อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า หรือโรคโควิด 19 ยอดสะสมทะลุ 21.5 ล. -'สหรัฐฯ'ยอดติดเชื้อเริ่มลดลงทั่วประเทศ-สมาคมโรคหัวใจ สหรัฐฯเตือนอาการหัวใจเรื้อรังหลังหายโควิด-'รัสเซีย'คิกออฟผลิตวัคซีนลอตแรก แม้ไม่มีผลทดลองระยะ 3 -หวั่น'เกาหลีใต้' ผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม เพราะเหตุผู้ประท้วงไล่ ปธน. - 'อินโดนีเซีย' ประกาศปิดประเทศยาวจนปีหน้า รอวัคซีนใช้งานได้จริง-ล่าสุด'แอฟริกาใต้' ประกาศผ่อนปรนมาตรการเฝ้าระวังแม้ผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 4,000
---------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ โรคโควิด-19 ล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 16 ส.ค. 2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 21,580,654 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 235,476 ราย เสียชีวิต 767,736 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4,920 ราย
สำหรับสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 5,526,026 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 49,760 ราย เสียชีวิต 172,536 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,001 ราย ทำให้สหรัฐฯกลับมาเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งวันนี้ถือเป็นวันแรกที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศสหรัฐฯอยู่ในทิศทางที่ลดลงในทุกรัฐทั่วประเทศสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามมีประกาศเตือนจากหน่วยงานแพทย์ในประเทศสหรัฐฯว่า ในช่วงฤดูหนาวปลายปีนั้นเป็นเหตุทำให้มีการเพิ่มขึ้นของโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของผู้ติดไวรัสโควิด 19 ตามมาด้วย
โดยรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐเท็กซัส มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 7,680 ราย
ขณะที่สมาคมโรคหัวใจสหรัฐฯได้ออกคำเตือนว่าไวรัสโควิด 19 สามารถทำให้เกิดอาการรุนแรงและเรื้อรังที่เกิดกับหัวใจได้
โดย พ.ญ. ดาร่า คาส แพทย์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าวว่ากล่าววว่าไวรัสนั้นจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดกับปัญหาในอวัยวะหลายส่วนซึ่งรวมถึงหัวใจ โดยตอนนี้ทางสมาคมกำลังสำรวจความเสียหายที่ไวรัสได้ก่อขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุ 30-50 ปี ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ที่สูงอายุและมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ซึ่งที่ผ่านมาผู้ป่วยเหล่านี้สามารถรอดพ้นจากช่วงเวลาที่ติดไวรัสโควิด 19 ได้ แต่ ณ เวลานี้ กลุ่มผู้ป่วยกับมีอาการบางอย่างที่เรื้อรังอันเกี่ยวข้องกับการที่ร่างกายต้องต่อสู้กับไวรัส โดยทางสมาคมก็จะต้องศึกษาและรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ต่อไป
ส่วนสถานการณ์ที่ประเทศเม็กซิโก มีผู้ติดเชื้อสะสม511,369 ราย ติดเชื้อใหม่ 5,618 ราย เสียชีวิต 55,908 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 615 ราย
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีปและเป็นอันดับ 2 ของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 3,317,096 ราย ติดเชื้อใหม่ 38,201 ราย เสียชีวิต 107,232 ราย เสียชีวิตใหม่ 661 ราย
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 917,884 ราย ติดเชื้อใหม่ 5,061 ราย เสียชีวิต 15,617 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 119 ราย
และล่าสุดมีรายงานว่าประเทศรัสเซียได้เริ่มเปิดสายการผลิตวัคซีนสำหรับไวรัสโควิด 19 ชุดแรกแล้ว แม้ว่จะยังไม่มีรายงานการทดลองระยะที่ 3 ออกมา
ส่วนที่ฝรั่งเศสซึ่งมีผู้ติดเชื้อใหม่ 3,310 ราย ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศสได้มีการออกคำสั่งให้ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อในสถานที่ทำงาน
สำหรับสถานการณ์ทวีปเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,589,208 ราย ติดเชื้อใหม่ 63,986 ราย เสียชีวิตสะสม 50,084 ราย เสียชีวิตใหม่ 950 ราย จึงทำให้ ณ เวลานี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ส่วนที่ประเทศจีน มีผู้ติดเชื้อใหม่ 22 ราย เป็นการระบาดจากต่างประเทศจำนวน 14 ราย และอีก 8 ราย เป็นการระบาดในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ขณะที่ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 46 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
ส่วนที่ประเทศเกาหลีใต้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 166 ราย ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 5 เดือน อย่างไรก็ตาม มีการประมาณการว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อของเกาหลีใต้น่าจะพุ่งขึ้นสูงอีกในช่วงหลังจากนี้เนื่องจาก ณ ขณะนี้ที่กรุงโซล มีผู้ประท้วงจำนวนกว่า 6,000 คน ได้ประท้วงขับไล่นายมูน แจ อึน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยกล่าวหาว่ามูนล้มเหลวในเรื่องนโยบายต่อประเทศเกาหลีเหนือ มีปัญหาเรื่องการฉ้อโกงและการทุจริตเลือกตั้ง
การประท้วงที่ประเทศเกาหลีใต้ (อ้างอิงวิดีโอจาก Ruptly)
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 1,233 ราย เสียชีวิตใหม่ 5 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 385 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว
โดยทางด้านรัฐบาลญี่ปุ่นได้เตรียมที่จะออกประกาศขยายเวลาการจำกัดจำนวนคนที่เข้าชมกิจกรรมคอนเสิร์ตต่างๆไม่ให้เกิน 5,000 คน ไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. เพื่อจะลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด 19
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 157,918 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,351 ราย เสียชีวิตสะสม 2,600 ราย เสียชีวิตใหม่ 159 ราย ทำให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดในอาเซียน
ที่อินโดนีเซีย มีผู้ติดเสียชีวิตสะสมสูงสุด 6,071ราย เสียชีวิตใหม่ 50 ราย ทำให้อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงที่สุดในอาเซียน
ล่าสุดมีรายงานว่าทางการอินโดนีเซียได้ประกาศไม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศอินโดนีเซีย จนกว่าที่จะมีการค้นพบวัคซีนและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสได้ในหมู่ประชาชนอินโดนีเซีย
โดยขณะนี้ประเทศอินโดนีเซีย กำลังมีกระบวนการทดลองวัคซีนรักษาโควิด 19 ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทสัญชาติจีนชื่อว่าซีโน่แว็คไบโอเท็ค (Sinovac Biotech) ซึ่งร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจ PT Bio Farma ของประเทศอินโดนีเซีย โดยจะเป็นการทดลองในระยะ 3 หรือระยะทดลองอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะกินเวลา 6 เดือนครึ่ง และหลังจากนั้นถึงจะเริ่มกระบวนการผลิตวัคซีนในประเทศได้ ซึ่งคาดว่ากระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันนั้นน่าจะสามารถเริ่มต้นได้ในช่วงปี 2564
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 26 ราย และเวียดนามมีผู้ติดเชื้อใหม่ 20 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ทวีปแอฟริกาประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 583,653 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,513 ราย เสียชีวิต 11,977 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 121ราย
อย่างไรก็ตามนายไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ได้ประกาศว่าแอฟริกาใต้จะยุติมาตรการเฝ้าระวังการติดเชื้อเกือบทั้งหมดในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เพื่อฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ โดยมาตรการที่จะยกเลิกได้แก่มาตรการการห้ามขายบุหรี่และแอลกอฮอล์ และจะอนุญาตให้มีการเดินทางในประเทศได้อีกครั้งหนึ่ง
อ้างอิงวิดีโอจากช่อง News24
นายไซริลกล่าวต่อไปวาแม้ว่าจะมีการผ่อนปรนทางเศรษฐกิจแล้ว แต่ประชาชนก็ควรที่จะยึดหลักการเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด 19 ต่อไป
ส่วนความเคลื่อนไหวใน ภูมิภาคโอเชียเนีย ออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 313 ราย และมีผู้เสียชีวิตใหม่อีก 4 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในรัฐวิกตอเรีย 303 ราย และในรัฐนิวเซาท์เวลส์ 9 ราย
ส่วนนิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อใหม่ 7 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage