2 กลุ่มภาคประชาชนเคลื่อนไหวจี้ รัฐสภา-กกต.-ศาลรธน. อย่าฝืนเสียงส่วนมาก ต้องเทโหวต ‘พิธา’ เป็นนายกฯ ‘สมยศ’ ประกาศ 19 ก.ค.นี้นัดชุมนุมแต่งดำ ต่อกรองค์กรอิสระ ส่วนการที่ ส.ว.ถูกแบนด้านธุรกิจหรือบุกบ้านให้ยอมรับ เพราะการแสดงออกด้วยสันติวิธี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง มอบหมายให้ นายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจาก น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ตัวแทนเครือข่ายคณะรณรงค์ RESPECT MY VOTE และคณะเรื่อง การพิจารณาให้ความเห็นชอบในการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมติของประชาชน โดยขอให้เคารพผลเลือกตั้ง ฟังเสียงประชาชน โดยมีข้อเรียกร้องจากสมาชิกรัฐสภา ดังนี้
1. ขอให้สมาชิกรัฐสภาดำเนินการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับผู้ที่ได้รับการเสนอโดยพรรคการเมืองที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากจากสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยืนยันหลักการเสียงข้างมากตามระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา
2. ขอให้สมาชิกรัฐสภาหลีกเลี่ยงการลงมติด้วยการ "งดออกเสียง" เนื่องจาก การลงมติดังกล่าวจะเป็นผลให้เสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรถูกขัดขวางและถือเป็นการปฏิเสธผลการเลือกตั้ง มีแต่จะทำให้เกิดทางตันทางการเมือง และทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่ไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
3. เสียงของสมาชิกวุฒิสภาจะต้องไม่ถูกนำใช้เป็นข้อต่อรองทางการเมืองให้มีนายกรัฐมนตรีที่ผู้มีอำนาจต้องการได้ แต่ประเทศไทยต้องมีนายกรัฐมนตรี ตามที่ประชาชนแสดงออกผ่านคูหาเลือกตั้ง
4. ขอให้สมาชิกรัฐสภารับฟังความต้องการหรือความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชนด้วยความอดทนอดกลั้น ไม่แสดงท่าทีข่มขู่ คุกคาม หรือเป็นศัตรูกับประชาชน
ทั้งนี้ นายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการและจะรีบนำกราบเรียนประธานรัฐสภาต่อไป
ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยและคณะรณรงค์รัฐธรรมนูญประชาชน (ครช.) ประมาณ 20 คน นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เดินทางมายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ คัดค้านคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ที่ขอให้วินิจฉัยให้สมาชิกภาพส.สของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ( 3) ประกอบมาตรา 101 (6) จากเหตุถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด มหาชน และกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งอาจเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคก้าวไกล
@มองกระบวนการสกัด ‘พิธา’ คือใช้กม.ไม่สุจริต
นายสมยศ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปกติแล้วหลังการเลือกตั้งในหลายประเทศทั่วโลก ภายใน 1 สัปดาห์ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่ประเทศไทยผ่านมา 2 เดือนยังคงไม่จบสิ้น เราพบว่ากกต.ใช้เวลาไม่นานในการเร่งรัดพิจารณากรณีการถือหุ้นสื่อ itv ของนายพิธาและส่งเรื่องมาที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยวิญญูชนทั้งหลายเข้าใจว่า เป็นการใช้กฎหมายโดยไม่สุจริตเพื่อล้มล้างประชาธิปไตย ดังนั้นวันนี้จึงมายื่นหนังสือต่อศาล เพื่อขอให้ไม่รับเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าหยิบมาพิจารณาจะนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคม จะนำมาซึ่งการทำลายประชาธิปไตย
นายสมยศ ยังระบุว่า การแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลและการขอยกเลิกมาตรา 112 ของคณะราษฎรนั้นเป็นการใช้กระบวนการนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ โดยพรรคก้าวไกลกระทำในฐานะเป็นผู้แทนปวงชนไทย คณะราษฎรก็เข้าชื่อหมื่นชื่อขอให้แก้ไข กฎหมายกำหนดจึง เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวผิดสิทธิของประชาชนก็จะถูกละเมิด บ้านเมืองก็จะหายนะ
@อภิปราย 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังศึกษาข้อกฎหมาย และรวบรวมความเห็นในการอภิปรายโหวตนายกฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่มีการหยิบยกเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมานั้น เป็นข้ออ้างในการไม่โหวตนายพิธาเป็นนายกฯ อาจจะเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทำให้ประชาธิปไตยหยุดลง ทำให้เสียงข้างมากของรัฐสภาไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ กระบวนการที่ส.ว.กำลังดำเนินการนั้นเป็นการขัดขวางประชาธิปไตย บ่อนทำลายความมั่นคงของประชาธิปไตย ทำให้หลักการประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญและสากลนานาประเทศเสียหาย ฉะนั้นจะเห็นว่ากระบวนการล้มล้างการปกครองได้เกิดขึ้นแล้ว แม้กระทั่งในสภาผู้แทนราษฎร ของส.ส โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้อยู่ ระหว่างการรวบรวมเพื่อยื่นต่อ ป.ป.ช.จึงอยากให้ส.ส.- สว. ตระหนักถึงประชาธิปไตย หลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต้องทำหน้าที่ปกป้องตรงนี้ด้วย ไม่ใช่แค่อ่านกฎหมายและวินิจฉัยไปในทางที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประชาธิปไตย
"ส.ว.ต้องยอมรับผลของการกระทำการที่มีคนไปกดกริ่งหน้าบ้าน แบนธุรกิจ สิ่งที่เหล่านี้ไม่ใช่การคุกคามหรือไล่ล่าแม่มด แต่เป็นการแสดงออกด้วยสันติวิธี" นายสมยศกล่าว
@19 ก.ค.นัดแต่งดำ ประกาศศึกองค์กรอิสระ กกต.-ศาลรธน.
นายสมยศ ยังระบุว่าในวันที่ 19 ก.ค.ขอให้ทุกคนใส่เสื้อดำไปร่วมกิจกรรมฌาปนกิจศพส.ว. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.00 น. และขอประกาศ ศึกกับองค์กรอิสระ ทั้งกกตและศาลรัฐธรรมนูญโดยใช้สิทธิ์ในการชุมนุม นำเสนอความคิดเห็นของประชาชน ไม่ปล่อยให้องค์กรเหล่านี้ทำตามอำเภอใจเพื่อตอบสนองต่อเผด็จการ ย้ำว่านี่เป็นภาระหน้าที่ของประชาชนที่จะผลักดันให้เกิดกระบวนการประชาธิปไตยไม่ปล่อยให้ 8 พรรคการเมืองดำเนินการต่อฝ่ายเดียวและขอเรียกร้องให้ 8 พรรคการเมืองเหนียวแน่นยืนหยัดไปด้วยกันเพื่อกำจัดอำนาจเผด็จการ และเดินไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
ที่มาภาพ-ข่าวนายสมยศ: ผู้จัดการ