อ่านชัดๆ ฉบับเต็ม! คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีฟ้องขับไล่ ‘ยายโต’ รื้อถอนบ้านเก่าริมคลองแม่น้ำใน อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ที่ดินพิพาทเป็นที่ชายตลิ่ง อยู่นอกเขตโฉนด โจทก์ไม่มีอํานาจฟ้อง
คดีนางโต พลายชุมพล อายุ 91 ปี หรือ ‘ยายโต’ อาศัยอยู่บ้านริมคลองแม่น้ำใน ของ บ้านเกาะเหนือ (เป็นส่วนหนึ่งของ บ้านหัวถนน หรือ บ้านคลอง 33 ) เลขที่ 71 หมู่ 6 ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี เนื้อที่ 25 ตารางวา ถูกฟ้องขับไล่และให้รื้อถอนบ้านเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท ผู้ฟ้องอ้างว่าบ้านของนางโตสร้างอยู่บนที่ดินของบรรพบุรุษของตนเอง 12 ม.ค.2564 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นางโตรื้อถอนบ้าน ชดใช้ค่าเสียหาย 17,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนับจากวันฟ้อง (20 มิ.ย.2562) และให้ชำระค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินพิพาทเป็นรายเดือนเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายรื้อถอนบ้าน และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ค่าทนายความ 3,000 บาท
21 ก.พ.2565 ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เมื่อ 28 ธ.ค.2564 พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์ สรุปสาระสำคัญศาลเห็นว่า ที่ดินพิพาทบริเวณที่จำเลยปลูกบ้านพักอาศัยอยู่นั้นเป็นที่ดินอยู่นอกเขตที่ดินตามโฉนดที่ดินของโจทก์ และมิใช่ที่ดินอยู่ในเขตความดูแลรับผิดชอบของกรมชลประทานแต่อย่างใด เมื่อที่ดินพิพาทไม่ปรากฎหลักฐานทางที่ดิน จึงถือว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินติดกับแม่น้ำใน จึงเป็นที่ชายตลิ่ง อันเป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่ง ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) บุคคลใดย่อมไม่อาจอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวได้ พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ เมื่อจำเลยได้เข้าทำประโยชน์ใช้สอยครอบครองปลูกบ้านพักอาศัยในที่ดินตังกล่าวโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
@ นางโต พลายชุมพล
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา เรียบเรียงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มารายงานแบบเต็ม ๆ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วันที่ 28 ธ.ค.2564 ความแพ่งระหว่าง นางอนงค์ เรธมันน์ โจทก์ นางโต พลายชุมพล จำเลย เรื่องขับไล่
จําเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังยุติเบื้องต้นได้ว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 7118 (3023) ตําบลหนองหมู (บ้านพริก) อําเภอหนองแค (บ้านนา) จังหวัดสระบุรี (นครนายก) เนื้อที่ 20 ไร่ 1 งาน 8 ตารางวา ตามสําเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.3 เป็นของนายดิด ทิพย์ประเสริฐ ต่อมาเมื่อ
วันที่ 19 เมษายน 2559 เจ้าของที่ดินที่ครอบครองต่อจากนายดิด ขอรังวัดแบ่งแยกโฉนดออกเป็นที่ดิน 4 แปลง คือโฉนดเลขที่ 6099 เนื้อที่ 3 ไร่ 60 ตารางวา โฉนดเลขที่ 6100 เนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา โฉนดเลขที่ 6101 ซึ่งเป็นที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ เนื้อที่ 4 ไร่ ตามสําเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.2 และโฉนดเลขที่ดินแปลงเดิม เนื้อที่ 10 ไร่ จําเลยปลูกสร้างและพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 71 หมู่ที่ 6 ตําบลหนองหมู อําเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี ตามเส้นกรอบสี่เหลี่ยมสีแดงตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จล.1
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจําเลยมีว่า บ้านของจําเลยปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของโจทก์หรือไม่
เห็นว่า โจทก์อ้างตนเองเป็นพยานกับมีนายเศรษฐา สุขเจริญ พี่ชายโจทก์ และนายสุรินทร์ เกตุสุวรรณ์ เบิกความเป็นพยานได้ความในความข้อนี้ว่า นายดิดกับนางเทียบ ทิพย์ประเสริฐ เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 7118 ตามรูปแผนที่โฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.3 ระบุว่า ที่ดินด้านทิศตะวันตกติดแม่น้ำใน ต่อมาปี 2559 มีการแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวออกมาเป็นโฉนดเลขที่ 6101 จําเลยเป็นลูกจ้างนายคิด แล้วต่อมาเป็นลูกจ้างนางสาวบุญส่ง ทิพย์ประเสริฐ บุตรสาวนายดิด โดยนางสาวบุญส่งอนุญาตให้จําเลยปลูกบ้านพักอาศัยอยู่บนที่ดินพิพาท ที่ดินบริเวณที่จําเลยปลูกบ้านพักอาศัยอยู่จึงเป็นที่ดินที่บรรพบุรุษของโจทก์ครอบครองทําประโยชน์ ส่วนจําเลยอ้างตนเองเป็นพยานกับมีนายหิรัญ พลายชุมพล บุตรชายเบิกความยืนยันว่า ที่ดินที่จําเลยปลูกบ้านพักอาศัยอยู่ไม่ใช่ที่ดินของนายคิดและนางสาวบุญส่ง ไม่ใช่ที่ดินหัวไร่ปลายนา แต่เป็นที่ดินของจําเลย
นอกจากนี้ยังมีนายถนัดกิจ ทรัพย์ประทุม พนักงานราชการของกรมชลประทาน เบิกความและเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านได้ความว่า ที่ดินบริเวณพิพาทไม่มีหลักเขตระบุว่าเป็นที่ดินของกรมชลประทาน และไม่มีป้ายแสดงว่าบริเวณที่ดินดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน
@บ้านยายโตอยู่นอกโฉนดโจทก์-นอกเขตชลประทาน
เห็นว่า ที่ดินพิพาทบริเวณที่จําเลยปลูกบ้านพักอาศัยอยู่นั้นเป็นที่ดินอยู่นอกเขตที่ดินตามโฉนดที่ดินของโจทก์และมิใช่ที่ดินอยู่ในเขตความดูแลรับผิดชอบของกรมชลประทานแต่อย่างใด เมื่อมีการแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 6101 จากที่ดินโฉนดเลขที่ 7118 โจทก์มอบให้นายเศรษฐาเป็นผู้นําชี้แนวเขตที่ดิน นายเศรษฐามิได้โต้แย้งคัดค้านต่อเจ้าพนักงานที่ดินที่ทําการรังวัดว่า ที่ดินบริเวณที่จําเลยปลูกสร้างบ้านพักอาศัยอยู่ในเขตโฉนดที่ดินเลขที่ 7118 ด้วย จนกระทั่งเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้โจทก์แล้ว ปรากฏว่าเนื้อที่ดินที่แบ่งแยกออกมาเป็น 4 แปลง มีเนื้อที่รวมกันมากกว่าที่ดินเดิมถึง 80 ตารางวา และส่วนที่จําเลยปลูกบ้านพักอาศัยอยู่นอกเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์มิได้โต้แย้งถึงแนวเขตที่ดินเดิม และยอมรับตามแนวเขตที่ดินใหม่ กรณีถือว่าโจทก์สละสิทธิการครอบครองที่ดินพิพาทส่วนที่จําเลยปลูกสร้างบ้านพักอาศัยดังกล่าว เมื่อที่ดินพิพาทไม่ปรากฏหลักฐานทางที่ดิน จึงถือว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินติดกับแม่น้ำใน จึงเป็นที่ชายตลิ่ง อันเป็นทรัพย์สินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) บุคคลใดย่อมไม่อาจอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวได้ พยานหลักฐานของจําเลยมีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ เมื่อจําเลยได้เข้าทําประโยชน์ใช้สอยครอบครองปลูกบ้านพักอาศัยในที่ดินดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอํานาจฟ้องขับไล่จําเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจําเลยฟังขึ้น สําหรับอุทธรณ์ของจําเลยข้ออื่น ๆ ไม่อาจทําให้ผลคําพิพากษาเปลี่ยนแปลงจึงไม่จําต้องวินิจฉัยอีกต่อไป
อนึ่ง จําเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ดังนั้น ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็น 17,000 บาท จําเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ 340 บาท แต่จําเลยเสียค่าขึ้นศาล 1,100 บาท จึงเกินอยู่ 760 บาท และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จําเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกําหนดค่าทนายความ 3,000 บาท ดังนี้ ค่าฤชาธรรมเนียมที่จําเลยต้องใช้แทนโจทก์คิดเป็นเงิน 5,100 บาท แต่จําเลยวางค่าธรรมเนียมในส่วนนี้เพียง 4,800 บาท ยังขาดค่าธรรมเนียมใช้แทนส่วนที่เป็นค่าป่วยการและค่าพาหนะพยานโจทก์อีก 300 บาท เมื่อหักกลบกับส่วนที่จําเลยเสียค่าขึ้นศาลมาเกินแล้วจึงต้องคืนเงิน 460 มาทแก่จําเลย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจําเลย โดยกําหนดค่าทนายความรวม 6,000 บาท ให้คืนค่าขึ้นศาลที่ชําระเกินมา 460 บาท แก่จำเลย
เรื่องเกี่ยวข้อง:
- ยายโต' ชนะ! ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องรอดโดนขับไล่ที่บ้านริมคลองแม่น้ำใน
- โชว์ภาพถ่ายปี 2496-2516 ก่อนคดีฟ้องขับไล่บ้านยายโต น้ำท่วมถึง ตอกย้ำที่สาธารณะ?
- เปิดผลสอบดีเอสไอ ไขเหตุผล บ้านยายโตถูกฟ้องขับไล่ อยู่ในที่สาธารณะ
- ผลสอบดีเอสไอ ที่ดินบ้านยายโตถูกฟ้องขับไล่ ไม่ใช่ที่ของเอกชน
- แยกฟ้องคู่กรณีเบิกความเท็จ! ทนาย 'ยายโต' ขยายเวลาอุทธรณ์สู้คดีขับไล่บ้านแล้ว
- เปิดหลังโฉนด คดีฟ้องขับไล่‘ยายโต’ แบ่ง 4 แปลงปี 2559 เนื้อที่ครบ 20-1-80 ไร่
- คดีบ้านยายโต ถึงผู้ว่าฯ สระบุรี แล้ว! สั่งประสาน 'ยุติธรรม-ที่ดิน-DSI' หาหลักฐานช่วย
- เปิดภาพแผนที่พิพาท คดีฟ้องขับไล่บ้านยายโต 25 ตร.ว.อยู่นอกโฉนดที่ดิน 4 ไร่โจทก์
- (คลิป) เลาะริมคลองแม่น้ำใน ดูบ้าน 'ยายโต' ถูกฟ้องขับไล่ที่-ชดใช้ 5.7 หมื่น
- 'ทวี สอดส่อง' รุดช่วยยายโตโดนฟ้องขับไล่ที่ - ประสานยุติธรรมสระบุรีช่วยเหลือเชิงรุก
- มั่นใจสู้ได้! 'อัจฉริยะ' ยกทีมช่วยยายโตแก้คดีชั้นอุทธรณ์ - ชี้ช่องโหว่หลักฐานอ่อนทำแพ้
- ฉบับเต็ม! คำพิพากษาคดีฟ้องขับไล่ ยายวัย 91 ปี รื้อถอนบ้าน-จ่ายค่าเสียหาย 17,000 บาท
- ยายโต วัย 91 ปี บ้านหลังเก่าริมคลอง ถูกฟ้องขับไล่ ชดใช้ 57,000 บาท