"...สำหรับกรณี พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้ถูกกล่าวหา ขอเบิกจ่ายเงินสินบนรางวัล จากกรมศุลกากร กรณีจับกุมรถยนต์ลักลอบนำเข้าราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย เป็นกรณีความปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาขณะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีพฤติการณ์กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 48 และมาตรา 49 ต่อไป..."
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เป็นรายละเอียดคำแถลงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่ากว่า 1,358 ล้านบาท และมีมติชี้มูลความผิดนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กับพวก ร่วมกันพิจารณาและอนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการมิชอบฉบับเต็ม โดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา
**********************
เรื่องกล่าวหา พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ หรือผู้กำกับโจ้ ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่ากว่า 1,358 ล้านบาท ส่งอัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์สิน ตกเป็นของแผ่นดิน
คดีนี้สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติรับเรื่องไว้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น กรณีปรากฏข้อเท็จจริงตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าว พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล ตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร เมืองนครสวรรค์ กับพวก รวม 7 คน จับกุมนายจิระพงษ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติด มีการเรียกรับเงิน เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี และกระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย และปรากฏข้อเท็จจริงจากข่าวดังกล่าวอีกด้วยว่า พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล มีบ้านหลังใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำในเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ บริเวณหมู่บ้านปัญญารามอินทรา และครอบครองรถยนต์จำนวนมาก เป็นรถหรูจำนวนหลายคัน มีมูลค่ารวมกันประมาณ 100 ล้านบาท ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นของพนักงานไต่สวนเจ้าของสำนวน และมีมติรับเรื่องกรณีพันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง โดยแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่า รายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร ที่ดินพร้อมบ้านพักอาศัย รถยนต์ และเงินที่ใช้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์หลายคัน ได้มาโดยไม่สัมพันธ์กับรายได้ และเกินกว่าฐานะและรายได้ที่ได้รับจากราชการจะพึงมี จึงเป็นกรณีที่พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล ร่ำรวยผิดปกติ ตามนัยมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวม 32 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,358,121,750.80 บาท ได้แก่
1. บัญชีเงินฝากธนาคาร A ประเภทสะสมทรัพย์ ชื่อบัญชีนายธิติสรรค์ อุทธนผล รวมเป็นเงิน 1,197,694,152.48 บาท
2. บัญชีเงินฝากธนาคาร A ประเภทสะสมทรัพย์ ชื่อบัญชีนายธิติสรรค์ อุทธนผล รวมเป็นเงิน 11,542,450 บาท
3. บัญชีเงินฝากธนาคาร B ชื่อบัญชี นายธิติสรรค์ อุทธนผล รวมเป็นเงิน 34,577,170 บาท
4. ที่ดิน จำนวน 4 แปลง และบ้านพักอาศัย จำนวน 2 หลัง ตำบลบางชัน อำเภอคลองสามวา กรุงเทพมหานคร รวมมูลค่า 54,150,000 บาท
5. รถยนต์ จำนวน 15 คัน ได้แก่ยี่ห้อ PORSCHE AUDI BENZ VOLKSWAGEN FORD มูลค่ารวม 6,190,000 บาท
6. เงินค่าเช่าซื้อรถยนต์ จำนวน 13 คัน ได้แก่ยี่ห้อ LAMBORGHINI BMW PORSCHE FORD BENTLEY FERRARI มูลค่ารวม 53,967,978.32 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าพันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,358,121,750.80 บาท
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็น ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน และเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เรียบร้อยแล้ว
ให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรณีร่ำรวยผิดปกติ โดยให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122
ทั้งนี้ หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561
สำหรับกรณี พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้ถูกกล่าวหา ขอเบิกจ่ายเงินสินบนรางวัล จากกรมศุลกากร กรณีจับกุมรถยนต์ลักลอบนำเข้าราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย เป็นกรณีความปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาขณะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีพฤติการณ์กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 48 และมาตรา 49 ต่อไป
@ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.
ขณะที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. และโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,358,121,750.80 บาท ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็น ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้อง ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สิน ที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน
และเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามอำนาจ หน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรณีร่ำรวยผิดปกติ โดยให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561
สำหรับกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ผู้ถูกกล่าวหา ขอเบิกจ่ายเงินสินบนรางวัลจากกรมศุลกากร กรณีจับกุมรถยนต์ลักลอบนำเข้าราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย นั้น
นายนิวัติไชย ระบุว่า ขณะนี้อยู่ในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริง ป.ป.ช.ยังไม่ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน ซึ่งมีมูลว่าทำไมจึงมีการไปจับรถหรูได้กว่า 400 คันในหลายคดี แล้วจับเสร็จก็นำส่งกรมศุลกากร จากนั้นกรมศุลกากรนำออกมาประมูลขาย จึงต้องไปต่อยอดว่าเป็นการดำเนินคดีโดยชอบหรือไม่ หรือมีการวางแผนร่วมกันทำเป็นขบวนการในการนำเข้ารถหรูแล้วจับกุมเพื่อหวังผลจากเงินเปอร์เซ็นต์ หรือเงินสินบนรางวัลนำจับ ทั้งนี้ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงจะต้องคลี่คลายรายละเอียดให้ได้มากที่สุด แต่เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ปี 2553 ต้องย้อนกลับไปดูเอกสารที่กรมศุลกากร จากนั้นจะต้องมาคลี่ในรายละเอียดว่าใครเป็นผู้จับกุม จับแล้วนำส่งใครที่เป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ใครเป็นผู้ประเมินราคา เสร็จแล้วมีการนำมาขาย และขายให้ใคร อย่างไร ต้องตามให้ได้ว่าการจับนั้นจับได้อย่างไร
"ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานงานกับทางตำรวจของมาเลเซียอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะขอดูว่าเจ้าของรถที่เป็นชาวมาเลเซีย เนื่องจากเขามีประกัน มีการติดตาม หรือมีการแจ้งหายที่มาเลเซียหรือไม่ ดังนั้น จะต้องมีข้อมูลเชื่อมโยงกัน และอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ” นายนิวัติไชย ระบุ
อ่านประกอบ:
- คำสั่ง ผบ.ตร.ให้‘ผู้กำกับโจ้’ออกจากราชการ-ใบรับรอง รพ.อ้างผู้ต้องหาตายจากพิษแอมเฟตามีน
- เปิดมุมมองกม. 'สิทธิผู้ถูกจับกุม' เทียบกรณีคลุมถุงดำรีด 2 ล. 'เถยจิต' โจร ในคราบ ตร.
- ป.ป.ช.ภาค 6 ขอเร่งรัดมติส่วนกลางไต่สวน คดี 'ผกก.โจ้' - จนท.ยักยอกเงินโควิด 12.7 ล.
- นิ้วไหนไม่ดี ต้องตัดทิ้ง! ผบ.ตร.สอบวินัย-อาญา'ผู้กำกับโจ้'จ่อให้ออกจากราชการ
- สอบสินบนนำจับอีกคดี! ป.ป.ช.ส่งสำนวนฟ้องยึดทรัพย์ ผกก.โจ้ รวยผิดปกติ 1,358 ล.
เรื่องเกี่ยวข้องกับคดีรถหรู
- ตามส่อง บ.ศรณรงค์ฯ คดีสำแดงราคานำเข้า ‘เฟอร์รารี่’ สภาพปัจจุบันเหลือแค่ตึกเก่า
- เปิดเอกสาร บ.ศรณรงค์ฯ คดีสำแดงราคานำเข้า ‘เฟอร์รารี่’เท็จ เป็นใคร?
- คำพิพากษาคดีสำแดงนำเข้า ‘เฟอร์รารี่’ เท็จ บ.ศรณรงค์ฯกับพวก ปรับ 1.6 ล. ริบรถ
- พลิกธุรกิจ 13 บ.เสี่ยรง.แป้งมัน ผู้ครอบครอง ลัมโบร์กินี ‘ผู้กำกับโจ้’
- ผกก.โจ้'โดม' แจงลัมโบร์กินี สั่งประกอบนอก ไม่เกี่ยว บ.เบนซ์นครินทร์ - ผกก.โจ้
- ไม่ใช่แค่ ลัมโบร์กินี ผกก.โจ้! กก.สาว รง.แป้งมัน ถือครองรถหรู 1 คัน
- รถหรู20 คัน ดีเอสไอถอนอายัด 'นักธุรกิจ -นาย ตร. -ดาราดัง' ครอบครอง
- ลัมโบร์กินี‘ผู้กำกับโจ้’ คนถือครองล่าสุด นักธุรกิจ รง.แป้งมันสำปะหลัง
- ลัมโบกินี สีส้ม! คันที่3 ดีเอสไอ ถอนอายัด - บ.เบนซ์นครินทร์ฯ นำเข้า
- ตามไปดู3 เอกชน ผู้นำเข้า ‘ลัมโบร์กินี’ ผู้กำกับโจ้ - เหลือแค่ป้ายชื่อบริษัท?
- ‘ลัมโบร์กินี’ ผู้กำกับโจ้! ที่แท้ บ.เบนซ์นครินทร์ฯ - พวก นำเข้า
- อัยการไม่สั่งริบ! ดีเอสไอแจงปม คืน‘ลัมโบร์กินี’ ของกลางคดีรถหรู ก่อน ‘ผกก.โจ้’ เจ้าของ
- เปิดหนังสือถอนอายัด‘ลัมโบร์กินี’ คดีนำเข้ารถหรู ลอตเดียว ‘ผู้กำกับโจ้’
- เบื้องหลัง‘ลัมโบร์กินี’ ผู้กำกับโจ้ ดีเอสไอถอนอายัด หลังอัยการฝ่ายฯ มีความเห็นทางคดี
- ส่ง อสส.แล้ว! ดีเอสไอแถลงคดีรถลัมโบกินี‘ผกก.โจ้’เลี่ยงภาษี-รัฐเสียหาย 31 ล.