"...การที่คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีรวมทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 2 จงใจไม่กำกับดูแลและปล่อยปละละเลยให้นาง ย. โทรศัพท์แจ้งให้ผู้สอบแข่งขันได้ติดต่อเพื่อให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหนังสือขอใช้บัญชีดังกล่าวโดยมิชอบ ตลอดระยะเวลาร่วม 2 ปี อันเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์จนเป็นช่องทางให้มีการวิ่งเต้นเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบส่อไปในทางทุจริตในวงกว้างทั้งประเทศร่วม 40 จังหวัด ตามเป็นข่าวรู้กันทั่วไปในขณะนั้น จนกระทั่งมีการร้องเรียนกล่าวหาจำเลยที่ 1 ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาแล้วดำเนินคดีแก่จำเลยและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก..."
ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำรายละเอียดคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ที่ตัดสินลงโทษคดีกล่าวหา นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กับพวก กรณีบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบลในเขตจังหวัดราชบุรีและขอใช้บัญชีเพื่อบรรจุแต่งตั้งนอกเขตจังหวัดราชบุรี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนระดับ 3 โดยมิชอบ และกรณีร่วมกันส่งตัวผู้สอบแข่งขันได้บัญชีพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนระดับ 3 พ.ศ. 2548 ไปบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานส่วนตำบลในเขตจังหวัดราชบุรีและอนุมัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนอกเขตจังหวัดราชบุรีขอใช้บัญชีพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีโดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91
ในส่วนคำพิพากษาฉบับเต็ม ที่ตัดสินลงโทษ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ในฐานะจำเลยที่ 1 และนายนเรศ วงศาโรจน์ เมื่อครั้งดำรงำตแหน่งท้องถิ่นจังหวัดราชบุรี จำเลยที่ 2 ให้จำคุก คนละ 37 ปี 148 เตือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้ว คงจำคุก จำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 20 ปี มาตรา 91 (2)
มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับจุดเริ่มต้น ในการเปิดสอบแข่งขันเป็นพนักงานส่วนตำบล การพิจารณาอนุมัติส่งตัวผู้สอบแข่งขันได้โดยมิชอบตามกฎหมาย ประกาศและแบบแผนของทางราชการ จนทำให้การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบลข้ามลำดับที่ขึ้นบัญชีไว้ตั้งแต่ครั้งแรกและเป็นเหตุให้การบรรจุและแต่งตั้งในลำตับต่อไปจนถึงลำดับสุดท้ายแต่ละครั้ง (รวม 37 ครั้ง) เป็นการมิชอบด้วย
ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดคำพิพากษาส่วนที่เหลือ ซึ่งยังมีข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายวงศ์ศักดิ์ และนายนเรศ วงศาโรจน์ อีกหลายประการ ที่ส่อแสดงให้ศาลเห็นว่า การเปิดสอบแข่งขันเป็นพนักงานส่วนตำบล การพิจารณาอนุมัติส่งตัวผู้สอบแข่งขันได้ น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาการเปิดช่องทุจริตวิ่งเต้นเรียกรับเงินที่ปรากฏเป็นข่าวในสังคมขณะนั้น
แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานเส้นทางการเงินเกี่ยวกับการกระทำความผิดชัดเจนก็ตาม
****
@ คำให้การ นาง ย. ตัวละครสำคัญ
คำพิพากษาระบุว่า โจทก์มีนาง ย. มาเบิกความยืนยันตามบันทึกปากคำที่ให้ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงหลายครั้งปรากฎตามเอกสาร อธิบายรายละเอียดขั้นตอนวิธีการดำเนินการในการบรรจุและแต่งตั้งที่เกิดขึ้น
มีสาระสำคัญว่า ในการบรรจุและแต่งตั้งพนักงานส่วนตำบล ลำดับที่ 38 ถึงที่ 163 นั้น จำเลยที่ 2 มอบหมาย นาง ย. ด้วยวาจา ให้มีหน้าที่เกี่ยวกับการส่งผู้สอบแข่งขันได้ไปบรรจุและแต่งตั้งตามที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีอัตราว่างที่มีหนังสือขอใช้บัญชี
โดยนาง ย. และผู้สอบแข่งขันได้ประสานทางโทรศัพท์แจ้งให้ผู้สอบแข่งขันได้ทราบว่า มีการบรรจุแต่งตั้งถึงลำดับที่แล้ว และการบรรจุแต่งตั้งใกล้ถึงลำดับที่ของผู้สอบแข่งขันได้ที่ติดต่อสอบถามหรือไม่ และสอบถามผู้สอบแข่งขันได้ว่ามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะบรรจุแต่งตั้งหรือไม่
หากมีให้ผู้สอบแข่งขันได้ไปติดต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนประสงค์จะไปบรรจุ ให้ทำหนังสือขอใช้บัญชีถึงประธานคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลราชบุรีขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้เพื่อไปบรรจุแต่งตั้งที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หากไม่มีองค์กรปกครองส่วนท่องถิ่นที่ประสงค์จะไปบรรจุแต่งตั้ง ให้ผู้สอบแข่งขันได้หาอัตราตำแหน่งว่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ หากหาไม่ได้ให้ผู้สอบแข่งขันได้แสดงความประสงค์สละสิทธิการบรรจุแต่งตั้งและไปต่อท้ายบัญชี
เป็นเหตุให้ผู้สอบแข่งขันได้ไปติดต่อผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อหาตำแหน่งอัตราว่างและให้จัดทำหนังสือขอใช้บัญชี เพื่อผู้สอบแข่งขันได้จะได้นำหนังสือขอใช้บัญชีจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมายื่นต่อคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรี
โดยหนังสือขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ มีการระบุชื่อและลำดับที่ หรือระบุชื่อหรือลำดับที่ของผู้สอบแข่งขันได้ หนังสือขอใช้บัญชีบางฉบับมีการเขียนด้วยดินสอระบุชื่อ ลำดับที่ไว้ที่ด้านหน้าหรือด้านหลังของหนังสือขอใช้บัญชี
หนังสือขอใช้บัญชีบางฉบับผู้สอบแข่งขันได้จะนำหนังสือขอใช้บัญชีดังกล่าวมายื่นด้วยตนเอง และผู้สอบแข่งขันได้บางส่วนแสดงความประสงค์สละสิทธิการบรรจุแต่งตั้ง หรือสละสิทธิต่อท้ายบัญชี ซึ่งหากภายหลังผู้สอบแข่งขันได้ที่สละสิทธิการบรรจุแต่งตั้ง หรือสละสิทธิต่อท้ายบัญชี สามารถหาอัตราตำแหน่งว่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อขอใช้บัญชีได้ และนำหนังสือขอใช้บัญชีดังกล่าวมายื่นต่อคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีก็จะได้รับการบรรจุแต่งตามอัตราว่างที่หามาได้ โดยไม่ต้องรอให้ถึงลำดับที่ตนเองได้สละสิทธิต่อท้ายบัญชีไว้
@ นาง ย. รายงานจำเลยที่ 2 ทราบหมด เก็บหนังสือไว้
การดำเนินการดังกล่าว นาง ย. ได้รายงานให้จำเลยที่ 2 ทราบ พร้อมจัดทำบัญชีรายชื่อของผู้สอบแข่งขันได้ พร้อมแนบหนังสือขอใช้บัญชีที่มีการระบุชื่อและลำดับที่ หรือระบุชื่อหรือลำดับที่ หรือหนังสือขอใช้บัญชีที่เขียนด้วยดินสอระบุชื่อ ลำดับที่ไว้ที่ด้านหน้าหรือด้านหลังพร้อมตารางบัญชีการส่งผู้สอบแข่งขันได้บรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานส่วนตำบลเสนอจำเลยที่ 2 แต่ก็ไม่เคยทักท้วง
ซึ่งในการบรรจุและแต่งตั้งดังกล่าวจำเลยที่ 2 และนาง ย. ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรี ไม่ได้นำหนังสือขอใช้บัญชีที่ส่งมายังคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรี ตามลำดับการส่งมาถึงไปพิจารณาส่งตัวผู้สอบแข่งขันได้ไปบรรจุแต่งตั้งตามลำดับที่ที่ขึ้นบัญชีไว้ แต่นำหนังสือขอใช้บัญชีจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ส่งมายังคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีที่มีการระบุชื่อและลำดับที่ หรือระบุชื่อหรือลำดับที่ หรือไม่ระบุชื่อและลำดับที่
แต่มีข้อเท็จจริงว่า หนังสือขอใช้บัญชีนั้นประสงค์จะบรรจุผู้สอบแข่งขันได้รายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะเก็บไว้ไม่นำไปพิจารณาส่งตัวผู้สอบแข่งขันได้ไปบรรจุแต่งตั้งตามลำดับที่สอบแข่งขันได้
แต่รอจนกว่าจะมีการเรียกบรรจุแต่งตั้งถึงลำดับที่ของผู้สอบแข่งขันได้ที่มีการระบุชื่อลำดับที่ หรือมีข้อเท็จจริงว่าประสงค์จะบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ในลำดับนั้น ๆ จึงจะนำหนังสือขอใช้บัญชีข้างต้นดำเนินการเสนอต่อประธานคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรี เพื่อพิจารณาอนุมัติส่งตัวผู้สอบแข่งขันได้ไปบรรจุแต่งตั้งตามที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ ขอใช้บัญชี
สำหรับผู้สอบแข่งขันได้ที่ไม่ได้ติดต่อประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดเพื่อให้มีหนังสือขอใช้บัญชีส่งมายังคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรี นาง ย. จะแจ้งผู้สอบแข่งขันได้นั้น ให้ทำหนังสือแสดงเจตนาสละสิทธิบรรจุแต่งตั้งเพื่อไปต่อท้ายบัญชี เพื่อให้สามารถดำเนินการบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้เรียงลำดับไปจนถึงลำดับที่ของผู้สอบแข่งขันได้ที่ได้ร้องขอต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหนังสือขอใช้บัญชีโดยระบุชื่อ ลำดับที่ หรือมีพฤติการณ์ประสงค์จะบรรจุผู้สอบแข่งขันได้รายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ
โดยในการบรรจุและแต่งตั้งตั้งแต่ลำดับที่ 38 ถึงลำดับที่ 136 นาง ย. ได้จัดทำบันทึกข้อความสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดราชบุรี เสนอไปยังจำเลยที่ 2 เพื่อลงนามในบันทึกเสนอผ่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี จากนั้นจำเลยที่ 1 ลงนามอนุมัติส่งผู้สอบแข่งขันได้ไปบรรจุและแต่งตั้งตามที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน ระดับ 3 ครั้งที่ 4 ถึงครั้งที่ 37 รายละเอียดปรากฏตามข้อมูลการบรรจุแต่งตั้งพนักงานส่วนตำบลในตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่ลำดับที่ 38 ถึงลำดับสุดท้าย
ซึ่งรายละเอียดข้อเท็จจริงมีเหตุผลตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ของนาง ย. โดยไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยในคดีนี้มาก่อน หรือเกิดจากการถูกบังคับขู่เข็ญหรือโดยมิชอบประการใด จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจงใจกุเรื่องหรือกลั่นแกล้งให้จำเลยในคดีนี้ต้องรับโทษแต่ประการใด และนาง ย. เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไม่น่าจะดำเนินการดังกล่าวได้เองโดยพลการ
จึงเชื่อว่านาง ย. ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่เกี่ยวกับเอกสารตามข้อเท็จจริงในการบรรจุและแต่งตั้งดังกล่าวจริงตามคำสั่งการของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังที่วินิจฉัยมาแล้วข้างตัน
@ ดำเนินการโดยมิใช่หน้าที่
ดังนั้น การที่คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีโดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีหนังสือทั้ง 2 ฉบับ โดยมิชอบดังกล่าว และจำเลยที่ 2 มอบหมายให้นาง ย. ดำเนินการโทรศัพท์แจ้งให้ผู้สอบแข่งขันได้ที่ขึ้นบัญชีไปติดต่อผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้มีหนังสือขอใช้บัญชีเพื่อไปบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
มิใช่หน้าที่ของผู้สอบแข่งขันได้ที่จะต้องไปดำเนินการดังกล่าวด้วยตนเอง
แต่ในการดำเนินการเพื่อจะบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดเป็นอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกันเอง
นอกจากนี้สำหรับหนังสือขอใช้บัญชีที่ระบุชื่อและลำดับที่เป็นการเฉพาะเจาะจงหรือมีพฤติการณ์ให้รู้ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจงซึ่งในช่วงเวลาที่เกิดเหตุมีข่าวว่าการบรรจุและแต่งตั้งพนักงานส่วนท้องถิ่นไม่เป็นไปตามหลักบริหารงานบุคคลหรือมีการเรียกรับผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ มีการล็อก (เจาะจง) ตัวบุคคลที่จะบรรจุแต่งตั้งในองค์การบริหารส่วนตำบลที่ขอใช้บัญชี
ดังนั้น เพื่อให้การบรรจุและแต่งตั้งพนักงานส่วนตำบลถูกต้องโปร่งใส สำนัก ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. จึงออกหนังสือที่ มท 1804.2/ว258 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548 ถึงประธานกรรมการข้าราชการพนักงานส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด (ยกเว้นจังหวัดพิจิตร) แจ้งซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการขอใช้บัญชี
โดยข้อ 2 ระบุว่า การจะขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ห้ามระบุชื่อและลำดับที่ของผู้สอบแข่งขันได้เป็นการเฉพาะเจาะจง เนื่องจากการบรรจุและแต่งตั้งต้องแต่งตั้งเรียงลำดับที่ที่สอบขึ้นบัญชีไว้ เพื่อทราบและถือปฏิบัติต่อไป
ในปัญหานี้ นาย ศ. รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเคยให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงมาเบิกความยืนยันว่า หนังสือเรื่องซักซ้อมแนวทางปฏิบัติหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการสอบแข่งขันข้าราชการและพนังานส่วนท้องถิ่นฉบับลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548 นั้น
เห็นว่า มีศักดิ์เป็นหนังสือสั่งการมีสภาพบังคับต้องถือปฏิบัติ เนื่องจากการบริหารส่วนตำบลในขณะนั้นอยู่ในระยะเริ่มตัน จึงต้องทำเป็นหนังสือซักช้อมแนวทางปฏิบัติดังกล่าว และนาย น. ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลเคยให้ถ้อยคำไว้ตามบันทึกการให้ถ้อยคำว่า ในช่วงเกิดเหตุมีการบรรจุและแต่งตั้งพนักงานส่วนท้องถิ่น มีข่าวว่ามีการดำเนินการไม่เป็นไปตามการบริหารงานบุคคลและมีการเรียกรับผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ เพื่อให้การบรรจุและแต่งตั้งถูกต้องโปร่งใส จึงมีการออกหนังสือซักซ้อมแนวทางปฏิบัติดังกล่าว
หากกรณีดำเนินการฝ่าฝืนหนังสือฉบับตังกล่าว ถือว่าดำเนินการผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ หรือผิดกฎหมายหรือไม่ จำต้องวิเคราะห์ว่าการดำเนินการฝ่าฝืนหนังสือฉบับดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการหรือเป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ แล้วแต่กรณี
ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 2 อ้างว่า กรณีหนังสือเรื่องซักซ้อมแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการสอบแข่งขันสำหรับข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548 นั้น เป็นเพียงหนังสือซักซ้อมแนะนำขอความร่วมมือเท่านั้นซึ่งไม่ได้ทำเป็นประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 13 ประกอบมาตรา 26
จึงไม่มีสถานะเป็นหนังสือสั่งการที่มีผลใช้จะต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
ดังนั้น สภาพบังคับใช้ในข้อ 2 ที่ระบุว่า การจะขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ห้ามมิให้ระบุชื่อและลำดับที่ของผู้สอบแข่งขันได้เป็นการเฉพาะเจาะจงนั้นก็ไม่มีสภาพบังคับเช่นเดียวกัน นั้น
เห็นว่า หนังสือฉบับดังกล่าวจะมีสภาพเป็นหนังสือสั่งการหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยโดยตรงในคดีนี้ แต่เมื่อหนังสือดังกล่าวออกโดยสำนักงาน ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. ซึ่งเป็นส่วนกลางเพื่อแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ทราบและถือปฏิบัติทั่วประเทศทุกจังหวัด (ยกเว้นจังหวัดพิจิตร) เพื่อป้องกันมิให้มีการเรียกรับเงินที่มิควรได้โดยชอบ
ดังนั้น การขอใช้บัญชีโดยฝ่าฝืนหนังสือฉบับดังกล่าวย่อมเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ซึ่งตามพฤติการณ์แห่งคดีนี้ คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล
จังหวัดราชบุรี โดยจำเลยที่ 2 กับนาง ย. ดำเนินการส่งผู้สอบแข่งขันได้ไปบรรจุและแต่งตั้งยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหนังสือขอใช้บัญชีโดยระบุชื่อและลำดับที่เป็นการเฉพาะเจาะจงและมีพฤติการณ์เป็นการเฉพาะเจาะจงและพิจารณาอนุมัติส่งผู้สอบแข่งขันได้ไปบรรจุและแต่งตั้งตามหนังสือขอใช้บัญชีโดยมิชอบดังกล่าวเป็นสำคัญย่อมเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามระเรียบแบบแผนของทางราชการ
โดยไม่เกรงกลัวว่าจะมีความผิดทั้งทางวินัยหรือทางอาญาหรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา
ยิ่งเมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 2 และนาง ย. ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีนำหนังสือขอใช้บัญชีจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ส่งมายังคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรี ที่มีการระบุชื่อและลำดับที่หรือระบุชื่อหรือลำดับที่หรือไม่ระบุชื่อและลำดับที่ แต่มีข้อเท็จจริงว่าหนังสือขอใช้บัญชีนั้นประสงค์จะบรรจุผู้สอบแข่งขันได้รายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะเก็บไว้ไม่นำมาพิจารณาส่งตัวผู้สอบแข่งขันได้ไปบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ขึ้นบัญชีไว้
แต่รอจนกว่าจะมีการเรียกบรรจุและแต่งตั้งถึงลำตับที่ผู้สอบแข่งขันได้ที่มีการระบุชื่อและลำดับที่หรือมีข้อเท็จจริงว่าประสงค์จะบรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้รายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะในลำดับนั้น 1 จึงนำหนังสือขอใช้บัญชีดังกล่าวมาเสนอต่อจำเลยที่ 1 ประธานคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีเพื่อพิจารณาอนุมัติส่งตัวผู้สอบแข่งขันไต้ไปบรรจุและแต่งตั้งตามที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
อันเป็นการพิจารณาอนุมัติส่งผู้สอบแข่งขันได้ตามหนังสือขอใช้บัญชีที่ระบุบุคคลที่จะเป็นหนักงานส่วนตำบลเป็นการเฉพาะเจาะจงโดยมิชอบเป็นสำคัญ
โดยไม่คำนึงถึงการมีหนังสือขอใช้บัญชีมาถึงคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีมาพิจารณาอนุมัติส่งผู้สอบแข่งขันได้ตามลำดับที่ที่ขึ้นบัญชีไว้เป็นสำคัญ
ฉะนั้น การที่นำหนังสือขอใช้บัญชีโดยมิชอบดังกล่าวมารอไว้จนกว่าจะมีการเรียกบรรจุและแต่งตั้งถึงลำดับที่ของผู้สอบแข่งขันได้ที่เป็นการเฉพาะเจาะจงดังกล่าว ย่อมเกิดความเสียหายแก่ผู้สอบแข่งขันได้ลำดับแรกที่มีการบรรจุและแต่งตั้งถึงลำดับที่ที่มีหนังสือขอใช้บัญชีจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาถึงอย่างยิ่ง
เพราะขณะที่มีหนังสือขอใช้บัญชีมาถึงนั้นถือว่ามีตำแหน่งว่างพร้อมที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นลำดับแรก
ส่วนที่ได้ความว่าผู้สอบแข่งขันได้ที่ไม่ได้ติดต่อประสานองค์กรปกครองท้องถิ่นใดเพื่อให้มีหนังสือขอใช้บัญชีส่งมายังคณะกรรมการพนักงานพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีแล้วแจ้งให้ผู้สอบแข่งขันได้นั้นทำหนังสือแสดงเจตนาสละสิทธิการบรรจุและแต่งตั้งเพื่อไปต่อท้ายบัญชี เพื่อให้สามารถดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้เรียงลำดับไปจนถึงลำดันที่รู้สอบแข่งขันได้ที่ได้ร้องขอต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหนังสือขอใช้บัญชีโดยระบุชื่อลำดับที่หรือมีพฤติการณ์ประสงค์จะบรรจุผู้สอบแข่งขันได้รายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะนั้น
เห็นว่า กรณีผู้สอบแข่งขันได้จะสละสิทธิได้ต่อเมื่อเกิดสิทธิที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งว่างนั้นแล้วจึงจะเป็นการสละสิทธิได้ แต่การที่ผู้สอบแข่งขันได้ไม่ไปติดต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้มีหนังสือขอใช้บัญชีไปบรรจุและแต่งตั้งให้มาสละสิทธิเพื่อให้สามารถดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันเรียงลำดับไปจนถึงลำดับที่ผู้สอบแข่งชันได้ที่ร้องของต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหนังสือขอใช้บัญชีโดยเฉพาะเจาะจงนั้น
กรณีมิใช่เป็นการสละสิทธิ แต่เป็นการพิจารณาอนุมัติส่งผู้สอบแช่งขันได้ไปบรรจุและแต่งตั้งยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ขอใช้บัญชีข้ามลำดับที่ที่ขึ้นบัญชีไว้ อันเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบแบบแผนของทางราชการดังกล่าวทั้งสิ้น ย่อมเกิดความเสียหายต่อระบบการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นอย่างยิ่ง
@วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์
@ พฤติการณ์เอื้อประโยชน์ เปิดช่องทางทุจริตในวงกว้าง 40 จังหวัด
และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง การที่คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรีรวมทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 2 จงใจไม่กำกับดูแลและปล่อยปละละเลยให้นาง ย. โทรศัพท์แจ้งให้ผู้สอบแข่งขันได้ติดต่อเพื่อให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหนังสือขอใช้บัญชีดังกล่าวโดยมิชอบ ตลอดระยะเวลาร่วม 2 ปี อันเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์จนเป็นช่องทางให้มีการวิ่งเต้นเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบส่อไปในทางทุจริตในวงกว้างทั้งประเทศร่วม 40 จังหวัด ตามเป็นข่าวรู้กันทั่วไปในขณะนั้น
จนกระทั่งมีการร้องเรียนกล่าวหาจำเลยที่ 1 ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาแล้วดำเนินคดีแก่จำเลยและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก
@ หลักฐานเรียกรับผลประโยชน์ไปไม่ถึง
ดังนั้น การกระทำดังกล่าวของคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรี โดยจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดราชบุรี และในฐานะประธานคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดราชบุรี และจำเลยที่ 2 ในฐานะท้องถิ่นจังหวัดราชบุรีและเลขานุการคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ กำกับดูแล งานบริหารงานบุคคลองค์การบริหารส่วนตำบลที่อยู่ในเขตจังหวัดราชบุรีตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ดังกล่าวข้างต้น ตามพฤติการณ์แห่งคดีย่อมเป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ประกาศและระเบียบแบบแผนของทางราชการมากยิ่งขึ้นตามลำดับดังที่วินิจฉัยมา
แม้ตามทางไต่สวนจะไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่ามีการวิ่งเต้นเรียกรับผลประโยชน์เป็นกระบวนการเกี่ยวข้องเชื่อมโยงถึงจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกในการบรรจุและแต่งตั้งมีการทุจริตเกิดขึ้นก็ตาม
แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกดังกล่าวเป็นการร่วมกันจงใจปฏิบัติหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิซอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้สอบแข่งขันได้ที่ขึ้นบัญชีไว้และต่อระบบการบริหารงานบุคคลส่วนท้องหลักคุณธรรมเป็นอย่างมาก
ส่วนที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 อ้างว่าการดำเนินการพิจารณาอนุมัติส่งผู้สอบแข่งขันได้ไปเพื่อบรรจุและแต่งตั้งตามหนังสือขอใช้บัญชียังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ประกาศต่าง ๆ แล้วทั้งสิ้นนั้น ย่อมง่ายต่อการกล่าวอ้างอย่างไรก็ได้เพื่อปฏิเสธความรับผิด
จึงฟังไม่ขึ้น ดังเหตุผลที่วินิจฉัยตามลำดับตังกล่าว
ส่วนปัญหาอื่นของจำเลยที่ 1 และที่ 2 นอกจากนี้ไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นความผิดตามฟ้อง
@ บทสรุปคำพิพากษา
พิพากษาว่า นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ จำเลยที่ 1 และ นายนเรศ วงศาโรจน์ จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตาม มาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 การกระทำความผิดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91
จำคุก จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 กระทงละ 2 ปี รวม 37 กระทง เป็นจำคุกคนละ 74 ปี
ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามมาตรา 78
คงจำคุก จำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทงละ 1 ปี 4 เดือน รวม 37 กระทง เป็นจำคุก คนละ 37 ปี 148 เตือน
แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้ว คงจำคุก จำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 20 ปี มาตรา 91 (2)
ยกฟ้องโจทก์สำหรับ นายสุพจน์ รัศมีโชติ จำเลยที่ 3 และนายไพบูลย์ วรุณไพศาล จำเลยที่ 4
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) หารือไม่อุทธรณ์คำพิพากษาสำหรับจำเลยที่ 1 และ ที่ 2 และเห็นชอบตามที่ อสส.หารืออุทธรณ์คำพิพากษาในส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 4
ส่วนบทสรุปสุดท้ายในการต่อสู้คดีนี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรต้องติดตามดูกันต่อไป
ขณะที่ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ คดีนี้ นับเป็นคดีที่สอง ต่อจากคดีทุจริตสอบนายอำเภอปี 2552 ที่ถูกศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 พิพากษาตัดสินลงโทษ จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ก่อนที่จะได้รับการประกันเพื่อสู้คดีต่อในชั้นศาลอุทธรณ์
แต่ไม่ว่าผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไร กรณีนี้นับเป็นอีกหนึ่งคดีตัวอย่าง ไม่ให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐ เดินย้ำซ้ำรอย เอาเป็นเยี่ยงอย่าง ทั้งในปัจจุบันและอนาคตสืบไป
เหมือนหลายคดีที่นำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน
- ย้อนคดี! จับสด ซี 9 สรรพากร-ลูกน้อง ทุจริตเรียกเงินค่าคืนภาษี คุกคนละ 5 ปี-ไล่ออกราชการ
- ปิดฉาก! อดีตอัยการฉาว คดีเรียกเงิน 9 ล.ผู้ต้องหา โดนคุก 10 ปี หลักฐานมัด 'เสียงแอบอัด'
- ย้อนหลักฐานมัด 'คดีฮั้วบ่อบาดาล' อบต.บ้านไร่ ก่อนอดีตนายกฯ-พวก โดนคุกคนละ 2 ปี 6 ด.
- มีลาภเสื่อมลาภ-มียศเสื่อมยศ! วิบากกรรม'คู่สามี-ภรรยา'วัชโรทัย โดนโทษคุกคดีอาญาคนละ2ปีเศษ