'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ยอดสะสม 13.4 ล้าน - UN เตือน 70-100 ล้านคนทั่วโลกอาจเข้าสู่ความยากจน - 'ฟาวซี่' ชี้โรคระบาดร้ายแรงเทียบเท่าไข้หวัดสเปน - ล่าสุด ส.ส.เวอร์จิเนียติดเชื้อด้วย-นักวิทย์ 'เนเธอร์แลนด์' เตือน แอนติบอดี้ ส่อส่งผลร้ายถึงตายกับผู้ป่วย- 'อียิปต์' ติดเชื้อสะสม 8.3 หมื่น - 'รัสเซีย' ยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางจากตปท.-'ญี่ปุ่น' พบแอนติบอดีชนิดลบล้างเชื้อโควิดเป็นครั้งแรก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 15 ก.ค. 2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 13,446,310ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 215,727ราย เสียชีวิต 580,248ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 5,312ราย
ขณะที่นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาระบุว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 อาจจะทำให้รายได้ต่อหัวของประชากรลดลงไปหลายสิบปี และทำให้ประชากรโลกจำนวน 70-100 ล้านคนต้องเข้าสู่ความยากจน
ส่วนสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายวัน และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 3,544,921 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 65,438 ราย เสียชีวิต 139,137 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 929 ราย
สำหรับรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐเท็กซัส มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 11,060 ราย
ด้านนายแอนโทนี่ ฟาวซี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้ของสหรัฐ หนึ่งในคณะทำงานพิเศษเพื่อต่อต้านโรคระบาดของทำเนียบขาวได้กล่าวว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 อาจจะมีความร้ายแรงเทียบเท่ากับไข้หวัดสเปน ที่ระบาดเมื่อปี 2463 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปกว่า 50 ล้านราย และถูกเปรียบเทียบได้กับมารดาแห่งโรคระบาดทั้งมวล
นายฟาวซี่กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตามก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้างเนื่องจากความคืบหน้าในการทดลองวัคซีนที่คิดค้นโดยสถาบันโรคติดเชื้อฯร่วมกับบริษัท Moderna เพื่อใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยนั้นปรากฎผลว่าผู้ที่ถูกทดลองรักษาสามารถเร่งปฏิกริยาของร่างกายในการสร้างภูมิต้านทานไวรัสได้ ตามที่นักวิทยาศาสตร์ได้ประเมินการทดลองเอาไว้
ส่วนสถานการณ์อื่นๆในสหรัฐฯมีรายงานว่านายมอร์แกน กริฟฟิท ส.ส.พรรครีพับลิกัน จากเขต 9 รัฐเวอร์จิเนีย ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตัวเขาติดเชื้อโควิด 19 และจะกักตัวเองและทำงานจากที่บ้าน แม้ว่า ณ เวลานี้เขาจะยังไม่มีอาการป่วยก็ตาม
นายมอร์แกน กริฟฟิท ส.ส.พรรครีพับลิกัน จากเขต 9 รัฐเวอร์จิเนีย (อ้างอิงรูปภาพจากเดอะฮิลล์)
สำหรับสถานการณ์ในประเทศเม็กซิโก มีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 304,435 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 4,685 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 35,491 ราย เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 485 ราย และเม็กซิโกยังเป็นประเทศลำดับที่ 8 ของโลกที่มีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 3 แสนราย
ทวีปอเมริกาใต้ บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีปและเป็นอันดับ 2 ของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 1,931,204 ราย ติดเชื้อใหม่ 43,245 ราย เสียชีวิต 74,262 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,341 ราย ทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตใหม่เป็นอันดับ 1 ของโลก
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 739,947 ราย ติดเชื้อใหม่ 6,248 ราย เสียชีวิต 11,614 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 175 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆในประเทศรัสเซีย มีรายงานว่าประเทศรัสเซียได้ปลดล็อกให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศที่มีเอกสารยืนยันตัวเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษารัสเซียว่ามีผลตรวจหาเชื้อโควิด 19 เป็นลบ สามารถเข้าประเทศรัสเซียได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วันแต่อย่างใด
ขณะที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ สำนักข่าวเซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ของฮ่องกง ได้รายงานผลการศึกษาจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม ระบุว่าผลการตรวจเลือดที่อยู่บนเครื่องช่วยหายใจของผู้ที่มีอาการป่วยโควิด 19 อย่างรุนแรง พบว่า มีภาวการณ์อักเสบอย่างรุนแรงในเม็ดเลือด ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ผลิตออกมาเพื่อกำจัดไวรัส อาจจะกลายมาเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายและรุนแรงจนถึงขั้นฆ่าผู้ติดเชื้อเสียเอง
ทวีปเอเชีย อินเดีย ยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 937,487 ราย ติดเชื้อใหม่ 29,842 ราย เสียชีวิตสะสม 24,315 ราย เสียชีวิตใหม่ 588 ราย
สำหรับ ประเทศจีน มีการระบาดใหม่จำนวน 3 ราย โดยเป็นการระบาดจากต่างประเทศทั้งหมด
ขณะที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 48 ราย
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 333 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 143 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในกรุงโตเกียว
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น ได้เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตัวอย่างเลือดของผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวน 8 ราย พบว่าทั้ง 8 รายนั้นมีแอนติบอดีแบบลบล้างการติดเชื้อโควิด 19 หรือ neutralizing antibodies ซึ่งกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่พบผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีแอนติบอดีชนิดนี้
โดยทางกระทรวงสาธารณสุขจะได้ตรวจสอบเชิงลึกถึงเงื่อนไขของการที่ร่างกายจะผลิตแอนติบอดีชนิดนี้ รวมถึงระยะเวลาที่แอนติบอดีจะอยู่ได้ในร่างกายต่อไป
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ในภูมิภาค มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 78,572ราย ติดเชื้อใหม่ 1,591 ราย เสียชีวิตสะสม 3,710 ราย เสียชีวิตใหม่ 54 ราย ทำให้อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงที่สุดในอาเซียน
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้น ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 4 ราย พม่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย
ทวีปแอฟริกา ประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 298,292 ราย ติดเชื้อใหม่ 10,496 ราย เสียชีวิต 4,346 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 174 ราย
ส่วน อียิปต์ มีผู้ติดเชื้อสะสม 83,930 ราย ติดเชื้อใหม่ 929 ราย เสียชีวิต 4,008 ราย เสียชีวิตใหม่ 73 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวในภูมิภาคโอเชียเนีย ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 284 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในรัฐวิกตอเรีย 270 ราย รัฐนิวเซาท์เวลส์ 13 ราย
ขณะที่นิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage