"...บ้านหลังเก่าใต้ถุนสูงบนพื้นที่น้ำท่วมถึง 25 ตารางวาอยู่อาศัยมาชั่วชีวิตจะต้องถูกรื้อถอนและต้องชดใช้ด้วยเงินหลักหมื่น ชีวิตหญิงชราวัยเฉียดร้อยปีคงต้องเปลี่ยนนับจากนี้..."
...........................
ปัญหาความยากคน ที่อยู่อาศัย และความเป็นธรรมในสังคม ปรากฏให้เห็นเป็นระยะ
มีกรณีศึกษาหนึ่งใน จ.สระบุรี
นางโต พลายชุมพล อายุ 91 ปี หรือ ‘ยายโต’ กับนายแฉล้ม สามี ปลูกบ้านหลังเล็กๆบนที่ดินประมาณ 25 ตารางวา ริมคลองแม่น้ำใน ของ บ้านเกาะเหนือ (เป็นส่วนหนึ่งของ บ้านหัวถนน หรือ บ้านคลอง 33 ) หมู่ 6 ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี เมื่อกว่า 50 ปีก่อน โดยสามีเป็นคนขอเลขที่บ้านต่อทางอำเภอ ครั้นคู่ชีวิตตาย นางโตอยู่กับลูกๆ 7 คน เมื่อลูกโตมีครอบครัวก็ย้ายออกไปอยู่ในต่างจังหวัด นางโตอยู่กับลูกชายที่ทำอาชีพรับจ้างมีรายได้ไม่แน่นอน
ปลายปี 2561 นางโตถูกทายาทของเพื่อนบ้านอ้างว่าบ้านและที่ดินที่นางโตอาศัย ตั้งอยู่ในที่ดิน ‘หัวไร่ปลายนา’ ของบรรพบุรุษที่มีฐานะร่ำรวยในสมัยก่อน อยู่ในโฉนดเก่าเลขที่ 3023 ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก บรรพบุรุษเป็นเจ้าของที่ดินหลายร้อยไร่ วัวควายหลายร้อยตัว มีบริวารจำนวนมาก นางโตเป็นบริวารคนหนึ่ง บรรพบุรุษอนุญาตให้บริวารรวมถึงนางโตปลูกสร้างบ้านอาศัยเท่านั้น แจ้งให้นางโตและบุคคลอื่นๆในละแวกไปทำสัญญาเช่า จ่ายค่าเช่ากับทายาทคนดังกล่าว นางโตไม่มีเงิน เห็นว่าอยู่ตรงนี้มาชั่วชีวิตเลยไม่ได้ไปทำสัญญาเช่า
กลางปี 2562 นางโตถูกฟ้อง ขับไล่ และให้รื้อถอนบ้าน เรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท จากการที่ทายาทคนดังกล่าวไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินได้หากนำที่ดินไปให้คนอื่นเช่าจะได้ค่าเช่าไม่ต่ำกว่าเดือน 1,500 บาท และคิดค่าเสียหายนับจากวันบอกกล่าวทวงถามคือวันที่ 27 ธ.ค.2561 จนถึงวันฟ้อง เป็นเวลา 5 เดือน เป็นเงิน 7,500 บาท รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 57,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ชำระค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินพิพาทเป็นรายเดือน เดือนละ 1,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายร้อถอนบ้านให้พ้นที่ดินพิพาท
คำฟ้องระบุว่า ที่ดินของนางโต จำเลย ไม่ใด้อยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6101 ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี เนื้อที่ 4 ไร่ของโจทก์ แต่โฉนดฉบับดังกล่าวถูกแบ่งแยกมาจากโฉนดเลขที่ 7118 ต.หนองหมู อ.หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งเดิมคือโฉนดเลขที่ 3023 ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก เนื้อที่ 20 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา ด้านทิศตะวันตกของที่ดินดังกล่าวจรดแม่น้ำ ซึ่งเดิมที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของนายดิด ตาของโจทก์ นางโต เป็นลูกจ้างนายดิด นายดิดอนุญาตให้นางโตและลูกจ้างคนอื่นปลูกสร้างบ้านพักอาศัยในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยไม่มีค่าเช่า ซึ่งจำเลยและบริวารได้พักอาศัยอยู่และปลูกสร้างบ้านเลขที่ 71หมู่ 6 ต.หนองหมู อ.วิหารแดง บนที่ดินของโจทก์ ต่อมาประมาณปลายเดือนตุลาคม 2561 โจทก์มอบหมายให้พี่ชายของโจทก์ บอกกล่าวให้จำเลย และบุคคลอื่นที่อาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์ทำสัญญาเช่า แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ในที่ดินอีกต่อไป
ญาติของนางโตเปิดเผยว่า ก่อนถูกฟ้อง นางโตไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมและให้ไปตกลงกันที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ให้ยุติเรื่อง ต่างคนต่างอยู่ ผ่านไปสักพักมีหมายศาลมาที่บ้านจึงไปขอความช่วยเหลือจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัด
วันไต่สวนคดี นางโตจำเลยเดินทางไปให้การโดยมีลูกหลานช่วยประคอง ให้การว่า บ้านของนางโตไม่ได้อยู่ในที่ดินโฉนดของผู้ฟ้องคดี (โจทก์) ที่ดินของโจทก์ไม่มีอาณาเขตติดแม่น้ำ ที่ดินของนางโตเป็นที่สาธารณะประโยชน์ของกรมชลประทาน ไม่ใช่ที่หัวไร่ปลายนา ไม่เคยเป็นลูกจ้างบรรพบุรุษของผู้ฟ้องคดี บรรพบุรุษของผู้ฟ้องคดี ไม่เคยอนุญาตให้นางโตปลูกสร้างบ้าน นางโตกับสามีปลูกสร้างบ้านมานานแล้วสามีได้ยื่นคำขอมีเลขที่บ้านเมื่อปี 2515 จนได้ปลูกสร้างบ้านเลขที่ 71 ครอบครองและอยู่อาศัยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันโดยไม่มีบุคคลใดโต้แย้งคัดค้าน
ศาลเชื่อหลักฐาน พยาน ของฝ่ายโจทก์มีน้ำหนักมากกว่าคำบอกเล่าของยายโต
12 ม.ค.2564 ศาลพิพากษาให้นางโตรื้อถอนบ้านพร้อมขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินพิพาท ชดใช้ค่าเสียหาย 17,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนับจากวันฟ้อง (20 มิ.ย.2562) และให้ชำระค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินพิพาทเป็นรายเดือนเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายรื้อถอนบ้าน และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ค่าทนายความ 3,000 บาท
บ้านหลังเก่าใต้ถุนสูงบนพื้นที่น้ำท่วมถึง 25 ตารางวาอยู่อาศัยมาชั่วชีวิตจะต้องถูกรื้อถอนและต้องชดใช้ด้วยเงินหลักหมื่น ชีวิตหญิงชราวัยเฉียดร้อยปีคงต้องเปลี่ยน นับจากนี้
สำนักข่าวอิศราจะนำคำพิพากษาคดีนี้มารายงานต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/