สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส ดังนี้
1.สถิติวันอังคารที่ 21 เม.ย.2563 (เวลา 14.00 น.)
- ยอดผู้ป่วยติดเชื้อจากการตรวจ Test PCR จำนวน 117,324 ราย (เพิ่มขึ้น 2,667 ราย) ซึ่งรวมข้อมูลผู้ติดเชื้อที่บ้านพักคนชราในส่วนที่ตรวจ test PCR ไว้ด้วยแล้ว แต่ไม่รวมผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อที่บ้านพักคนชรา
- รักษาอยู่ที่ รพ. 30,106 ราย โดยเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 1,885 ราย นับเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันที่มีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวที่ รพ. น้อยลง (478 ราย) และรักษาหายออกจาก รพ. แล้ว 39,181 ราย (เพิ่มขึ้น 1,772 ราย)
- อาการหนัก 5,433 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 190 ราย นับเป็นวันที่ 13 ติดต่อกันที่ยอดรวมของผู้ป่วยอาการหนักลดลงจากวันก่อนหน้า (จำนวน 250 ราย)
- เสียชีวิตที่ รพ. 12,900 ราย (เพิ่มขึ้น 387 ราย) เสียชีวิตที่บ้านพักคนชราและที่ศูนย์การแพทย์สังคม (établissements médico-sociaux) 7,896 ราย (เพิ่มขึ้น 144 ราย)
**รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 20,796 ราย (เพิ่มขึ้น 531 ราย)**
- อธิบดีกรมสาธารณสุขได้ให้ข้อมูลช่วงแถลงข่าวประจำวันว่า มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มมากกว่าปกติถึงร้อยละ 61 ในสัปดาห์ที่ 14 ของปี และลดเหลือร้อยละ 47 ในสัปดาห์ที่ 15 ของปี (6-12 เม.ย.) ส่วนสัปดาห์ที่ 16 ของปี (12-19 เม.ย.) มีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าปกติในแคว้น Île de France และ Bourgogne Franche-Comté และว่า หากบุคลากรทางการแพทย์ป่วยติดเชื้อไวรัส covid-19 ให้ถือว่าเป็นการเจ็บป่วยในการปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ
2. การชี้แจงเรื่องการตรวจภูมิคุ้มกันและการป้องกันการแพร่เชื้อ
2.1 นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส covid-19 (test sérologique) ว่า ถึงแม้ว่าบางประเทศจะผลิตและจำหน่าย test ประเภทนี้แล้วก็ตาม แต่บางส่วนยังคงให้ผลคลาดเคลื่อนถึงร้อยละ 40 ซึ่งฝรั่งเศสกำลังเร่งตรวจสอบประสิทธิภาพของ test ประเภทนี้เพื่อเลือกใช้ test ที่มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด โดยอาจเป็น test ที่ผลิตในฝรั่งเศสหรือ ตปท. ก็ได้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผลการวิจัยที่ชัดเจนว่าการมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส covid-19 จะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากน้อยเพียงใด หรืออาจเป็นปัจจัยให้ติดเชื้อครั้งใหม่ได้ง่ายขึ้นก็ได้ (เช่นเดียวกับกรณีโรคไข้เลือดออก)
2.2 รมว.สาธารณสุขชี้แจงว่า หน้ากากกันละอองน้ำลายสำหรับประชาชนทั่วไปที่รัฐบาลกำลังเร่งผลิตและตรวจสอบมาตรฐานจะสามารถป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสได้อย่างน้อยร้อยละ 70 - 90 ขณะที่หน้ากากที่ผลิตกันเองโดยไม่ได้การรับรองมาตรฐานอาจไม่มีประสิทธิภาพในการกันการแพร่เชื้อได้เท่าเทียมเนื่องจากอาจไม่สามารถกรองละอองขนาดเล็กมากเพื่อกันมิให้เชื้อไวรัสเข้า-ออกได้
3. การชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางเบื้องต้นในการทยอยเปิดสถานศึกษา
รมว.ศึกษาฯ ได้ให้ข้อมูลต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า หากสถานการณ์ดีขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้จนสามารถผ่อนปรนมาตรการห้ามออกจากที่พักได้ในวันที่ 11 พ.ค. ได้วางแผนให้ครูสามารถเริ่มเตรียมการเรียนการสอนได้ก่อนวันที่ 11 พ.ค. จากนั้นจะให้ นร.ชั้นต่าง ๆ ทยอยเข้าเรียน ดังนี้
-วันที่ 11 พ.ค.- นร. ชั้น les grandes sections (ชั้นสุดท้ายของ รร. อนุบาล), CP (เทียบเท่า ป. 1) และ CM2 (เทียบเท่า ป. 5 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของ รร. ประถมใน ฝศ.)
-วันที่ 18 พ.ค.- นร. ชั้น sixième (เทียบเท่า ป. 6 ซึ่งเป็นชั้นแรกของ ร.ร. มัธยมต้น), troisième (เทียบเท่า ม. 3), première (เทียบเท่า ม. 5), terminale (เทียบเท่า ม. 6) และ นร. ระดับ ม. ปลายสายอาชีพซึ่งต้องเข้าฝึก workshop อุตสาหกรรม
-วันที่ 25 พ.ค.- นร.ชั้นอื่น ๆ เริ่มเข้าเรียน
ทั้งนี้ ในแต่ละชั้นเรียนจะไม่อนุญาตให้มี นร. เกิน 15 คน และไม่ได้เป็นการบังคับให้ นร. ทุกคนต้องเข้าเรียน โดยผู้ปกครองสามารถตัดสินใจส่งบุตรไป รร. หรือไม่ก็ได้ แต่หากไม่กลับเข้าเรียนจะต้องดูแลให้ติดตามการเรียนการสอนแบบทางไกลอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี องค์กรท้องถิ่นยังสามารถตัดสินใจเลื่อนการเปิดเรียนให้แตกต่างจากแนวทางเบื้องต้นได้ตามความจำเป็นของแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ หากครูคนใดมีภาวะเสี่ยงป่วยอาการหนักก็ยังคงไม่ต้องทำการสอนที่ ร.ร. และหากผู้ปกครองรายใดเป็นกลุ่มเสี่ยงป่วยอาการหนัก บุตรก็ไม่ต้องกลับเข้าชั้นเรียนเช่นกัน
4. การประเมินการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19
เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2563 สถาบัน Pasteur แจ้งว่า สถาบันฯ ได้ร่วมมือกับ สนง.สาธารณสุขแห่งชาติ (Agence nationale de santé publique หรือ Santé publique France) และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (Centre national de la recherche scientifique-CNRS) เพื่อประเมินระดับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ความเสี่ยงของการป่วยอาการหนักและประเมินผลของมาตรการทางสาธารณสุขในปัจจุบัน โดยผลจากการศึกษาข้อมูลการเข้ารักษาที่ รพ. และการเสียชีวิตเนื่องด้วยไวรัส covid-19 ในฝรั่งเศสสะท้อนให้เห็นว่า
4.1 ในวันที่ 11 พ.ค.2563 คาดว่าจะมีชาวฝรั่งเศสที่ติดเชื้อไวรัสฯ แล้วเพียงร้อยละ 5.7 โดยพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่าที่อื่น ได้แก่ แคว้น Ile-de-France (ร้อยละ 12.3) และแคว้น Grand Est (ร้อยละ 11.8) ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำเกินกว่าที่จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดครั้งใหญ่เป็นครั้งที่สองหากไม่มีมาตรการป้องกันทางสาธารณสุข (จะต้องมีผู้ติดเชื้อแล้วอย่างต่ำร้อยละ 70 เพื่อมีภูมิคุ้มกันหมู่ป้องกันการแพร่ระบาดได้) ดังนั้น จึงยังคงต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดต่อไปหลังจากวันที่ 11 พ.ค. อนึ่ง องค์การอนามัยโลกได้ประเมินว่าปัจจุบันมีประชากรโลกเพียงร้อยละ 2 - 3 ที่ติดเชื้อไวรัสฯ แล้ว
4.2 อัตราการติดต่อของเชื้อไวรัสฯ ได้ลดลงจากก่อนมีมาตรการห้ามออกจากที่พัก (ร้อยละ 3.3) เหลือเพียงร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นผลให้สามารถลดจำนวนผู้ป่วยอาการหนักจากเมื่อปลายเดือน มี.ค. ประมาณ 700 รายต่อวัน เป็น 200 รายต่อวันในช่วงกลางเดือน เม.ย. ซึ่งหากอัตราดังกล่าวยังคงปรับตัวลดลงย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยอาการหนักเหลือเพียงวันละ 10 - 45 ราย ในวันที่ 11 พ.ค.2563
4.3 มีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯ ที่ต้องเข้ารับรักษาที่ รพ. ประมาณร้อยละ 2.6 โดยอัตราดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นตามสัดส่วนอายุจนถึงร้อยละ 31 ของผู้ชายอายุมากกว่า 80 ปี
4.4 อัตราผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสฯ อยู่ที่ร้อยละ 0.5 แต่สูงถึงร้อยละ 13 สำหรับผู้ชายอายุมากกว่า 80 ปี โดยเพศชายมีอัตราเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสนี้สูงกว่าเพศหญิงถึงร้อยละ 45 ซึ่งอัตราดังกล่าวยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามสัดส่วนอายุ
5. รมว.ก.ต่างประเทศฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์ นสพ. Le Monde เมื่อวันที่ 20 เม.ย. สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
5.1 ห่วงกังวลว่า สถานการณ์โลกหลังวิกฤติทางสาธารณสุขจะย่ำแย่ลงกว่าเดิม โดยวิกฤติครั้งนี้มิได้ทำให้การแข่งขันระหว่างขั้วอำนาจต่าง ๆ หายไป แต่กลับทำให้บางประเทศตั้งข้อสงสัยต่อระบบพหุภาคีนิยมมากยิ่งขึ้น อาทิ การระงับการจ่ายเงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) ของสหรัฐฯ และทำให้เห็นความขัดแย้งระหว่างจีน - สหรัฐฯ ที่ชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังมีการเผชิญหน้ากันโดยใช้ข้อมูลข่าวสารและการเปรียบเทียบมาตรการบริหารจัดการวิกฤติทางสาธารณสุขในแต่ละประเทศ
5.2 วิกฤติครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของการทำงานด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ จึงเห็นว่า ควรสนับสนุนให้ WHO มีความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งการออกกฎต่าง ๆ การเตือนและเฝ้าระวังภัยของการแพร่ระบาด โดยอาจจัดตั้ง “สภาสูงสุขภาพของคนและสัตว์” (haut conseil de la santé humaine et animale)ในลักษณะคล้ายกับ Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) เพื่อให้ความเห็นด้านสาธารณสุขอย่างเป็นกลางบนพื้นฐานของข้อมูลทางการแพทย์และวิทยศาสตร์ของ ผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ
5.3 ประสงค์ให้ชาวฝรั่งเศสที่มีถิ่นพำนักถาวรในต่างประเทศประมาณ 3.5 ล้านคน ยังคงพำนักอยู่ที่ประเทศนั้น ๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำทางสาธารณสุขของแต่ละประเทศอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยจะมีมาตรการช่วยเหลือเป็นการเฉพาะสำหรับบุคคลกลุ่มเสี่ยง และสำหรับประเทศที่มีอัตราการแพร่เชื้อสูง อาทิ การให้คำปรึกษาแพทย์ทางไกลและการอพยพไปรักษาตัวที่ประเทศอื่นหากจำเป็น รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษาและด้านสังคม
6.ในช่วง 4 สัปดาห์แรกของการบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากที่พักพบว่า ยอดขายหนังสือในฝรั่งเศสลดลงถึงร้อยละ 66 และคิดเป็นปริมาณหนังสือที่ขายได้ลดลงร้อยละ 58.5 โดยหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการเดินทางมียอดขายลดลงมากที่สุดถึงร้อยละ 97 หนังสือเกี่ยวกับศิลปะมียอดขายลดลงร้อยละ 90 เนื่องจากปกติมียอดขายส่วนมากที่ร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ และหนังสือประเภทอื่น ๆ ก็มียอดขายลดลงเป็นอย่างมากเช่นกัน อาทิ สังคมศาสตร์ (84%) ประวัติศาสตร์ (83%) พจนานุกรมและ encyclopedia (80%) การ์ตูน (69%) วรรณกรรมทั่วไป (59%) ในขณะที่หนังสือสำหรับเด็กเล็กมียอดขายลดลงร้อยละ 40 และหนังสือเรียนมียอดขายลดลงเพียงร้อยละ 20