"..แม้ว่าที่ผ่านมาการติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กจะไม่รุนแรง แต่ด้วยการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน ที่สามารถติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า เด็กจึงสามารถเป็นผู้แพร่ะกระจายเชื้อสู่ครอบครัวได้ ดังนั้นการฉีดวัคซีน จึงถือเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ในการหยุดยั้งการระบาดระลอกนี้.."
เด็กเล็ก กลุ่มอายุระหว่าง 5-11 ปี เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้ว่าเมื่อติดชื้อ จะมีอาการไม่รุนแรงก็ตาม แต่เด็กนั้น สามารถเป็นตัวนำการกระจายของเชื้อได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งจากสถานการณ์ล่าสุดที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ที่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่ผ่านมา
หลายประเทศจึงเริ่มอนุมัติและดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี หลังจากที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนให้กับผู้ใหญ่ และเด็กโต กลุ่มอานุ 11-17 ปี แล้ว เนื่องจากการฉีดวัคซีน ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะควบคุมโรคระบาดที่กำลังเผชิญอยู่ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติควบคู่กับมาตรการป้องกันอื่นๆ เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เช่น การไปโรงเรียนของเด็กๆ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รวบรวมข้อมูลสถานการณ์การฉดวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี จากทั่วโลก มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency: EMA) อนุมัติการใช้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 12-15 ปีในเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา และสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปีในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัคซีนโควิด-19 ตัวแรกได้รับการอนุมัติให้ใช้สำหรับเด็กในสหภาพยุโรป โดยคาดว่าจะเริ่มฉีดให้กับเด็ก กลุ่มอายุ 5-11 ปี ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2564 ในบางประเทศในยุโรป
การอนุญาตใช้วัคซีนสำหรับเด็กอายุ 12-15 ปี ขึ้นอยู่กับการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเด็ก 2,259 คนในกลุ่มอายุ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของพวกเขาเทียบได้กับเด็กในกลุ่มอายุ 16-25 ปี โดยไม่มีเด็กติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เทียบกับ 16 คนที่ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากได้รับยาหลอก
สำหรับเด็ก กลุ่มอายุ 5-11 ปี มีการศึกษาที่คล้ายกันจากเด็กจำนวน 2,000 คน พวกเขาได้รับวัคซีนในขนาดที่น้อยกว่าเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และจากเด็ก 1,305 คนที่ได้รับวัคซีน มี 3 คนที่เป็นติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เทียบกับเด็ก 16 คนจาก 663 คนที่ได้รับยาหลอก
จากการศึกษานี้ชี้่ให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงถึง 90.7% ในการป้องกันโรคตามอาการ
นอกจากนี้ องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป ยังอนุมัติวัคซีนโมเดอร์น่า สำหรับใช้ในกลุ่มอายุ 12-17 ปีในเดือนกรกฎาคม 2564 โดยการอนุมัติครั้งนี้ อ้างอิงจากการศึกษาเด็กจำนวน 3,732 คนในกลุ่มอายุนี้ พบว่าไม่มีผู้ที่ได้รับวัคซีนติดเชื้อโควิด-19 เลย เทียบกับ 4 คนในกลุ่มยาหลอก
ส่วนการใช้วัคซีนโมเดอร์น่าในเด็กอายุ 5-11 ปี กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กนั้น ยังมีการถกเถียงกันถึงข้อดีของการฉีดวัคซีนแก่เด็กที่ไม่มีโรคประจำตัว เนื่องจากโอกาสที่เด็กๆ จะป่วยหนักจากโควิด-19 ค่อนข้างต่ำ และสิ่งนี้จะต้องสมดุลกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน
ทางด้านองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป ยอมรับว่าการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเด็กมีจำนวนจำกัด นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถตรวจพบผลข้างเคียงที่หายากได้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาสรุปว่าประโยชน์ของวัคซีนสำหรับกลุ่มอายุน้อยนี้มีมากกว่าผลลบใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับกรณีของ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) และ โรคเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis) หลังการรับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA
จากข้อมูลที่ตีพิมพ์ในบทความวิชาการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 รายงานว่า มีผู้ป่วย 1,000 ราย หลังจากฉีดวัคซีน 300 ล้านครั้งในสหรัฐอเมริกา หลังจากฉีดวัคซีนไฟเซอร์หรือโมเดอร์น่า ซึ่งกรณีส่วนใหญ่เกิดขึ้นในวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว โดย 79% ของผู้ติดเชื้ออาการไม่รุนแรง
หลายประเทศในสหภาพยุโรป ได้เริ่มทยอยฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนราว 27 ล้านคนที่เข้าเกณฑ์การเข้ารับวัคซีน ด้วยความพยายามที่จะควบคุมโรคระบาดที่ลุกลามและทำให้โรงเรียนเปิดได้
การฉีดวัคซีนให้เด็ก ซึ่งจัดเป็นกลุ่มที่สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปสู่ผู้อื่นได้นั้น นับเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคาดว่าจะสามารถช่วยยับยั้งความรุนแรงของการระบาดได้
โดยขณะนี้สหภาพยุโรปกำลังเผชิญกับการระบาดครั้งใหญ่จนทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 50% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วโลก
ประเทศเยอรมนี สเปน กรีซ และฮังการี เป็นหนึ่งในกลุ่มที่เปิดให้วัคซีนแก่เด็กที่อายุน้อยกว่า โดยแพทย์กล่าวรายงานเหตุผลความจำเป็นของการฉีดวัคซีนเพื่อขออนุญาตจากผู้ปกครอง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ ได้ลงทะเบียนนัดหมายวัคซีนสำหรับเด็กแล้วกว่า 30,000 ราย
สำหรับวัคซีนที่จะใช้ฉีดนั้น เป็นวัคซีนที่มีขนาดที่น้อยกว่าการฉีดสำหรับเด็กอายุมากกว่า 12 ปี และมาในขวดสำหรับเด็กที่มีฝาสีส้มเพื่อแยกความแตกต่างจากขวดที่มีฝาปิดสีม่วงสำหรับผู้สูงอายุ
เยอรมนี
การอนุมัติการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กเล็ก ในช่วงแรกแนะนำให้ฉีดวัคซีนสำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัวเท่านั้น แต่หลังจากการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า จึงเสนอให้ฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุมากกว่า 12 ปีทุกคน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564
คณะกรรมาธิการการฉีดวัคซีนเยอรมนี (Standing Committee on Vaccination: STIKO) กล่าวในแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐอเมริกา หลังจากการฉีดวัคซีนของวัยรุ่นประมาณ 10 ล้านคน
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการการฉีดวัคซีนเยอรมนี ระบุว่า จากข้อมูลในปัจจุบัน ข้อดีของการฉีดวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงของผลข้างเคียงจากวัคซีนที่หายากมาก
สำหรับข้อกังวลเกี่ยวกับโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งเป็นอาการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจที่พบได้น้อยมากที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กชายที่ได้รับการฉีดวัคซีน คณะกรรมาธิการการฉีดวัคซีนเยอรมนี กล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่มีผลข่างเคียง ส่วนใหญ่ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน เยอรมนีได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว 47.3% ของเด็กอายุ 12-17 ปี ตามตัวเลขของรัฐบาลเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564
นายเยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนี กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิดสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี มีแนวโน้มว่าจะสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2565
“เด็กอายุ 5-11 ปีคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3% ของประชากรชาวเยอรมันทั้งหมด” นพ.ยาคอบ มาสก์ แพทย์และโฆษกของสมาคมกุมารแพทย์ของเยอรมนี กล่าว โดยอธิบายว่า การสร้างภูมิคุ้มกันของเด็กๆ ถือเป็น 'ฟันเฟืองเล็กๆ' ในการต่อสู้กับการระบาดระลอกที่ 4 นี้
สเปน
สเปน เป็นประเทศที่มมีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 สูงที่สุดแห่งหนึ่งของสหภาพยุโรป กำลังเปิดตัวการรณรงค์ การฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี มีเป้าหมายที่จะทำลายห่วงโซ่ของการติดเชื้อ ‘ในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน’ โดยมีจำนวนเด็กประมาณ 3.3 ล้านคน
จากผลสำรวจที่ตีพิมพ์โดย บริษัท Appinio พบว่า 74% ของพ่อแม่ชาวสเปนที่มีลูกอายุ 5-11 ปี ต้องการให้ลูกๆ เข้ารับวัคซีน
นอกจากนี้ รัฐบาลสเปน ยังได้เผยแพร่โฆษณาทางโทรทัศน์ที่แสดงให้เห็นว่า เด็กๆ ที่ได้รับวัคซีนจะสามารถช่วยยุติการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 ในครอบครัว และปกป้องผู้สูงอายุได้
ฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกๆ ที่เปิดให้ฉีดวัคซีนแก่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 12 ปี เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา โดยเด็กอายุ 12-17 ปีประมาณ 79 % ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 ครั้ง จากข้อมูลเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ขณะที่ 76 % ได้รับวัคซีนครบถ้วนทั้ง 2 เข็มแล้ว
ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป วัยรุ่นที่มีอายุมากกว่า 12 ปีต้องใช้บัตรสุขภาพของฝรั่งเศส บัตรผ่านนี้พิสูจน์สถานะวัคซีนของผู้ถือหรือยืนยันว่าเพิ่งได้รับการทดสอบ และจำเป็นสำหรับการเข้าถึงสถานที่ต่างๆ เช่น โรงภาพยนตร์หรือร้านอาหาร
แม้ว่าจะได้รับการพิสูจน์ความขัดแย้ง การแนะนำได้รับการฉีดวัคซีน
หน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพของฝรั่งเศสสนับสนุนการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปีที่อ่อนแอในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 และเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ฝรั่งเศสเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปีที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น มีโรคประจำตัว อ้วน เป็นกลุ่มแรก ก่อนที่จะเร่งดำเนินการกระจายวัคซีนให้กับเด็กทุกคนในกลุ่มอายุ
นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวว่า ตนสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19 แกเด็ก แต่ทั้งนี้ จะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ปกครอง
พญ.ลิเซ่ อัลเตอร์ แพทย์ชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า แม้ว่าโควิด-19 จะไม่ค่อยก่อให้เกิดอาการรุนแรงในเด็ก แต่ 80% ของโรคร้ายแรงส่งผลกระทบต่อเด็กที่ไม่มีภาวะสุขภาพมาก่อน
"ด้วยการมาระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า เราคาดการณ์ว่าความรุนแรงของโรคในเด็กที่แข็งแรง ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ อาจจะเพิ่มขึ้นได้" พญ.ลิเซ่ กล่าวเสริม
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเทศในสหภาพยุโรป ที่ได้เดินหน้าดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี อาทิเช่น
ไซปรัส เริ่มฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ นายมิชาลิส ฮัดจิปันเตลา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขไซปรัส กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติ
สวิตเซอร์แลนด์ หน่วยงานทางการแพทย์ของประเทศ อนุมัติการฉีดวัคซีนให้แก่เด็ก 5-11 ปี โดยจะเริ่มดำเนินการในช่วงต้นเดือนมกราคมนี้
ฮังการี ผู้ปกครองราว 38,000 คนได้ลงทะเบียนบุตรหลานของตนเพื่อรับการฉีดวัคซีน
โปแลนด์ เด็กกว่า 100,000 คน ลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนตั้งแต่ธันวาคมที่ผ่านมา
อิตาลี มีการนำตัวตลกและการแสดงต่างๆ ส่งเสียงเชียร์และเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กๆ ที่ได้รับการฉีดวัคซีน
เดนมาร์ก เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับเด็กๆ ก่อนคำแนะนำของสหภาพยุโรป และเกือบ 1 ใน 4 ของจำนวนที่มีสิทธิ์ เข้ารับวัคซีนหลังประกาศเพียง 2 สัปดาห์
แต่ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองบางคน กล่าวว่า มีความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนต่อเด็กไม่เพียงพอ ทำให้ยังไม่กล้าให้บุตรหลานเข้ารับวัคซีน
ทั้งหมดนี้ เป็นสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็กเล็กกลุ่มอายุ 5-11 ปี ของต่างประเทศ เพื่อรับมือกับการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน เช่นเดียวกับประเทศไทยที่จะมีการดำเนินการฉีดเร็วๆ นี้เช่นเดียวกัน
เรียบเรียงจาก:
COVID vaccines: Which countries are vaccinating children over 5 and how do they compare?
European countries start vaccinating 5- to 11-year-olds amid high Covid infection rates
European Union starts drive to vaccinate children against COVID
France approves Pfizer Covid-19 vaccine for all children aged 5-11