ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 8 พิพากษาตัดสินคดีกล่าวหาอดีตเจ้าพนักงานที่ดินกระบี่-พวก ออกเอกสารสิทธิ์ นส.3ก. โดยไม่ชอบเอื้อประโยชน์ธุรกิจเอกชนแล้ว สั่งลงโทษจำคุก จำเลย 11 ราย 'ประยุทธ มหากิจศิริ' โดนด้วย 2 ปี 8 เดือน ฐานสนับสนุนจนท.รัฐ ไม่รอลงอาญา ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินด้วย แต่ขายไปแล้วช่วงปี 60 ราคา 400 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาตัดสินคดีกล่าวหา อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ กับพวกรวม 11 ราย ออกเอกสารสิทธิ์ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่และในเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ณ ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่เนื้อที่ 66 ไร่เศษ โดยมีการนำที่ดินนอกหลักฐานอันเป็นที่ของรัฐประมาณ 19 ไร่เศษ นำมาจัดทำเป็นเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบเรื่องนี้มีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเอกชน ซึ่งนายประยุทธ มหากิจศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัทในกลุ่มเนสกาแฟ ปรากฏชื่อเป็นจำเลยที่ 6 ในฐานะผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ลงโทษจำคุก 6 ปี จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 (เดิม) เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี
จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 (เดิม) จำคุก 4 ปี
จำเลยที่ 6 ถึงที่ 11 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี
ทางนำสืบของจำเลยทั้ง 11 ราย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเห็นควรลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
จำเลยที่ 1 คงจำคุก 4 ปี
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 คงจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน เพิกถอนโฉนดที่ดิน ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ทั้งฉบับ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า คดีนี้ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง เดิมมีจำเลย 18 ราย แต่บางคนเสียชีวิต ขาดอายุความ จึงเหลือจำเลยที่ถูกฟ้องคดีแค่ 11 ราย โดยจำเลยที่ 1 คือ นายนิยุต ดุสิตกุล เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ ส่วนจำเลยที่เหลือยังไม่มีข้อมูลยืนยันเป็นทางการว่า เป็นใครบ้าง นอกจาก นายประยุทธ มหากิจศิริ ที่ปรากฏชื่อเป็นจำเลยที่ 6
ส่วนที่ดินที่ถูกศาลฯ สั่งให้เพิกถอนโฉนดทั้งฉบับนั้น มีรายงานข่าวว่า นายประยุทธ มหากิจศิริ ได้ขายต่อให้บุคคลอื่นไปแล้ว ในช่วงปี 2560 ราคา 400 ล้านบาท
อนึ่ง เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงผลที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดในคดีกล่าวหา นายศักดิ์วุฒิ ฉิมพิมล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่กับพวกรวม 18 ราย ในเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่และในเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ณ ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่เนื้อที่ 66 ไร่เศษ โดยมีการนำที่ดินนอกหลักฐานอันเป็นที่ของรัฐประมาณ 19 ไร่เศษ นำมาจัดทำเป็นเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบเรื่องนี้มีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเอกชน ก็คือ นายประยุทธ มหากิจศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัทในกลุ่มเนสกาแฟ มีส่วนเกี่ยวข้อง
โดยจากการสอบสวนของ ป.ป.ช. พบว่า บริเวณสถานที่เกิดเหตุคือบริเวณที่เป็นชายเหตุชายทะเลถึงโคนเขา ซึ่งที่เกิดเหตุจะอยู่ตรงติดชายทะเล ซึ่งเดิมทางกรมพัฒนาที่ดินเคยสำรวจที่ดินแปลงนี้ไว้แล้วพบว่าอยู่ในแปลงที่ดินของรัฐแปลงที่ 6 เป็นที่ดินสำหรับกำหนดไว้เป็นป่าไม้ถาวรของชาติและมีพื้นที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ดังนั้นพื้นทั้ง 2 บริเวณดังกล่าวนั้นคือที่ดินของรัฐ แต่ปรากฏว่าหลังจากปี พ.ศ.2504 ทางกรมพัฒนาที่ดินได้ไปสำรวจและจำแนกที่ดินบริเวณดังกล่าวแล้วไม่มีผู้ถือครอง ซึ่งตามหลักฐานเดิมเลย ก็ไม่พบว่ามีเอกสารสิทธิ์
ขณะที่จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่าเคยมีประชาชนเข้ามาทำกินจำนวน 22 รายแต่ไม่มีหลักฐานการครอบครองแต่ปรากฏว่ามีการเอาหนังสือ ส.ค.1 ไปจองซึ่งเป็นที่ดินสำหรับแปลงอื่นเอามาสวมออก นส.3 กจำนวน 9 แปลงได้เนื้อที่ 66 ไร่ หลังจากนั้นก็มาขายต่อให้กับนายประยุทธ มหากิจศิริ ซึ่งนายประยุทธก็ได้นำเอาหนังสือไปออก นส.3 กจำนวน 9 แปลง ไปรวมออกเป็น นส.3ก แปลงเดียวคือ นส.3 ก เลขที่ 263 ได้เนื้อที่ 73 ไร ได้เนื้อที่เพิ่มขึ้น แล้วนายประยุทธ์ก็เอาหนังสือ นส.3 ก ซึ่งมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นไปเป็นโฉนดก็ได้เนื้อที่เพิ่มขึ้นแล้วก็ทับหนองน้ำสาธารณะประโยชน์ ซึ่งอันนี้ก็คือหลักฐานที่ ป.ป.ช.ไปค้นพบซึ่งเป็นหลักฐานที่เก่ามาก
ดังนั้น ป.ป.ช. ก็เลยมีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐรวมทั้งหมด 6 ราย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปกครองท้องที่ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาประโยชน์ 1 รายแล้ว และเอกชนก็คือ นายประยุทธ์ และเจ้าของที่ดินข้างเคียงที่มีการสมยอมแนวเขตข้างเคียง ป.ป.ช.จึงได้มีมติข้อมูลความผิดทั้งมาตรา 151 157 และ 162 ความผิดตามกฎหมายและตามกฎหมายป่าไม้
ส่วนความคืบหน้าอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป
นอกจากคดีนี้แล้ว เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติชี้มูลความผิดกรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตเกี่ยวกับการออกโฉนดในเขตที่ดินของรัฐ เป็นเขตป่าสงวนและเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) โดยมิชอบ ต่อเจ้าพนักงานที่ดินนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว กับพวก ประมาณ 5-6 ราย อาทิ หัวหน้าฝ่ายรังวัด ช่างรังวัด เจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกลุ่มบริษัทเอกชน คือ บริษัท ไทยน็อคซ์ สเตนเลสฯ โดยมีชื่อของนายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาถูกชี้มูลด้วย อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ การชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตัดสินชี้ขาด