 และเลขที่ 348 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ รวมเนื้อที่ 66-1-75 ไร่ มอบอํานาจให้จําเลยที่ 7 ยื่นคําขอรังวัดรวมที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์ทั้งเก้าแปลงเป็นแปลงเดียว ตามคําขอที่ 11/38/2555 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544 ประกอบคําขอที่ 1977/2545 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2545 โดยรู้อยู่แล้วว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์ทั้งเก้าแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินที่มีการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จากนั้นวันที่ 11 ธันวาคม 2545 นายนิคม หิรัญโรจน์ (เสียชีวิตแล้ว) นายช่างรังวัด 5 ไปทําการรังวัด มีจําเลยที่ 7 ชี้แนวเขตและรับรองเขตที่ดิน ผลการรังวัดได้เนื้อที่จํานวน 73 - 1 - 82 ไร่ มากกว่าหลักฐานเดิม 6 - 3 - 07 ไร่ การที่รูปที่ดินเปลี่ยนแปลงและเนื้อที่มากกว่าหลักฐานเดิมนั้น เป็นการนําที่ดินนอกหลักฐาน ซึ่งเป็นที่ดินในเขตป่าไม้ถาวรอันเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือ ของที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์เลขที่ 263, 264 และ 348 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ มารวมกับที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์เดิม
โดยนายศักดิ์วุฒิ ฉิมพิมล (เสียชีวิตแล้ว) เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ นายบุญลือ นางสายชล และ นายนิคม ร่วมกันกระทําการเพื่อให้มีการรวมที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์ทั้งเก้าแปลงดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ ที่มีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมายให้เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน เพื่อให้จําเลยที่ 6 ได้ไปซึ่งเอกสารสิทธิ และได้เนื้อที่ดินที่เพิ่มขึ้น 6 - 3 - 07 ไร่ โดยแบ่งหน้าที่กันทําให้ดูเสมือนว่าการรังวัดครั้งนี้มีการตรวจสอบและกลั่นกรองก่อนที่จะรวมที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์ทั้งเก้าแปลง ซึ่งนายศักดิ์วุฒิ มีคําสั่งสํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ ที่ 63/2545 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2545 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้นายบุญลือเป็นประธานกรรมการ นายนิคม เป็นกรรมการ และนางสายชล เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอํานาจหน้าที่ตรวจสอบว่าที่ดินที่ทําการรังวัดดังกล่าว เป็นที่ดินตามหลักฐานหนังสือรับรองการทําประโยชน์หรือไม่ อย่างไร
พร้อมสรุปข้อเท็จจริงและความเห็นรายงานนายศักดิ์วุฒิทราบ โดยนายบุญลือ นายนิคม นางสายชล ต้องตรวจสอบเรื่องราวและรายงานเกี่ยวกับการรังวัดที่ดิน รวมทั้งตรวจสอบเอกสารหลักฐานรูปแปลงและสภาพของที่ดิน ภาพถ่ายทางอากาศระวางแผนที่ รูปภาพตามอํานาจหน้าที่ก่อนดำเนินการเพื่อให้มีการออกเอกสารสิทธิให้แก่จําเลยที่ 6 อันเป็นหน้าที่ในการทําหรือจัดการที่ดินของรัฐ
แต่นายบุญลือ นายนิคม นางสายชลหาได้ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ของตนไม่ ทั้งที่หากทําการตรวจสอบตามอํานาจหน้าที่ย่อมเห็นชัดว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์ทั้งเก้าแปลง และที่ดินส่วนเกินที่เกิดจากการรังวัดนั้นอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรอันเป็นที่ดินของรัฐ แต่กลับร่วมกันจัดท่าบันทึก ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2545 เสนอนายศักดิ์วุฒิ อ้างว่า การรังวัดที่ดินดังกล่าว เมื่อขอบเขตของการรังวัดรวมหนังสือรับรองการทําประโยชน์ทั้งระยะ และรูปแผนที่ใกล้เคียงกับรูปแผนที่เดิม และเหตุที่เนื้อที่เกินจากหลักฐานเดิมเป็นเพราะการรังวัดและคํานวณต่างวิธี เห็นควรดําเนินการให้แก่ผู้ขอ อันเป็นการใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้นายศักดิ์วุฒิอาศัยเป็นช่องทางอ้างเป็นเหตุผลในการออกเอกสารสิทธิหนังสือรับรองการทําประโยชน์ ฉบับรวมแปลงและลงนามในหนังสือรับรองการทําประโยชน์เลขที่ 263 เลขที่ดิน 2 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่จังหวัดกระบี่ ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2555 เนื้อที่ 73 - 0 - 82 ไร่ โดยมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้ จําเลยที่ 6 ได้ไปซึ่งเอกสารสิทธิ และได้ไปซึ่งเนื้อที่ดินที่อันเป็นที่ดินของรัฐเพิ่มขึ้น 6 - 3 - 17 ไร่ ได้สิทธิครอบครอง
การจําหน่าย จ่าย โอน และทํานิติกรรม เกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวการกระทําดังกล่าวของนายศักดิ์วุฒิ นายนิคม นายบุญลือ และนางสายชล ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เป็นการร่วมกันใช้อํานาจในตําแหน่งหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่ที่ดินของรัฐ กรมที่ดิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ที่ดินของรัฐ ทําลายทรัพยากรธรรมชาติ และหน่วยงานของรัฐในระบบราชการและส่งผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันของราษฎร ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายให้แก่จําเลยที่ 6 โดยมีจําเลยที่ 6 และที่ 7 ให้ความ ช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะกระทําความผิด
นอกจากนี้ การกระทําของนายศักดิ์วุฒิ นายบุญลือ นายนิคม นางสายชล จําเลยที่ 6 และที่ 7 ยังเป็นการกระทําในลักษณะเข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือเป็นของผู้อื่น หรือยึดถือหรือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ออกโฉนดที่ดิน
เมื่อระหว่างวันที่ 11 พฤษภาคม 2550 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2550 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จําเลยที่ 6 มอบอํานาจให้จําเลยที่ 7 ยื่นคําขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน โดยใช้หนังสือรับรอง การทําประโยชน์เลขที่ 263 เลขที่ดิน 2 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัด กระบี่ เนื้อที่ 73 - 0 - 82 ไร่ ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเอกสารสิทธิดังกล่าวออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดย วันที่ 17 พฤษภาคม 2550 จําเลยที่ 7 ไปตรวจสอบและชี้แผนที่ระวางที่สํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ มีนายประเทศ เต่าหิม เจ้าหน้าที่สํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ เป็นผู้จัดทําบันทึกคําชี้แจง เรื่อง ตรวจและชี้แผนที่ระวาง (ร.ว.10) ระบุว่าที่ดินแปลงนี้ตรวจสอบระวางแล้ว บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี ติดกับหาดทรายชายทะเล เหมืองสาธารณประโยชน์ทางสาธารณประโยชน์ห้วยสาธารณประโยชน์ และติดที่ดินที่มีการครอบครองเลขที่ที่ดิน 1, 12 และ 13 จําเลยที่ 7 ลงนาม เป็นผู้ชี้แผนที่ตามบันทึกดังกล่าว วันที่ 18 พฤษภาคม 2550 จําเลยที่ 7 ยื่นคําขอออกโฉนดที่ดินตามคําขอเลขที่ 9468/2550 วันที่ 28 มิถุนายน 2550 นายนิคม นายช่างรังวัด 5 ทําการรังวัดที่ดินพร้อมจัดทําบันทึกถ้อยคําของบุคคลที่เกี่ยวข้องและเจ้าของที่ดินข้างเคียง จําเลยที่ 7 เป็นผู้นําช่างรังวัดทําการสํารวจรังวัด และปักหลักเขตที่ดิน ซึ่งการระวังชี้แนวเขตและรับรองแนวเขตที่ดินดังกล่าว จําเลยที่ 5 ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ มีหน้าที่ดูแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รับมอบหมายจากนายอําเภอเมืองกระบี่ให้ไปทําการระวังชี้แนวเขตและรับรองแนวเขตที่ดิน โดยรู้อยู่แล้วว่าที่ดินซึ่งจําเลยที่ 6 โดยจําเลยที่ 7 นํามาขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน และที่ดินข้างเคียงกับที่ดินดังกล่าว มีสภาพเป็นเหมืองสาธารณประโยชน์ และอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน อีกทั้งอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร อันเป็นที่ดินของรัฐ
แต่กลับทําการโดยทุจริตสมยอมว่า ที่ดินซึ่งรังวัดดังกล่าวไม่ทับเหมืองสาธารณประโยชน์ และไม่เป็นที่หลวงหวงห้ามแต่อย่างใด โดยนําชี้และรับรองแนวเขตที่ดิน ว่าที่ดินซึ่งจําเลยที่ 6 นํามาขอออกโฉนดที่ดิน ไม่รุกล้ำเหมืองสาธารณประโยชน์ ที่ดินแปลงที่จะขอออกโฉนดที่ดินไม่เป็นที่หลวงหวงห้ามหรือที่สาธารณประโยชน์ และการนํารังวัดไม่ทับที่หลวงหวงห้ามหรือที่สาธารณประโยชน์ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่จําเลยที่ 6 ให้ได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนจําเลยที่ 8 ถึงที่ 10 แอบอ้างความเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงด้านทิศเหนือ และจําเลยที่ 11 แอบอ้างความเจ้าของที่ดินข้างเคียงด้านทิศตะวันออกของที่ดินที่จะทําการรังวัดออกโฉนดที่ดิน นําช่างรังวัดปักหลักเขต และตกลงสมยอมแนวเขตที่ดินกับจําเลยที่ 6 โดยรับรองเขตที่ดินข้างเคียงด้านทิศเหนือ ด้านทิศตะวันออกว่า ไม่ทับเหมืองสาธารณประโยชน์ และไม่ทับที่หลวงหวงห้ามแต่อย่างใด ซึ่งเป็นความเท็จ
หลังจากรังวัด นายนิคมจัดทํารายงานการรังวัดออกโฉนด (ร.ว. 3 ก.) ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2550 แจ้งจําเลยที่ 4 ในฐานะหัวหน้าฝ่ายรังวัดว่า เจ้าของที่ดินข้างเคียงรับรองแนวเขตครบทุกด้าน ไม่เป็นที่สาธารณะหรือที่หลวงหวงห้าม สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว เป็นที่ดินตรงตามหลักฐานและอยู่ในหลักเกณฑ์ที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ การรังวัดครั้งนี้ได้เนื้อที่ 85 - 2 - 32 ไร่ มากกว่าเดิม 12 - 1 -50 ไร่ เนื่องจากการรังวัด และคํานวณต่างวิธีกัน ตลอดจนการครอบครองแตกต่างจากหลักฐานเดิม ไม่ทับที่แปลงข้างเคียง ที่หลวงหวงห้ามหรือที่สาธารณประโยชน์แต่อย่างใด
ตรวจสอบแนวเขตป่าไม้จากระวางปรากฏว่า ที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วน เห็นควรสอบถามสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมจังหวัดกระบี่ตามข้อตกลงกับกรมที่ดินแล้วมีความเห็นว่า ควรใช้รูปแผนที่และเนื้อที่ตามผลการรังวัดครั้งนี้ จําเลยที่ 4 ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบผลการรังวัดของนายนิคมให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง อันเป็นหน้าที่ในการทําหรือจัดการที่ดินของรัฐได้เสนอความเห็นสอดรับกับความเห็นของนายนิคม เพื่อให้จําเลยที่ 1 อาศัยใช้เป็นช่องทางในการออกโฉนดที่ดิน โดยทํานองว่า เหตุที่เนื้อที่มากกว่าเดิมเป็นเพราะการรังวัดและการคํานวณต่างวิธีกัน ตลอดจนการครอบครองแตกต่างจากหลักฐานเดิม เห็นว่าควรใช้รูปแผนที่และเนื้อที่ตามผลการรังวัดครั้งนี้ให้สอบถามสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมจังหวัดกระบี่ และป่าชายเลน แล้วเสนอ จําเลยที่ 1 เพื่อพิจารณา
วันที่ 4 สิงหาคม 2550 จําเลยที่ 1 สร้างเรื่องราวว่าการออกโฉนดรายนี้ดําเนินการกลั่นกรองอย่างรอบคอบแล้ว โดยมีความเห็นว่าตรวจสอบรูปแผนที่หนังสือรับรองการทําประโยชน์กับรูปแผนที่รังวัดออกโฉนดที่ดินแล้ว มีข้อสังเกตตรงเหมืองสาธารณประโยชน์ และด้านทิศเหนือแตกต่างจากเดิมและมีเนื้อที่เพิ่มขึ้น แล้วมีคําสั่งสํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ ที่ 38/2550 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2550 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่ดิน มีจําเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการ นายนิคม เป็นกรรมการ และจําเลยที่ 3 เป็นกรรมการและเลขานุการ ให้มีหน้าที่ตรวจสอบว่าการรังวัดออกโฉนดที่ดินดังกล่าว ผู้ขอนํารังวัดทับเหมืองสาธารณประโยชน์ และนําเอาที่ดินนอกหลักฐานหนังสือรับรองการทําประโยชน์มารวมด้วยหรือไม่ อย่างไร แล้วสรุปข้อเท็จจริงเสนอความเห็นต่อจําเลยที่ 1 ทราบ
กับมีหนังสือสํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ ที่ กบ 0019.2/11752 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2550 ไปยังสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมจังหวัดกระบี่ ขอให้ตรวจสอบเขตปฏิรูปที่ดิน
ต่อมานายวิชัย อรรณพานุรักษ์ (เสียชีวิตแล้ว) ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ มีหนังสือสํานักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ ที่ กบ 0011/604 ลงวันที่ 4 กันยายน 2550 แจ้งว่าไม่ขัดข้องที่จะให้มีการออกโฉนดที่ดิน หากเป็นการกระทําโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย โดยมิได้ตรวจสอบ
ทั้งที่ตามเอกสารสํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ ซึ่งจัดส่งให้ตรวจสอบนั้นเป็นที่ประจักษ์ว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินของรัฐมิอาจออกโฉนดที่ดินได้ และต่อมาก่อนที่จะดําเนินการตามคําขอของจําเลยที่ 6 เพื่อให้มีการออกโฉนดที่ดิน จําเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ จําเลยที่ 2 ที่ 3 และนายนิคม ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบที่ดิน ต้องตรวจสอบเรื่องราวการออกขอออกโฉนดที่ดินและรายงานเกี่ยวกับการรังวัดที่ดิน รวมทั้งเอกสารหลักฐานรูปแปลงและสภาพของที่ดิน ภาพถ่ายทางอากาศ ระวางแผนที่ รูปภาพ ตามอํานาจหน้าที่ อันเป็นหน้าที่ในการทําหรือจัดการที่ดินของรัฐ
แต่จําเลยที่ 1 กับพวกหาได้ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ของตนไม่ หากทําการตรวจสอบตามอํานาจหน้าที่ย่อมเห็นชัดว่าที่ดินตามหนังสือรับรอง การทําประโยชน์เลขที่นํามารังวัดออกโฉนดที่ดิน และที่ดินส่วนเกินจากการรังวัดดังกล่าว เป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน และเขตป่าไม้ถาวร เป็นที่ดินของรัฐต้องห้ามมิให้มีการออกโฉนดที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่จําเลยที่ 2 ที่ 3 และนายนิคม ร่วมกันใช้อํานาจในตําแหน่งจัดทําบันทึกข้อความสํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ ที่ กบ 0019.2/ลงวันที่ 13 กันยายน 2550 เสนอรายงานผลการตรวจสอบต่อจําเลยที่ 1 ว่าสมควรออกโฉนดที่ดินให้ผู้ขอตามที่นํารังวัดออกโฉนดที่ดินซึ่งได้ครอบครองทําประโยชน์อยู่จริง อันเป็นการใช้อํานาจในตําแหน่งกรรมการตรวจสอบที่ดิน โดยทุจริตเสนอความเห็นเพื่อให้จําเลยที่ 1 อาศัยความเห็นจากการตรวจสอบ และความเห็นของสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมที่ไม่คัดค้านการออกโฉนดที่ดิน เป็นช่องทางในการออกโฉนดที่ดินแก่จําเลยที่ 6
เมื่อจําเลยที่ 1 รับบันทึกรายงานความเห็นดังกล่าวแล้วลงนามเห็นชอบตามความเห็นของจําเลยที่ 2 ที่ 3 และนายนิคม แล้วออกโฉนดที่ดินเลขที่ 45374 เลขที่ดิน 1 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เนื้อที่ 85 - 2 - 32 ไร่ ลงวันที่ 25 กันยายน 2550 ให้แก่จําเลยที่ 6 ได้ไปซึ่งโฉนดที่ดินอันเป็นเอกสารสิทธิกรรมสิทธิ์อันเป็นที่ดินของรัฐ จากเนื้อที่ 73 - 1 - 82 ไร่ ตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์เดิมได้เนื้อที่ดินเพิ่มขึ้นอีก 12-1-50 ไร่ รวมเนื้อที่ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 19 - 0 - 39 ไร่ และได้ไปซึ่งสิทธิในการจําหน่าย จ่าย โอน เกี่ยวกับที่ดินดังกล่าว และการกระทําของจําเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ดังกล่าวยังเป็นการเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเอง หรือผู้อื่น
เหตุเกิดที่ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ขอให้ลงโทษ
จําเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 151, 157 ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9(1), 108 ทวิ วรรคสอง พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 54
จําเลยที่ 5 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157 ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9(1), 108 ทวิ วรรคสอง พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 54
จําเลยที่ 6 ถึงที่ 11 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 147, 151 ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9(1), 108 ทวิ วรรคสอง พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 54
ขอให้พิพากษาเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ตาม หนังสือรับรองการทําประโยชน์เลขที่ 263, 264, 277, 278, 314, 328, 329, 330, 348,เลขที่ดิน 2, 3, 7, 8, 15, 17, 18, 19, 20 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ หนังสือรับรองการทําประโยชน์เลขที่ 263 เลขที่ดิน 2 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ฉบับรังวัดรวมแปลง และโฉนดที่ดินเลขที่ 45374 เลขที่ดิน 1 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐอนุมัติหรืออนุญาตหรือกระทําการใดไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ประกอบมาตรา 82 (ที่ถูกมาตรา 82 ประกอบมาตรา 93)
จ่าเลยทั้งสิบเอ็ดให้การปฏิเสธ
*************
ข้อมูลคำพิพากษาคดีนี้ ยังไม่จบ ยังมีรายละเอียดสรุปผลการวินิจฉัยของศาลอีก รายละเอียดติดตามตอนต่อไป