"...คือเขาเปิดมาสักพักหนึ่งแล้วประมาณต้นปี เขามีการให้ข้อมูลการโอนเงินมาด้วย แต่การโอนเงินที่ว่านี้มันก็ไม่เยอะแต่อย่างใด อยู่ที่ประมาณหลักหมื่น แต่ว่าเขาเคยบอกว่าเหมือนกับว่าจะใช้ที่นี่เป็นที่รับเงิน เพราะว่าที่เมียนมามันไม่สามารถรับเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมการโอนเงินก็ไม่ได้เยอะอะไร สรุปก็คือว่าเขาทำธุรกิจในเมียนมา และเอาประเทศไทยเป็นที่เปิดธนาคารกับธนาคารไทยแห่งหนึ่ง..."
ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ!
ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ให้ความสนใจติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกต่อเนื่อง กรณีปรากฏข้อมูลในรายงานสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เกี่ยวกับบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในประเทศไทย ดำเนินการส่งยุทธภัณฑ์ให้กับกองทัพเมียนมา นับตั้งแต่ที่มีการรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ.2564 เป็นต้นมา โดยมูลค่าการส่งยุทธภัณฑ์จากบริษัทเหล่านี้เข้าสู่เมียนมามีมูลค่าอยู่ที่ 27,745,212 ดอลลาร์สหรัฐฯ (960,941,545 บาท) โดยส่งตรงไปให้กับกองทัพเมียนมาผ่าน 25 บริษัทที่มีการจดทะเบียนในประเทศไทย ซึ่ง 12 ใน 25 บริษัทนั้นพบว่ามีการจัดตั้งขึ้นหลังจากการรัฐประหาร และหลายบริษัทก็พบว่าถูกก่อตั้งโดยผู้ค้าอาวุธรายสำคัญที่ดำเนินกิจกรรมการค้าขายจากเมียนมาและสิงคโปร์
- เจาะรายงาน UN อ้างชื่อ 25 บ.ไทย ส่งยุทธภัณฑ์ให้กองทัพเมียนมา954 ล.-โยง'ผู้ค้าอาวุธ' สำคัญ (1)
- ลอตแรก! เปิดข้อมูล19 เอกชนไทย UN อ้างส่งยุทธภัณฑ์ให้กองทัพเมียนมา-หลายแห่งจัดตั้งหลัง รปห. (2)
- เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น! ตามหา 2 บ.ไทย UN อ้างส่งยุทธภัณฑ์ให้กองทัพเมียนมา-รอเจ้าของชี้แจง (3)
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลบริษัทเอกชนแห่งที่ 3 คือ บริษัท เอสเอส (ตัวย่อ) ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท จดทะเบียนเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2565 ตั้งอยู่ที่ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ถูกระบุว่า มีมูลค่าการส่งยุทธภัณฑ์อยู่ที่ระหว่าง 1-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในรายงานสหประชาชาติ ระบุว่า บริษัท เอสเอส (ตัวย่อ) เป็นซัพพลายเออร์ให้กับบริษัท Synpex Shwe Network ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดที่ถูกคว่ำบาตรจากสหราชอาณาจักร ในโทษฐานที่ว่าบริษัทนี้ได้ทำข้อตกลงจัดหาอะไหล่และบำรุงรักษาเครื่องบินให้กับกองทัพเมียนมา
เมื่อเดินทางไปถึงที่ตั้งบริษัท เอสเอส (ตัวย่อ) พบว่า เป็นอาคารที่ทำการของบริษัทเอกชน ซึ่งทำธุรกิจบริการให้เช่าสำนักงานแห่งหนึ่ง (ดูภาพประกอบ)
เมื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเอสเอส (ตัวย่อ) จากบริษัทผู้ให้เช่าสำนักงานออฟฟิศแห่งนี้ ได้รับแจ้งว่า ผู้บริหารบริษัทเอสเอสนั้นอยู่ที่เมียนมาเป็นหลัก
"พนักงานบริษัทเอสเอสที่มาติดต่อเช่าสำนักงานออฟฟิศ และเคยเข้ามาที่ทำการแห่งนี้ มีทั้งผู้หญิงที่อายุประมาณ 20 ปลายๆ ไปจนถึงผู้หญิงที่อายุในวัยกลางคน ส่วนเจ้าของบริษัทก็เป็นผู้หญิงที่ดูน่าจะมีอายุมากแล้ว โดยครั้งสุดท้ายที่เจอกับพนักงานบริษัทเอสเอสก็ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา" บริษัทผู้ให้เช่าสำนักงานออฟฟิศฯ ระบุ
พนักงานบริษัทให้เช่าออฟฟิศรายนี้ ให้ข้อมูลด้วยว่า "เท่าที่ทราบข้อมูลคือบริษัทเอสเอส นั้นขายพวกอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆ พวกแบตเตอรี่เป็นหลัก แต่ไม่ทราบในรายละเอียดว่าแบตเตอรี่ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับอาวุธหรือไม่"
"คือเขาเปิดมาสักพักหนึ่งแล้วประมาณต้นปี เขามีการให้ข้อมูลการโอนเงินมาด้วย แต่การโอนเงินที่ว่านี้มันก็ไม่เยอะแต่อย่างใด อยู่ที่ประมาณหลักหมื่น แต่ว่าเขาเคยบอกว่าเหมือนกับว่าจะใช้ที่นี่เป็นที่รับเงิน เพราะว่าที่เมียนมามันไม่สามารถรับเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมการโอนเงินก็ไม่ได้เยอะอะไร สรุปก็คือว่าเขาทำธุรกิจในเมียนมา และเอาประเทศไทยเป็นที่เปิดธนาคารกับธนาคารไทยแห่งหนึ่ง" พนักงานบริษัทผู้ให้เช่าออฟฟิศระบุ
สำหรับข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทของบริษัท เอสเอส (ตัวย่อ) ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นั้น
บริษัทฯ แห่งนี้ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบการขายส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรม ปรากฎชื่อ สุภาพสตรี 1 ราย เป็นชาวเมียนมา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทฯ
มีผู้ลงทุนเป็นคนไทย 1 คน ลงเงินไป 510,000 บาท คนเมียนมาลงทุน 4 คน ลงเงินไป 490,000 บาท
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับกรณีนี้ ยังไม่เคยปรากฏข้อมูลว่า บริษัท เอสเอส (ตัวย่อ) ถูกตรวจสอบหรือถูกกล่าวโทษจากหน่วยงานรัฐไทย ว่า มีการกระทำความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด
หากกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทเอกชนแห่งนี้ มีความประสงค์จะชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม สามารถติดต่อกลับมาที่สำนักข่าวอิศรา ได้ตลอดเวลา
อ่านประกอบ:
- หนังคนละม้วน? เปิดตัวผู้บริหาร บ.ไทย ในรายงาน ยูเอ็น ยันไม่เกี่ยวข้องค้าอาวุธเมียนมา
- เจาะรายงาน UN อ้างชื่อ 25 บ.ไทย ส่งยุทธภัณฑ์ให้กองทัพเมียนมา954 ล.-โยง'ผู้ค้าอาวุธ' สำคัญ
- ลอตแรก! เปิดข้อมูล19 เอกชนไทย UN อ้างส่งยุทธภัณฑ์ให้กองทัพเมียนมา-หลายแห่งจัดตั้งหลัง รปห.
- เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น! ตามหา 2 บ.ไทย UN อ้างส่งยุทธภัณฑ์ให้กองทัพเมียนมา-รอเจ้าของชี้แจง