'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ยอดติดเชื้อสะสม 5.7 ล้าน ตายทะลุ 3.5 แสน -'สหรัฐ' ตายรายวัน 1,535 ศพ กลับมาแซงหน้าบราซิล - 'อังกฤษ' เริ่มเปิดใช้งานระบบติดตามไวรัส-'รัสเซีย' เลื่อนประชุมกลุ่มบริคส์ไม่มีกำหนด- 'เกาหลีใต้'เจอกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่จากพนักงาน บ.เอกชนแพร่เชื้อเกือบ 40 ราย - 'ญี่ปุ่น'ขอ ปชช. อย่าใส่หน้ากากกลางแจ้งหวั่นฮีทสโตรก - ล่าสุด 'สเปน' ยอดตายใหม่เหลือแค่ 1 ศพ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ค.2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meters รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกว่า มียอดรวมทั้งสิ้น 5,784,603 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 106,475 ราย มีผู้เสียชีวิต 356,937 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 5,283 ศพ
โดยประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงอันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 1,745,803 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,546 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 102,107 ศพ ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,535 ศพ ทำให้สหรัฐฯ ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม เสียชีวิตสะสม และกลับมามีผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในโลก
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ ที่ติดตามยอดผู้เสียชีวิตในแต่ละรัฐว่า สหรัฐฯ น่าจะมีจำนวนมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด มากกว่ายอดที่ได้รายงานเอาไว้หลายพันศพ
ขณะที่ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯได้ออกบทวิเคราะห์ในชื่อว่า สิ่งที่ความตายได้สะท้อนออกมา ระบุว่า สิ่งสำคัญที่ต้องระลึกถึงเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด ในสหรัฐอเมริกามี 2 ประการ ก็คือ 1. คนจำนวน 1 แสนคนไม่ควรที่จะต้องมาตาย และ 2. เราไม่รู้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตอีกเป็นจำนวนมากเท่าไรก่อนที่สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น
https://edition.cnn.com/2020/05/27/politics/100000-deaths-moment-of-reflection/index.html
สำหรับสถานการณ์รอบโลกนั้น ที่ประเทศบราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 414,661 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 22,301 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 25,697 ศพ มีตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 1,148 ศพ ทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตรายใหม่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก
ที่รัสเซีย มีรายงานผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 370,680 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,338 ราย มีผู้เสียชีวิต 3,968 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 161 ศพ ทำให้รัสเซียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อใหม่สูงเป็นอันดับหนึ่งในยุโรป อย่างไรก็ดี จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันนั้นอยู่ในเส้นกราฟขาลงแล้ว
โดยในช่วงวันที่ 1 มิ.ย.นี้ กรุงมอสโกจะได้เปิดให้บริการร้านค้าสินค้าที่ไม่จำเป็นและภาคส่วนธุรกิจต่างๆต่อไป
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆนั้น ประเทศรัสเซียได้ตัดสินใจประกาศเลื่อนการประชุมกลุ่มประเทศ BRICS อันประกอบไปด้วยตัวแทนจากประเทศบราซิล แอฟริกาใต้ จีน อินเดีย และรัสเซีย ซึ่งจะประชุมกันที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในระหว่างวันที่ 21-23 ก.ค. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์การการแพร่ระบาดของโรคโควิด
ส่วนกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ว่านายรามซาน คาดีลอฟ (Ramzan Kadyrov) ผู้นำกลุ่มเชเชนได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงมอสโก เนื่องจากต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อโควิดนั้น ล่าสุดนายรามซานได้ออกมาแถลงผ่านอินสตราแกรมแล้วว่าตัวเขายังแข็งแรงและไม่ได้ป่วยแต่อย่างใด
ที่อังกฤษ มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 267,240 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,013 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 37,460 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 412 ราย ทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมเป็นอันดับสองของโลก และเป็นอันดับหนึ่งของยุโรป
ส่วนการเปิดใช้งานระบบตรวจสอบและตามรอยผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการ ของอังกฤษ ในวันนี้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกมาระบุว่า ระบบนี้จะช่วยพลิกสถานการณ์ของอังกฤษได้
ขณะที่นายแมท แฮนด์คอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนนทำแบบทดสอบอาการของผู้ป่วยออนไลน์ เพื่อที่จะได้หาขอบเขตผู้ติดเชื้อและจะได้รู้ว่าใครที่จะต้องกักตัวเองบ้าง โดยผู้ที่ทำผลทดสอบออนไลน์แล้วพบว่ามีอาการเข้าข่ายว่าจะป่วยนั้นจะต้องกักตัวเองให้ห่างออกจากคนอื่นและต้องไปตรวจโดยเร็วที่สุด ซึ่งกลไกดังกล่าวนั้นจะทำให้อังกฤษสามารถกลับไปใช้ชีวิตโดยใกล้เคียงกับสภาวะปกติได้มากที่สุด ก่อนที่จะมีการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสออกมา
นายแมท ยังได้แถลงเพิ่มเติมว่าสถานการณ์ของอังกฤษขณะนี้ ถือว่าผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อนั้นอยู่ในกราฟขาลง
นายแมท แฮนคอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษแถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 (อ้างอิงวิดีโอจากช่อง The Telegraph)
เว็บไซต์ของหน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษที่ให้กรอกแบบสอบถามอาการป่วยโควิด 19
สำหรับสถานการณ์ในยุโรปนั้น ที่สเปน มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 283,849 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 510 ราย มีผู้เสียชีวิต 27,118 ศพ มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1 ศพ
ที่อิตาลี มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 231,139 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 584 ราย มีผู้เสียชีวิต 33,072 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 117 ศพ
ที่ฝรั่งเศส มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 182,913 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 191 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 28,596 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 66 ศพ
ที่เยอรมนี มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 181,895 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 607 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 8,533 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 35 ศพ
ส่วนสถานการณ์ในเอเชียนั้น สิงคโปร์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 32,876 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 533 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 23 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตใหม่ สิงคโปร์จึงยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 533 ราย ยังคงเป็นแรงงานต่างชาติ 530 ราย
ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 31,969 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 883 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 255ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 2 ศพ
ที่บาห์เรนมียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 9,692 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 326 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 15 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1 ศพ
ที่อินโดนีเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 23,851 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 686 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 1,473 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 55 ศพ ทำให้อินโดนีเซียมี ผู้ติดเชื้อรายวัน ผู้เสียชีวิตสะสมและรายวันสูงสุดในอาเซียน
ที่ฟิลิปปินส์ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 15,049 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 380 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 904 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 18 ศพ
ที่มาเลเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 7,619 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 15 ราย มีผู้เสียชีวิต 115 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่
ที่บังกลาเทศ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 38,292 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 1,541 ราย มีผู้เสียชีวิต 544 ศพ มีผู้ติดเสียชีวิตรายใหม่ 22 ศพ ล่าสุดมีรายงานว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาลในกรุงดาการ์ ทำให้มีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตอีก 5 ศพ
สำหรับสถานการณ์ในประเทศจีน มีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 82,993 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 4,634 ราย เป็นผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาที่เมืองเซี่ยงไฮ้
ที่อินเดีย มีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 158,086 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,293 ราย มีผู้เสียชีวิต 4,534 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 190 ศพ
ที่อิหร่าน มีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 141,591 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,080 ราย มีผู้เสียชีวิต 7,564 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 56 ศพ
ส่วนที่เกาหลีใต้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 11,265 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 40 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 262 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่
เบื้องต้น มีรายงานว่า กลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ 40 ราย ดังกล่าว มีศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่บริษัทขายสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่างบริษัท Coupang โดยผู้ที่แพร่เชื้อนั้นเป็นพนักงานหญิงวัย 43 ปีของบริษัทดังกล่าว
โดยพนักงานหญิงรายนี้ ได้ไปเจอกับผู้ป่วยโรคโควิด ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดช่วงต้นเดือน พ.ค. หลังจากนั้นเธอเข้าไปไปทำงานเข้ากะกลางคืนที่ศูนย์ของบริษัทในเมือง Bucheon จังหวัด Gyeonggi-do ในช่วงวันที่ 12 -13 พ.ค.
ต่อมาวันที่ 23 พ.ค. เธอก็ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด 19 และต่อมาในวันที่ 27 พ.ค. ก็มีข้อมูลว่ามีการติดเชื้อจำนวน 36 รายที่เกี่ยวข้องกับพนักงานหญิงคนนี้
รายงานข่าวการติดเชื้อจากบริษัท Coupang (อ้างอิงวิดีโอจากสำนักข่าวอารีรัง)
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 16,537 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 35 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 870 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 3 ศพ
ส่วนสถานการณ์อื่นๆในญี่ปุ่นนั้น มีรายงานว่า กระทรวงสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขของญี่ปุ่น ได้ออกแนวทางการใช้ชีวิตใหม่หรือนิวนอร์มอลว่า ขอให้ประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้งถอดหน้ากากได้ แต่ยังคงเว้นระยะห่าง 2 เมตร เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19
โดยสาเหตุที่รัฐบาลญี่ปุ่นขอให้ประชาชนถอดหน้ากากกลางที่แจ้ง ได้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการเจ็บป่วยจากสภาวะฮีทสโตรกหรือโรคลมแดดที่จะมาในช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นเคยประสบปัญหาการป่วยด้วยโรคฮีทสโตรกอย่างรุนแรง ในช่วงปี 2561 ที่มีประชาชนญี่ปุ่นต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นจำนวน 95,000 ราย
ขณะที่มหาวิทยาลัยมิยาซากิของญี่ปุ่น มีการเปิดเผยผลการทดลองผลิตภัณฑ์ไฟดีพแอลอีดีที่ได้วิจัยร่วมกันกับบริษัท Nikkiso เพื่อฆ่าเชื้อโควิด ซึ่งผลจาการติดตั้งระบบไฟในเครื่องฟอกอากาศรุ่น Aeropure นั้นพบว่า สามารถลดการแพร่เชื้อโควิด ที่เกิดจากละอองต่างๆได้ถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์
โดยทางมหาวิทยาลัยเชื่อว่าระบบแอลดีดี พร้อมเครื่องฟอกอากาศนั้นจะสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อครั้งใหญ่ในโรงพยาบาลได้
เครื่องฟอกอากาศ Aeropure พร้อมไฟดีพแอลอีดี
เรียบเรียงจาก:,https://www.theguardian.com/world,https://www.bbc.com/news,https://mainichi.jp/english/,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://covid19japan.com/,https://www.nytimes.com/interactive/2020/us/coronavirus-us-cases.html,https://www.straitstimes.com/singapore,https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.themoscowtimes.com/,http://www.arirang.com/News/News_Index.asp,https://www.china-briefing.com/
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage