กพอ.เห็นชอบร่างสัญญานร่วมทุนโครงการ 'สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน' มูลค่า 2.9 แสนล้านบาท เตรียมเสนอให้ ครม.เห็นชอบ คาดเซ็นสัญญากับ ‘กลุ่มบีบีเอส’ ได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ พร้อมตั้งอนุกรรมการร่วมฯประสานงานโครงการสนามบินอู่ตะเภา-รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เพื่อให้ทั้ง 2 โครงการเปิดให้บริการพร้อมกัน
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธาน ว่า กพอ.มีมติเห็นชอบร่างสัญญาร่วมทุนลงทุนร่วมทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาแล้ว และจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่ากองทัพเรือ ในฐานะเจ้าของโครงการจะลงนามสัญญากับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส (BBS Joint Venture) (กลุ่มบีบีเอส) ในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งตามแผนกำหนดให้การก่อสร้างโครงการดังกล่าวจะให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2566 พร้อมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
สำหรับกลุ่มบีบีเอส ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Lead Firm) ,บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเสนอ Narita International Airport Corporation เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน
นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบรายงานเรื่องผลประโยชน์ร่วมของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ระบุว่า ตั้งแต่เริ่มต้นคณะกรรมการนโยบายฯ วางยุทธศาสตร์ทั้ง 2 โครงการเป็น ‘โครงการร่วมที่สร้างประโยชน์ให้กันและกัน’
ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาโครงการ และการให้บริการทั้ง 2 โครงการเป็นไปอย่างสอดคล้องเชื่อมโยง กพอ.จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการร่วมประสานงาน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้มีการทำงานอย่างบูรณาการเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดเชื่อมโยงแผนงานการก่อสร้าง และแผนการเปิดบริการให้สอดคล้องหรือพร้อมกันได้
“สนามบินอู่ตะเภาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการรถไฟความเร็วสูง และสร้างความต้องการทำให้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟความเร็วสูงเพิ่มขึ้น ขณะที่รถไฟความเร็วสูง ทำให้การเดินจากกรุงเทพมายังสนามบินอู่ตะเภาเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้ได้รับความนิยมและความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการใช้สนามบิน หากปราศจากโครงการใดโครงการหนึ่ง ประเทศและประชาชนจะได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่” รายงานข่าวระบุ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 6,500 ไร่ บริเวณสนามบินอู่ตะเภา โดยมี 6 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ 1.อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 2. ศูนย์ธุรกิจการค้าและการขนส่งภาคพื้นดิน 3.ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance Repair and Overhaul 4.เขตประกอบการค้าเสรี และเขตธุรกิจเกี่ยวเนื่อง 5.ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ และ6.ศูนย์ฝึกอบรมการบิน
ส่วนเงินลงทุนรวมของโครงการอยู่ที่ประมาณ 2.9 แสนล้านบาท 290,000 ล้านบาท โดยภาครัฐจะได้ประโยชน์เพิ่มเติม คือ 1.ด้านการเงิน (ค่าเช่าที่ดิน ส่วนแบ่งรายได้) มูลค่าปัจจุบัน 305,555 ล้านบาท (เป็นเงินรวม 1,326,000 ล้านบาท ใน 50 ปี) 2.ได้ภาษีอากรเพิ่มมากกว่า 62,000 ล้านบาท (ไม่นับรวมรายได้ภาษีทางอ้อมกับธุรกิจเชื่อมโยงนอกเมืองการบินภาคตะวันออก) 3.เกิดการจ้างงานเพิ่ม 15,600 ตำแหน่งต่อปี ในระยะ 5 ปีแรก
4.เพิ่มเทคโนโลยี และพัฒนาทักษะแรงงานด้านธุรกิจการบิน และธุรกิจเชื่อมโยง และ5.เมื่อสิ้นสุดสัญญาทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของรัฐ
สำหรับการทำงานคัดเลือกเอกชนร่วมทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ดำเนินการโดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่มีพล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธาน มีผู้แทนจากกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ สำนักบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานอัยการสูงสุด และสกพอ. เป็นกรรมการ และมีผู้สังเกตการณ์อิสระจากองค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) เข้าร่วมสังเกตการณ์
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกทั้งสิ้น 31 ครั้ง และการประชุมคณะทำงานเจรจาร่างสัญญาฯ และคณะทำงานเจรจารายละเอียดด้านเทคนิคฯ ทั้งหมด 19 ครั้ง มีรายละเอียด ดังนี้
30 ตุลาคม 2561 ครม. อนุมัติหลักการโครงการ
12 พฤศจิกายน 2561 ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน มีเอกชนมาซื้อเอกสาร 42 บริษัท โดยเอกชนมาจากประเทศจีน 6 ราย ฝรั่งเศส 2 ราย เยอรมัน 2 ราย อินเดีย 1 ราย ญี่ปุ่น 5 ราย มาเลเซีย 1 ราย ตุรกี 1 ราย และไทย 24 ราย
21 มีนาคม 2562 มีเอกชนยื่นข้อเสนอจำนวน 3 กลุ่ม (รวม 14 บริษัท) ได้แก่
ผู้ยื่นข้อเสนอกลุ่มที่ 1 : กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส (BBS Joint Venture) (กลุ่มบีบีเอส) ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Lead Firm) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเสนอ Narita International Airport Corporation เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน
ผู้ยื่นข้อเสนอกลุ่มที่ 2 : กลุ่ม Grand Consortium ประกอบด้วย บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (Lead Firm) บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด โดยเสนอ GMR Airport Limited (GAL) เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน
ผู้ยื่นข้อเสนอกลุ่มที่ 3 : กลุ่มกิจการค้าร่วม บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มกิจการค้าร่วมธนโฮลดิ้งฯ) ประกอบด้วย บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด (Lead Firm) บริษัท Orient Success International Limited บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ช.การช่าง จํากัด (มหาชน) และบริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด โดยเสนอ Fraport AG เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน
11 เมษายน 2562-30 มกราคม 2563 การประเมินข้อเสนอของเอกชนผู้ยื่นข้อเสนอ
-พิจารณาซองที่ 1 : คุณสมบัติทั่วไป
ผลการพิจารณา : เอกชนผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 กลุ่ม ผ่านการประเมินข้อเสนอซองที่ 1 โดยมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในเอกสารการคัดเลือกเอกชน
-พิจารณาซองที่ 2 : ด้านเทคนิค การประเมินผลข้อเสนอซองที่ 2 (ข้อเสนอด้านเทคนิค)
คณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาตามข้อกำหนดเอกสารการคัดเลือกเอกชน (RFP) ที่ได้ระบุให้เอกชนผู้ยื่นข้อเสนอจัดทำข้อเสนอซองที่ 2 แยกรายละเอียดออกเป็น 2 หมวด คือ หมวดข้อเสนอด้านเทคนิคและหมวดข้อเสนอด้านแผนธุรกิจ มีรายละเอียด 8 หัวข้อย่อย ซึ่งการประเมินแต่ละหัวข้อย่อยเป็นแบบให้คะแนน (Scoring) ซึ่งคะแนนของแต่ละหัวข้อย่อยต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 และรวมคะแนนทั้ง 8 หัวข้อย่อยต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 จึงจะถือว่าผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์ประเมิน
ผลการพิจารณา : เอกชนผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 กลุ่ม ผ่านการประเมินซองที่ 2 (ด้านเทคนิค) โดยมีคะแนนรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
-พิจารณาซองที่ 3 : ด้านราคา
ผลการพิจารณา : คณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณาข้อเสนอซองที่ 3 (ด้านราคา) ของผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 กลุ่ม และมีมติเห็นชอบลำดับผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอเงินประกันรายได้ขั้นต่ำเป็นผลตอบแทนให้แก่รัฐที่ดีที่สุด โดยลำดับที่ 1 กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ลำดับที่ 2 กลุ่มธนโฮลดิ้งฯ ลำดับที่ 3 กลุ่ม Grand Consortium
กล่าวคือ กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอสเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกโดยได้เสนอราคาเป็นจำนวนเงินประกันผลตอบแทนค่าเช่าและส่วนแบ่งรายได้ขั้นต่ำรายปีรวมตลอดอายุสัญญาร่วมทุน เมื่อคำนวณเป็นมูลค่าปัจจุบัน (Present Value) ณ ปี 2561 โดยใช้อัตราคิดลดร้อยละ 3.76 เท่ากับ 305,555,184,968 บาท ตลอดอายุสัญญา 50 ปี
12 กุมภาพันธ์ 2563-13 เมษายน 2563 การเจรจากับเอกชนร่วมลงทุน
-สกพอ.ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเจรจา 2 ชุด ได้แก่ (1) คณะทำงานเจรจารายละเอียดด้านเทคนิค และ (2) คณะทำงานเจรจาเงื่อนไขร่างสัญญาร่วมลงทุน โดยคณะทำงานเจรจาฯ ทั้ง 2 คณะ ได้มีการประชุมเจรจากับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ทางด้านเทคนิค การเงิน และข้อกฎหมาย รวมทั้งสิ้น 19 ครั้ง ภายใต้กรอบของเอกสารการคัดเลือกเอกชนฯ หลักการโครงการที่ กพอ. ได้เห็นชอบไว้ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งแล้วเสร็จ
ผลการเจรจา : บรรลุข้อตกลงการเจรจากับเอกชนร่วมลงทุน โดยรับทราบข้อเสนอซองที่ 4 (ข้อเสนออื่นๆ) ของกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส และไม่นำมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างสัญญาร่วมลงทุน เนื่องจากไม่เป็นประโยชน์หรือเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขในการคัดเลือก และดำเนินการจัดส่งร่างสัญญาร่วมลงทุนให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา
13 พฤษภาคม 2563 สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาร่างสัญญาแล้วเสร็จ
14 พฤษภาคม 2563 พิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดต่อร่างสัญญาฯ
ผลการดำเนินการ : กลุ่มกิจการร่วมค้า บีบีเอส ยอมรับผลการเจรจาและร่างสัญญาที่อัยการเห็นชอบแล้ว
21 พฤษภาคม 2563 นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ (กพอ.)
ขอบคุณภาพ : ทำเนียบรัฐบาล (www.thaigov.go.th)
อ่านประกอบ :
ให้ผลตอบแทนรัฐดีที่สุด! ทร.เคาะเลือกกลุ่มบีบีเอส 'หมอเสริฐ' พัฒนาอู่ตะเภาฯ 3.05 แสนล.
คดีอู่ตะเภา 2.9 แสนล.ยังไม่จบ! ทร.ขออัยการฯยื่นศาลปค.สูงสุดพิจารณาคดีใหม่-คู่ขนานเปิดซองกลุ่มซีพี
คำถามถึงปธ.ศาลปกครองสูงสุด ทำไม? ไม่นำคดี ‘อู่ตะเภา’เข้าที่ประชุมใหญ่
ซีพี ชนะ! ศาลปค.สูงสุด ตัดสินเพิกถอนคำสั่ง ทร.ไม่รับซองอู่ตะเภาฯ 2.9 แสนล.
ข้อสังเกตใหม่! คดีอู่ตะเภา'คำสั่งทุเลาฯรับซองกลุ่มซีพี-ตุลาการแถลงคดี' ยึดแนววินิจฉัยเดียวกัน
ย้อนคำพิพากษาศาลปค.สูงสุดริบประกันซอง5แสนยื่นประมูลช้า39 วิฯ เทียบคดีอู่ตะเภา2แสนล.สาย9นาที
ตุลาการแถลงคดีศาลปค.สูงสุด เสนอให้กลุ่มซีพีฯ ชนะคดีอู่ตะเภา-ทร.แย้งทำลายระบบจัดซื้อจ้าง
ยกเหตุจราจรติดขัด-อย่ายึดถือเวลาสาย9น.! ศาลปค.สูงสุด นัดพิจารณาคดีอู่ตะเภาฯ 7พ.ย.นี้
กลุ่มซีพีสู้ต่อ! อุทธรณ์ศาลปค.สูงสุด ค้านมติประมูลอู่ตะเภาฯ-ทร.ชิงประกาศผู้ชนะ 24 ก.ย.
กลุ่มซีพีแพ้! ศาลปค.กลาง ยกฟ้องค้านมติประมูลอู่ตะเภาฯ 2 แสนล.-ยื่นซองเกินเวลา
รู้ผลแพ้ชนะ 21ส.ค.นี้! ศาล ปค.นัดอ่านคำพิพากษากลุ่มซีพี ฟ้องค้านมติอู่ตะเภาฯ 2 แสนล.
กลุ่มซีพีฯพ่ายยกแรก! ศาลปค.ฯ ยกคำขอคุ้มครองชั่วคราวฟ้องมติเลือกเอกชนพัฒนาอู่ตะเภาฯ
อุบผลไต่สวนมูลฟ้องค้านมติเลือกเอกชนพัฒนาอู่ตะเภาฯ2แสนล.- รองผบ.ทร. ขอทำข่าวแจก17 พ.ค.นี้
ทร.ยันโครงการสนามบินอู่ตะเภาเป็นธรรม-คาดพิจารณาคุณสมบัติเสร็จก่อนสิ้น พ.ค.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/