อีกกรณี! เปิดพฤติกรรม ขรก.ฝ่ายการเงิน สนง.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับพวก จัดทำเอกสาร หลักฐานเท็จ เบิกเงิน 150 ครั้ง หน่วยงานเสียหาย 40.8 ล. เหตุเกิดปี 2562-2563 ส่งเรื่อง ปปง.ไล่อายัดทรัพย์สินบ้าน ที่ดิน เงินฝากแบงก์ 2 รายการ 1.6 ล. ตร.สั่งฟ้อง 3 คน
กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินทุจริตในหน่วยงานของรัฐและเอกชนทุจริตถูกสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) ยึดและอัดทรัพย์ เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้กรณีนางจิรารัตน์ ต้นรัตนสิริกุล ลูกจ้างบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) ตําแหน่งพนักงานบัญชีการเงิน ประจําภูมิภาคเชียงใหม่ ทุจริตด้วยวิธีการแจ้งขอเบิกเงินสดเป็นจํานวนมากเกินกว่าที่ต้องใช้จ่าย ซึ่งไม่ใช่ รายจ่ายจริง ไม่มีใบสําคัญจ่าย ไม่มีหลักฐานการเบิกจ่าย และได้บันทึกรายการค่าใช้จ่ายอันเป็นเท็จลงในระบบบัญชีของบริษัท ฯ จํานวนหลายครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 47.5 ล้านบาท
กรณีนางสาวกัลยาภัสร์ ใจขาน เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชํานาญงาน สังกัดกองคลัง สํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ทรัพย์สินที่อายัดเป็นบัญชีเงินฝากที่อยู่ในชื่อบุคคลต่างๆรวม 7 บัญชี วงเงินรวม 116,820.57 บาท เนื่องจากกระทำทุจริตต่อหน้าที่ราชการ โดยยักยอกเงิน จำนวน 19,979,218.16 บาท เป็นเงินที่มีผู้ยืมเงินทําเรื่องคืนเงินยืมราชการ นางสาวกัลยาภัสร์ ไม่ได้นําเงินที่รับมาส่งคืนกองคลัง แต่ได้เอาเงินดังกล่าวไปเป็นของตนเอง
ล่าสุดเป็นกรณีเป็นการยึดและอายัดทรัพย์ นักวิชาการเงินและบัญชี สํานักงานจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) มี คําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 68 /2565 ลง วันที่ 9 มี.ค.2565 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว รายนางสาวขนิษฐา หอยทอง พนักงานราชการ ตําแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชี สํานักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับพวก ซึ่งเป็นกรณี มีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ สร้างเอกสารหลักฐาน เบิกเงินฝากธนาคาร 150 ครั้ง ได้เงินไป 40,898,000 บาท
ทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัด 2 รายการ ได้แก่
1. สิ่งปลูกสร้างเลขที่ 82/21 หมู่ที่ 8 ตําบลคลองวาฬ อําเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่บนที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 33217 เลขที่ดิน 102 ตําบลประจวบคีรีขันธ์ อําเภอประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ นางสาวจิตติมา มนพลับ (ยังไม่มีการประเมินราคา)
2. เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาอรัญประเทศ เลขที่บัญชี 0568738470 ชื่อบัญชี นายสุธน สุวรรณกล่อม ยอดเงินคงเหลือ 1,150,722.55 บาท ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565
รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 1,650,722.55 บาท
มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) ได้รับรายงาน จากสถานีตํารวจภูธรเมืองประจวบคีรีขันธ์ ตามหนังสือที่ ตช 0022(ปข).54/2915 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2563 เรื่อง รายงานการดําเนินคดีการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา เพื่อให้สํานักงาน ปปง. พิจารณาดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ รายนางสาวขนิษฐา หอยทอง กับพวก ซึ่งเป็นกรณี มีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา กล่าวคือ
ระหว่างวันที่ 4 เมษายน 2562 ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2563 เวลาต่อเนื่องกัน นางสาวขนิษฐา หอยทอง พนักงานราชการ ตําแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชี สํานักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับมอบหมายให้ทําหน้าที่เกี่ยวกับการเงินและบัญชี อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้นกระทําการทุจริตต่างกรรมต่างวาระกัน โดยได้สร้างแบบขออนุมัติหลักผู้ขายรายนางสาวสายพิณ ดิบดีคุ้ม ในระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐ ทํารายการโดยไม่ผ่านการเสนอเอกสารขออนุมัติต่อหัวหน้าสํานักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอเบิกเงินคงคลัง จ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของนางสาวสายพิณ ดิบดีคุ้ม ซึ่งยินยอมให้นางสาวขนิษฐา หอยทอง นําบัญชีเงินฝากธนาคารของตนมาใช้รับเงินจากการกระทําความผิด นางสาวขนิษฐา หอยทอง ทําการทุจริต 150 ครั้ง ได้เงินไป 40,898,000 บาท นางประชิด วงศ์ประภารัตน์ นักวิชาการเงินและบัญชีชํานาญการ มีหน้าที่ควบคุมการเบิกจ่ายและการเก็บรักษาเช็คของสํานักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และมีอํานาจ ควบคุมกํากับดูแลการทํางานของนางสาวขนิษฐา หอยทอง ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามระเบียบ ปฏิบัติ ปล่อยให้นางสาวขนิษฐา หอยทอง มีโอกาสนําสมุดเช็คของทางราชการออกไปทําการปลอมลายมือชื่อ ผู้สั่งจ่าย นําไปเบิกถอนเงินออกจากบัญชีสํานักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้ส่งมอบบัตรสมาร์ทการ์ด สิทธิผู้อนุมัติซึ่งได้รับมอบหมายจากนางกัลยารัตน์ นิลอ่อน ไปให้นางสาวขนิษฐา หอยทอง ใช้โดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายและระเบียบคําสั่งของทางราชการ อันเป็นการเปิดโอกาสให้นางสาวขนิษฐา หอยทอง กระทําการ ทุจริตเป็นเหตุให้รัฐและสํานักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับความเสียหาย
พนักงานสอบสวนสถานี ตํารวจภูธรเมืองประจวบคีรีขันธ์ตามคดีอาญาที่ 250/2563 มีความเห็นควรสั่งฟ้องนางสาวขนิษฐา หอยทอง ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทําเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทําการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ตั๋วเงิน และใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการที่ได้ปลอมขึ้น และเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทํา จัดการ เบียดบังทรัพย์สินนั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต
พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นางประชิด วงศ์ประภารัตน์ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและพนักงานสอบสวน มีความเห็นควรสั่งฟ้องนางสาวสายพิณ ดิบดีคุ้ม ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวขนิษฐา หอยทอง กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2564 ที่ประชุมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดําเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคําสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม. 166/2564 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2564 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด รายนางสาวขนิษฐา หอยทอง กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ดําเนินการตรวจสอบรายงานการทําธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่านางสาวขนิษฐา หอยทอง กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทําอันเข้า ลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทําความผิดมูลฐานหรือความผิด ฐานฟอกเงินและจากการตรวจสอบข้อมูลการทําธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทํา ความผิด จํานวน 2 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดในคดีนี้ เป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทสิ่งปลูกสร้างซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินตามโฉนดที่ดินอันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏ หลักฐานในทางทะเบียนในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครอง โดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้มีสิทธิครอบครอง อาจดําเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครอง ในทางทะเบียนได้ และสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารอันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคําสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดําเนินการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น ทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคําสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สํานักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวขนิษฐา หอยทอง กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดและอาจมีการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดําเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคําสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว จํานวน 2 รายการ พร้อมดอกผล ได้แก่
1. สิ่งปลูกสร้างเลขที่ 82/21 หมู่ที่ 8 ตําบลคลองวาฬ อําเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่บนที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 33217 เลขที่ดิน 102 ตําบลคลองวาฬ อําเภอประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ นางสาวจิตติมา มนพลับ ประเมินราคา 500,000 บาท
2. เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาอรัญประเทศ เลขที่บัญชี 0568738470 ชื่อบัญชี นายสุธน สุวรรณกล่อม ยอดเงินคงเหลือ 1,150,722.55 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นเจ็ดร้อยยี่สิบสองบาทห้าสิบห้าสตางค์) ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565
รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 1,650,722.55 บาท (หนึ่งล้านหกแสนห้าหมื่นเจ็ดร้อย ยี่สิบสองบาทห้าสิบห้าสตางค์) พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการ ธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2565 ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2565
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจําหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
ในกรณีผู้ซึ่งถูกยึดและอายัดทรัพย์สินตามคําสั่งนี้หรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าว ประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคําสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวนั้น ให้ยื่นคําขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพร้อมด้วยหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่แสดงว่าเงินหรือทรัพย์สิน ที่ถูกยึดและอายัดดังกล่าวนั้น มิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับ แจ้งคําสั่งเป็นหนังสือ
ดูคำสั่งในลิงก์ https://www.amlo.go.th/amlo-intranet/images/CommandHo_2565/68-2565.pdf
อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลการลงโทษทางวินัย และความคืบหน้าล่าสุดในการดำเนินคดีอาญากับบุคคลดังกล่าว