"...ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เล่าว่าในกระบวนการทำงานนั้นถ้าหากว่านางศิริพรไม่อยู่ ตัวนางพวงทิพย์จะไม่สามารถหยุดงานได้ เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ยังเคยเล่าให้ฟังด้วยว่ามีตำรวจมาขู่ไม่ให้นางพวงทิพย์หยุดงาน เพราะว่าถ้าหยุดงานก็จะมีคนอื่นมานั่งเคาน์เตอร์ของนางศิริพร นั้นจึงทำให้ทราบได้ว่านางศิริพรนั้นมีพฤติกรรมการปลอมลายเซ็นสมาชิกสหกรณ์ฯ เพื่อถอนเงิน..."
ประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ขณะนี้มีรายงานยอดความเสียหายเบื้องต้น พุ่งสูงถึงตัวเลข 600 กว่าล้านบาทนั้น
ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้ติดตามนำข้อมูลสำคัญมานำเสนอหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นพฤติการณ์การกระทำความผิดของ นางศิริพร รัตนปราการอดีตหัวฝ่ายการเงิน และ นางพวงทิพย์ สุทธิแย้ม ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ 2 ผู้ต้องหาในคดี ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2565 ปัจจุบันถูกศาลออกหมายจับเป็นทางการ ข้อมูลทางธุรกิจของบุคคลทั้งสอง เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินที่นำไปใช้ในการลงทุนว่ามีความเชื่อมโยงกับเงินของสหกรณ์ที่ถูกยักยอกไปหรือไม่
- ควักเงินสด13 ล้านซื้อ? ตามไปดูธุรกิจ ร้านกาแฟ-ข้าวแกง 'ผจก.'คดีทุจริตส.เกษตรฯ ก่อนหนี
- สรุป 4 พฤติการณ์ 'จนท.-ผจก.'คดีทุจริตเงินส.เกษตรฯ - 'ลูกสาว' ไม่ตอบแหล่งเงินรีสอร์ทหรู
- เปิดเอกสารตั้ง บ.รีสอร์ทหรูอัมพวา ตามไขปริศนา จนท.สหกรณ์เกษตรฯ เอาเงินจากไหนมาสร้าง? ก่อนหนี
- ข้อมูลใหม่! ก่อนแม่หนี 'ลูก' จนท.สหกรณ์เกษตรฯ ตั้ง บ.อีกแห่ง ทุน 2 ล.ทำธุรกิจร้านอาหาร
- เผยสัมพันธ์ลึก'บิ๊กสีกากี-จนท.ส.เกษตรฯ'สนิทสนมกันมาก-เปลี่ยนไปใช้สกุล 'พ่อ' ก่อนหนี
- เกษียณแล้วก็ไม่เว้น! ผบ.ตร.สั่งสอบตำรวจช่วยผู้ต้องหาคดีส.เกษตรหนี ทำจริงโดนอาญา-วินัย
รวมไปถึงข้อมูลสำคัญ กรณีที่ นางศิริพร มีความสนิทสนมกับนายตำรวจระดับสูง ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่โตในจังหวัดทางภาคอีสาน มีเส้นสายดีในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และก็เป็นนายตำรวจระดับสูงผู้นี้เอง ที่ให้ความช่วยเหลือพาตัวนางศิริพร หลบหนีออกไปนอกประเทศไทย และก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้การติดตามตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้เป็นไปด้วยความล่าช้า เบื้องต้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้มีโอกาสพูดคุยกับกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ เพื่อบอกเล่าข้อมูลลึกเกี่ยวกับพฤติการณ์ของ นางศิริพร รัตนปราการ นางพวงทิพย์ สุทธิแย้ม ตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนที่ข่าวการยักยอกเงินสหกรณ์จะปรากฏต่อสาธารณะ พร้อมทั้งคำถามสำคัญของสังคมที่ยังค้างคาใจว่า กรณีนี้คณะกรรมการสหกรณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นเป็นใจกับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายด้วยหรือไม่
โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ค. นายทะเบียนสหกรณ์ ได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เนื่องจากกรรมการสหกรณ์ไม่ตรวจสอบยอดความเสียหายให้แล้วเสร็จภายในกำหนดของนายทะเบียน อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างขึ้น
@ความพยายามบ่ายเบี่ยงการนำข้อมูลการเงินสมาชิกสหกรณ์ฯเข้าสู่ระบบ
กรรมการสหกรณ์ฯ รายนี้ เล่าให้ฟังว่าก่อนที่ นางศิริพร จะหลบหนีไปนั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มี.ค.ได้มีการประชุมกรรมการสหกรณ์ฯกันก่อน ซึ่งในที่ประชุมก็ได้มีการสอบถามว่าทำไมถึงไม่เอาข้อมูลทางการเงินของสมาชิกสหกรณ์ฯลงไปในระบบ เพราะว่าจ่ายเงินให้กับบริษัทรับทำระบบ และก็มีการตรวจรับงานไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิด
"กรรมการสหกรณ์รายหนึ่งได้บอกว่านางศิริพรและนางพวงทิพย์ สุทธิแย้ม อดีตผู้จัดการกองทุนสหกรณ์ฯ ได้แจ้งกับกรรมการรายนั้นว่ายังคีย์ข้อมูลสมาชิกสหกรณ์ฯ ไม่เสร็จ ส่วนทางฝ่ายธุรการอ้างว่ายังขาดข้อมูลไปอีก 140 ราย ซึ่งตรงนี้ทำให้ทางที่ประชุมได้เร่งให้มีการลงข้อมูลในระบบโดยเร็ว เพื่อที่สมาชิกสหกรณ์ฯทั้งหมดจะได้เห็นว่าข้อมูลการเงินของตัวเองนั้นเป็นอย่างไรบ้าง"
"แต่กลายเป็นว่าพอที่ประชุมสหกรณ์ฯสั่งให้มีการนำข้อมูลลงระบบเท่านั้น นางศิริพรก็ได้ดำเนินการปลอมลายมือชื่อถอนเงินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหายไปเมื่อวันจันทร์ที่ 28 มี.ค. พร้อมกับนางพวงทิพย์ ไปด้วยกันเลย"
กรรมการสหกรณ์ฯ รายนี้ เล่าอีกว่า หลังจากที่มีการนำเอาข้อมูลมาในระบบนั้นทำให้สมาชิกสหกรณ์ฯได้เห็นว่าเงินของตัวเองนั้นหายไป ทางกรรมการสหกรณ์ฯจึงได้มีการติดตามทวงถามไปถึงนางศิริพรและนางพวงทิพย์ เพื่อให้เข้ามาชี้แจง แต่ปรากฏว่านางศิริพรนั้นอ้างว่าตัวเองติดโควิด-19 อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ทางกรรมการก็เริ่มจะเอะใจ จึงได้มีการไปติดต่อกับนายกฤตนุ รัตนปราการ ลูกชายของนางศิริพร
"ซึ่งนายกฤตนุก็ได้ชี้แจงแค่ว่าติดต่อแม่ไม่ได้เช่นกัน แต่ทราบว่าแม่ทะเลาะกับลุงที่เป็นแฟนใหม่ และก็เป็นตำรวจเหมือนกัน และหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกับนายกฤตนุอีกเลย"
เมื่อถามว่าทราบได้อย่างไรว่าเงินหายไปจากระบบ แหล่งข่าวกล่าวว่า ในวันที่ 28 มี.ค. มีสมาชิกสหกรณ์ฯคนหนึ่งไปร้องว่าเงินหาย จึงได้มีการตรวจสอบในระบบ คนอื่นๆในสหกรณ์ฯ ก็เลยรู้ชัดเจนว่าเงินนั้นหายไปก็เลยพากันมาทวงเงินที่หายไป นำไปสู่การทวงถามไปยังนางศิริพร
@นางพวงทิพย์ถอนเงิน นางศิริพรยักยอก
เมื่อถามสำนักข่าวอิศรา ถามย้ำว่า รู้ได้อย่างไรว่า เงินถูกนางศิริพรเอาไป แหล่งข่าวกล่าวว่า "นางศิริพรมีการปลอมลายเซ็นสมาชิกสหกรณ์ฯเพื่อทำการเบิกเงิน"
"ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เล่าว่าในกระบวนการทำงานนั้นถ้าหากว่านางศิริพรไม่อยู่ ตัวนางพวงทิพย์จะไม่สามารถหยุดงานได้ เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ยังเคยเล่าให้ฟังด้วยว่ามีตำรวจมาขู่ไม่ให้นางพวงทิพย์หยุดงาน เพราะว่าถ้าหยุดงานก็จะมีคนอื่นมานั่งเคาน์เตอร์ของนางศิริพร"
"นั้นจึงทำให้ทราบได้ว่านางศิริพรนั้นมีพฤติกรรมการปลอมลายเซ็นสมาชิกสหกรณ์ฯ เพื่อถอนเงิน"
@ นางศิริพร รัตนปราการ
@นางพวงทิพย์ สุทธิแย้ม
กรรมการสหกรณ์ฯ รายนี้ ยังเล่าให้ฟังต่อว่า "โดยส่วนตัวเชื่อว่านางพวงทิพย์นั้นได้เงินไปน้อยจากกรณีนี้ เพราะว่านางพวงทิพย์มีพฤติกรรมการแอบกู้เงินฉุกเฉินของคนอื่นที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ฯจำนวนสี่ราย โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ซึ่งพอถึงเดือน มี.ค. ที่มีการส่งข้อมูลงบไปยังกระทรวงการคลัง ก็พบว่ามีการแอบกู้เงินเขา ผู้ถูกแอบกู้เงินก็เลยมาร้อง ซึ่งกรณีการแอบกู้เงินฉุกเฉินดังกล่าวนั้นขอเรียนว่าไม่เกี่ยวกับพฤติกรรมของนางศิริพรแต่อย่างใด เป็นคนละกรณีกัน"
“ถ้าพวงทิพย์เขาได้เงินไปเยอะจริงจากกรณีของการปลอมลายเซ็น แล้วเขาจะแอบไปกู้เงินฉุกเฉินของคนอื่นทำไม เราจึงคิดว่าเขาน่าจะได้เงินไปค่อนข้างน้อย ซึ่งการกู้ฉุกเฉินนั้นเป็นการให้วงเงินกู้ค่อนข้างน้อยไม่เหมือนกับการกู้สามัญ และการกู้ฉุกเฉินนั้นมีขั้นตอนที่น้อยกว่าด้วยเช่นกัน"
ส่วนกรณีของนางศิริพรนั้น กรรมการสหกรณ์ฯ อธิบายพฤติการณ์ว่า นางศิริพรใช้วิธีการปลอมลายเซ็นของสมาชิกสหกรณ์ฯทุกคนจำนวน 118 คน ประกอบกับการที่ว่าสหกรณ์ฯนั้นมีวิธีการที่ค่อนข้างหละหลวมไม่มีการเปรียบเทียบลายเซ็นเหมือนกับธนาคาร อีกทั้งนางศิริพรก็เป็นคนเก่าแก่ที่ทำงานมานาน เป็นคนที่ดูเหมือนว่าจะมีฐานะ จึงไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำแบบนี้
" คือว่าในทุก ๆ วันนั้น นางพวงทิพย์จะเบิกเงินจากบัญชีสหกรณ์ฯ ที่ผูกกับธนาคารกรุงไทยสาขาวิสุทธิ์กษัตริย์ เอามาไว้กับนางศิริพร ที่เปรียบเสมือนกับเป็นคนถือกุญแจเซฟเก็บของสหกรณ์ฯในทุก ๆ วัน"
"สาเหตุที่ต้องเบิกเงินในทุก ๆ วันมาไว้ที่สหกรณ์ฯ ก็เป็นเพราะว่าจะต้องมีเงินสำหรับสมาชิกสหกรณ์ฯที่ต้องการจะมาถอนเงินไปใช้ ทางสหกรณ์ฯก็มีความจำเป็นจะต้องมีเงินเอาไว้อยู่ที่สหกรณ์ฯจำนวนหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้นางศิริพรนั้นเห็นช่องการยักยอกเงิน โดยใช้วิธีการปลอมลายเซ็นของสมาชิกสหกรณ์ฯดังกล่าวจำนวน 118 คน หลังจากนี้ พอเงินถูกนำออกไปเท่าไร ไม่ว่าจะถูกเบิกโดยสมาชิกสหกรณ์ฯหรือว่าถูกยักยอกไปด้วยการปลอมลายเซ็นของนางศิริพร ต่อมาในตอนเย็น นางพวงทิพย์ก็จะเอาเงินที่เหลือนี้ไปคืนกลับธนาคาร และพอถึงในช่วงเช้าของวันถัดมานางพวงทิพย์ก็จะไปถอนเงินจากธนาคารเพื่อเอามาไว้ให้เจ้าหน้าที่การเงิน เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์มาถอนเงิน เป็นแบบนี้ทุกวันที่ทำการ”
"สาเหตุสำคัญที่คนอื่นนอกเหนือจากนางศิริพรและนางพวงทิพย์จะมานั่งเคาน์เตอร์ของนางศิริพรไม่ได้ ก็เพราะว่าถ้าคนอื่นมานั่ง แล้วมีสมาชิกสหกรณ์ฯมาเบิกเงิน เขาก็จะเห็นเลยว่าเงินตัวเองนั้นหายไป"
“ดังนั้น บทบาทของนางพวงทิพย์ก็คือว่าต้องปกปิดความลับให้กับนางศิริพร นอกจากนี้ก็มีข้อมูลที่ยังยืนยันไม่ได้ด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้นพบเห็นนางศิริพรเคยเอาเงินสดใส่ถุงขนาดใหญ่ขึ้นรถกลับบ้านไปอยู่ แต่ว่าอาจจะไม่ใช่ก็ได้ อาจจะเป็นถุงใส่อุปกรณ์อย่างอื่นก็ได้เหมือนกัน”
กรรมการสหกรณ์ฯ รายนี้ กล่าวย้ำว่า เนื่องจากความสามารถของนางศิริพร ที่สามารถจะตกแต่งบัญชีได้นั้น ก็ทำให้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่เข้ามาในทุกเดือนไม่ได้เห็นความพิรุธตรงนี้เช่นกัน
"ซึ่งเขาก็มีพฤติกรรมการยักยอกเงินแบบนี้เรื่อยมา แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่เข้ามาเขาก็ยังเอาเงินไปอีก มีข้อมูลด้วยว่าพบเห็นรถของนางศิริพรนั้นไปรับนางพวงทิพย์ไปด้วยกัน ในช่วงวันที่ 28 มี.ค. ซึ่งตรงนี้เข้าใจได้ว่านางศิริพรต้องพานางพวงทิพย์ไปด้วย เพราะถ้านางพวงทิพย์อยู่ เขาก็จะออกมาเปิดโปงทั้งหมด ดังนั้นก็ต้องพาตัวไปด้วย”
@อ้างว่าแม่ขายที่ดินได้ 20 ล้านบาทเลยไปเปิดร้านอาหาร
สำหรับข้อมูลประวัติของนางศิริพร นั้น กรรมการสหกรณ์ฯ รายนี้ ให้ข้อมูลว่า นางศิริพรทำงานอยู่ในสหกรณ์ฯมาเป็นระยะเวลา 40 ปีแล้ว ตำแหน่งดังกล่าวนั้นถือว่าสูงสุดสายนี้แล้ว
"อันที่จริงแล้วช่วงอายุการทำงานของนางศิริพรนั้นถือว่าต้องเกษียณจากการทำงานแล้ว แต่ว่ายังไม่มีการเปิดรับสมัครใหม่ ก็เลยต้องต่ออายุการทำงานไปเรื่อย ๆ ทีละ 6 เดือน ซึ่งตามระเบียบการคลังนั้นสามารถขยายอายุได้จนถึง 70 ปี"
“ที่ผ่านมาก็มีการประเมินผลงานการทำงานของนางศิริพรมาโดยตลอดซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็เลยเป็นที่มาของการต่ออายุการทำงาน”
ส่วนข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบล่าสุดว่า นางศิริพรใช้เงินสดจำนวนนับสิบล้านไปซื้อที่ดินทำเป็นร้านกาแฟและซื้อตึกแถวทำเป็นร้านขายข้าวแกง นั้น
กรรมการสหกรณ์ฯ รายนี้ "เรื่องนี้เห็นเจ้าหน้าที่ในสหกรณ์เล่าให้ฟังว่าที่ผ่านมานั้นนางศิริพรเคยเล่าให้กับคนในสหกรณ์ฯว่าแม่ของนางศิริพรนั้นขายที่ได้เงิน 20 ล้านบาท ก็เลยนำเงินสดจำนวนดังกล่าวไปเปิดร้านขายไก่ย่าง ร้านอาหารต่างๆ แต่ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่นางศิริพรบอกว่าแม่ตัวเองขายที่ได้เงินดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่"
บ้านและอาคารพาณิชย์ซึ่งเคยเป็นร้านกาแฟและร้านข้าวแกง ซึ่งมีรายงานว่านางศิริพรได้ใช้เงินสดนับสิบล้านบาทซื้อที่ดินเพื่อทำกิจการดังกล่าว
“แต่เราพบข้อมูลว่ามีการส่งซองข้อมูลการโอนทะเบียนรถจำนวนสี่ซองของคนใกล้ชิดนางศิริพรมายังกระทรวง ในช่วงที่เกิดเรื่องใหม่ ๆ แล้วก็มีการใช้ให้เจ้าหน้าที่ไปเอาซองดังกล่าว ซึ่งรถที่ว่านั้นก็เป็นรถที่มีราคาทั้งนั้น ดังนั้นจึงได้มีการส่งข้อมูลให้กับตำรวจเพื่อให้ดำเนินการต่อไปแล้ว” กรรมการสหกรณ์ฯ รายนี้กล่าวย้ำ
@ยันกรรมการสหกรณ์ฯไม่ได้มีส่วนรับผลประโยชน์ แต่พยายามจะหยุดการยักยอกเงิน
ส่วนกระบวนการทำงานของคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดปัจจุบันนั้น กรรมการสหกรณ์ฯ รายนี้ ยืนยันว่า การทำงานของคณะกรรมการหลังจากนี้จะต้องมีการไปตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังด้วยว่าในแต่ละช่วงเวลานั้นนางศิริพรได้มีพฤติกรรมไปยักยอกเงินเป็นจำนวนเท่าไร ความถี่ของการยักยอกเงินนั้นคิดเป็นจำนวนเท่าไรบ้าง เพื่อจะได้เห็นตัวเลขความเสียหายที่ชัดเจน
"สาเหตุที่มาให้ข้อมูลกับสำนักข่าวอิศรานั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่านับตั้งแต่ที่เกิดเรื่อง กรรมการสหกรณ์ฯ ก็ตกเป็นจำเลยด้วยเช่นกันว่ามีส่วนในการรับผลประโยชน์ด้วย ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ใช่เลย การทำหน้าที่ของกรรมการนั้นพยายามจะเร่งให้เกิดการนำข้อมูลขึ้นคีย์เข้าสู่ระบบให้เร็วที่สุด เพื่อให้สมาชิกสามารถตรวจสอบข้อมูลการเงินของตัวเองได้"
“พอกรรมการเร่งให้นำข้อมูลลงระบบเพื่อให้ตรวจสอบได้ในวันที่ 25 มี.ค. หลังจากนั้นเขาก็หายไปเลย ซึ่งถ้าหากในวันที่ 25 มี.ค. กรรมการสหกรณ์ฯไม่ได้จี้ให้มีการนำข้อมูลสมาชิกเข้าสู่ในระบบแล้ว จนถึงป่านนี้เขาก็ยังสามารถยักยอกเงินไปได้อยู่ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะยักยอกเงินไปได้อีกเท่าไร ดีไม่ดีจะหมดสหกรณ์ฯเลย” กรรมการสหกรณ์ฯ รายนี้ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านเรื่องประกอบ :
- ควักเงินสด13 ล้านซื้อ? ตามไปดูธุรกิจ ร้านกาแฟ-ข้าวแกง 'ผจก.'คดีทุจริตส.เกษตรฯ ก่อนหนี
- งานเข้า ก.เกษตรฯ! จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ ทุจริตเงินบัญชีสมาชิกมากกว่า 30 ล. (1)
- ยอดเสียหายพุ่ง 200ล.! สหกรณ์ฯก.เกษตรฯ ลุยแจ้งความ 'จนท.-ผจก.' คดียักยอกเงินแล้ว (2)
- ทุน 2.4 พันล.! เปิดตัวสหกรณ์ฯก.เกษตรฯ ก่อนเกิดกรณีทุจริตจนท.ยักยอกเงินหลายสิบล้าน (3)
- 2ผู้ต้องสงสัยหนีนานแล้ว! เกษตรฯเร่งแก้ทุจริตสหกรณ์ฯ กันทุนสำรอง4ล./วัน รับมือสมาชิกแห่ถอน (4)
- โชว์คำสั่งสหกรณ์ฯก.เกษตรฯ สอบยักยอก 200 ล.-เปิดชื่อ 2 ผู้ต้องสงสัยหายตัวตั้งแต่ 28 มี.ค. (5)
- แกะรอย 'จนท.-ผจก.' คดียักยอกส.เกษตรฯ 200 ล. มีร้านอาหารหรู-เปลี่ยนชื่อสกุลใหม่ ปี62 (6)
- เสียหายแล้ว 491 ล.'มนัญญา'สอบทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์ ก.เกษตร ชง'ดีเอสไอ-ปปง.'ตั้งคดีพิเศษ (7)
- ข้อมูลลับ จนท.สหกรณ์เกษตรฯ คดียักยอก 491 ล. เปลี่ยนชื่อสกุลใหม่ ถือหุ้นรีสอร์ทหรูอัมพวา (8)
- โพรไฟล์ลึก! ผจก.คดียักยอกส.เกษตรฯ 491ล. เจ้าของรีสอร์ทเขาค้อ-ประกาศขาย 23.5 ล้าน (9)
- ทะลุ 600 ล.! เปิดยอดเสียหายคดีทุจริตสหกรณ์เกษตรฯล่าสุด -มีอดีตอธิบดีโดนด้วยหลายล้าน (10)
- เปิดแผนการ? จนท.คดีทุจริตสหกรณ์เกษตรฯ600ล.เปลี่ยนชื่อสกุลใหม่-ถือหุ้นรีสอร์ทหรู ก่อนหนี (11)
- เปิดเอกสารตั้ง บ.รีสอร์ทหรูอัมพวา ตามไขปริศนา จนท.สหกรณ์เกษตรฯ เอาเงินจากไหนมาสร้าง? ก่อนหนี (12)
- สรุป 4 พฤติการณ์ 'จนท.-ผจก.'คดีทุจริตเงินส.เกษตรฯ - 'ลูกสาว' ไม่ตอบแหล่งเงินรีสอร์ทหรู (13)
- ข้อมูลใหม่! ก่อนแม่หนี 'ลูก' จนท.สหกรณ์เกษตรฯ ตั้ง บ.อีกแห่ง ทุน 2 ล.ทำธุรกิจร้านอาหาร (14)
- เสียหายทะลุ 620 ล.'มนัญญา'ดึง ปปง.-ดีเอสไอ สอบคดีทุจริตสหกรณ์เกษตรฯ (15)
- 'มนัญญา'ข้องใจ ปธ.สหกรณ์เกษตรฯ ไม่ให้ความร่วมมือสางคดียักยอกทรัพย์ เสียหายล่าสุด 644 ล. (16)
- ขมวดปมร้อน! คดีทุจริตส.เกษตรฯ'มนัญญา'งัดข้อฝ่ายบริหาร-สะพัด'บิ๊กสีกากี'พา จนท. หนี? (17)
- ดูแล้วองค์ประกอบครบ! อธิบดี DSI ไฟเขียวรับเรื่องทุจริตสหกรณ์เกษตรฯ 644 ล. เป็นคดีพิเศษ (18)
- เกษียณแล้วก็ไม่เว้น! ผบ.ตร.สั่งสอบตำรวจช่วยผู้ต้องหาคดีส.เกษตรหนี ทำจริงโดนอาญา-วินัย (19)
- เผยสัมพันธ์ลึก'บิ๊กสีกากี-จนท.ส.เกษตรฯ'สนิทสนมกันมาก-เปลี่ยนไปใช้สกุล 'พ่อ' ก่อนหนี (20)
- ควักเงินสด13 ล้านซื้อ? ตามไปดูธุรกิจ ร้านกาแฟ-ข้าวแกง 'ผจก.'คดีทุจริตส.เกษตรฯ ก่อนหนี (21)