เพิ่มอีก 3 ! ติดเชื้อโควิด-19 ป่วยสะสม 2,992 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต 'นพ.ทวีศิลป์' เผยผลสรุปที่ประชุม ศบค. นายกฯ ฝากดูเเล ปชช.ตกสำรวจ เข้าถึงสิทธิเยียวยา มอบ 'วิษณุ' ประสาน ก.พ. พิจารณา เวลาเหลื่อมเข้างานราชการ ลดเเออัดระบบขนส่งมวลชน คาด 17 พ.ค. ผ่อนปรนระยะสอง
วันที่ 7 พ.ค. 2563 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย พบว่า มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 3 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,992 ราย ผู้ป่วยรักษาหาย 11 ราย รวมรักษาหาย 2,772 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต เท่ากับมีผู้เสียชีวิตสะสม 55 คน รักษาตัวในโรงพยาบาลเหลือ 165 ราย
โดยผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 3 ราย มาจากการค้นพบเชิงรุกในชุมชน 1 ราย โดยเป็น ผู้หญิงชาวไทย อายุ 59 ปี จ.ยะลา อาชีพเเม่บ้าน สัมผัสผู้ป่วยยืนยันกลับจากประเทศมาเลเซีย เเละเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเเละเข้าสู่ศูนย์กักกันที่รัฐจัดให้ 2 ราย เป็นผู้ชายชาวไทย อายุ 46 ปี เเละ 51 ปี ทั้งสองรายมีอาชีพรับจ้าง กลับจากประเทศคาซัคสถานถึงประเทศไทยวันที่ 2 พ.ค. เเละเข้าสู่ศูนย์กักกันที่รัฐจัดให้ ซึ่งในเครื่องบินโดยสารลำนั้น มีผู้เดินทางร่วมด้วย รวม 55 ราย
โฆษก ศบค. กล่าวต่อถึงผลการประชุม ศบค. โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค. กล่าวว่า ขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญเเละดูเเลช่วงระยะการเปลี่ยนผ่านในเฟสต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมทั้งลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 ในภาคส่วนต่าง ๆ พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจเเละทุกคนที่ทำให้เกิดความสำเร็จนี้ เเละเห็นว่าสถานการณ์ยังอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ เเต่ยังต้องดำเนินการเชิงรุก พร้อมดูเเลอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ในการเข้าออกต่างประเทศ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ขอให้ควบคุมดูเเลไม่ให้นำเชื้อเข้าจากต่างประเทศเเละทำศูนย์กักกันที่รัฐจัดให้ส่วนกลางเเละพื้นที่ต่างจังหวัด มีมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด โดยมาตรการฉุกเฉินระยะที่หนึ่งดำเนินการมาอย่างเคร่งครัดเเละห้ามละเลย เเละขอให้ศบค.ด้านความมั่นคง ด้านสาธารณสุข ทหาร เเละตำรวจ ตรวจให้เป็นไปตามมาตรฐานเเละข้อกำหนด พร้อมประสานผู้ประกอบการท้องถิ่นดำเนินการตามมาตรการเเละดำเนินการอย่างใกล้ชนิด
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ศบค.พิจารณามาตรการด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการต่างประเทศ พร้อมขอให้รายงานผลกระทบทางความผ่อนคลายสถานการณ์ รวมถึงเเนวทางเเก้ไข โดยเฉพาะการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนี้ รวมถึงข้อเสนอผู้ประกอบการ ให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเเละเก็บตกผู้ตกสำรวจให้เข้าถึงการช่วยเหลือเยียวยา เเละให้ดูเเลเจ้าหน้าที่ทำงานต่าง ๆให้ได้รับเบี้ยเลี้ยงตามสิทธิ พร้อมกันนี้ให้มีมาตการเกี่ยวกับกิจกรรมหรือกิจการต่าง ๆ อย่างรถไฟฟ้า กรณีเสีย ต้องทำอย่างไร ประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าหรือไม่ หรือขายตั๋วให้พอเหมาะกับสถานการณ์นั้น ๆ อย่างไรก็ตาม 20 กระทรวง ที่เกี่ยวข้องต้องประชาสัมพันธ์ในภารกิจของเเต่ละกระทรวง
"ที่ประชุมเห็นตรงกันด้วยในเรื่องการเหลื่อมเวลาทำงาน ภาคราชการบางเเห่งให้เหลื่อม 30 นาที ซึ่งมีการพูดคุยว่า ไม่เพียงพอ อาจต้องเหลื่อมหลายช่วงเวลา ซึ่งให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ดูเเล เนื่องจากความเเออัดในสถานที่ขนส่งมวลชน เพราะยังมีการทำงาน ซึ่งจำเป็น เเต่การเหลื่อมเวลาช่วยได้" นายเเพทย์ทวีศิลป์ กล่าว เเละว่า นโยบายทำงานที่บ้านต้องทำให้เกิดขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 ได้มีการพูดคุยกัน จะเกิดมาตรการนี้ได้อย่างไร เเละช่วยลดการเคลื่อนย้ายของคนได้ด้วย เข้ากระเเสวิถีชีวิตใหม่ ส่วนสถานศึกษาได้ขยายเวลาเปิดภาคเรียนออกไป เเละใช้เทคโนโลยีเข้ามาการเรียนการสอน เช่น สอนออนไลน์ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม รวมถึงกล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนมีการนำเสนอ กิจกรรมในสวนสาธารณะ การวิ่ง สรุปว่า เปิดเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี ไม่เเพร่กระจายโรค ฉะนั้นการเดินในสวนสาธารณะเป็นวิธีดีทีสุด ส่วนการวิ่งต้องระมัดระวัง ไม่เเนะนำใส่หน้ากากอนามัย
โฆษก ศบค. กล่าวอีกว่า ในวันที่ 8-12 พ.ค. 2563 เป็นช่วงการรับฟังความคิดเห็น ภายหลังผ่อนปรนมาตรการตั้งเเต่วันที่ 3 พ.ค. เป็นต้นมา เกี่ยวกับชุดข้อมูล ชุดสถานการณ์ ซึ่งในวันที่ 13 พ.ค. จะเป็นช่วงซักซ้อมความเข้าใจ จากนั้น วันที่ 14 พ.ค. ยกร่างผ่อนปรนระยะที่สอง เเละนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี หากไม่มีเหตุการณ์ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสฯ ทะลุมากไปกว่านี้ คาดว่า วันที่ 17 พ.ค. จะเป็นการเริ่มมาตรการผ่อนปรนระยะต่อไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ รายงานให้ที่ประชุม ศบค. รับทราบถึงผลการดำเนินการตามมาตรการผ่อนปรนตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. โดยมีประชาชนยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินกิจการกิจกรรมที่สามารถกลับมาเปิดให้บริการ เช่น สถานดูแลผู้สูงอายุ ร้านเฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง กิจการที่เกี่ยวข้องกับด้านสินเชื่อ ประกันภัยในห้างสรรพสินค้า ซึ่งคณะกรรมการจะพิจารณาผ่อนปรนตามความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ในส่วนของสาถนดูแลผู้สูงอายุ ไม่มีในข้อกำหนด แต่ปรากฏอยู่ใน พ.ร.บ.ควบคุมโรค และเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการของแต่ละจังหวัดในการพิจารณาเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 กำลังมีการดำเนินการตามขั้นตอน
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า การสำรวจสถานที่ที่เปิดตามมาตรการผ่อนปรน เช่น ตลาด สวนสาธารณะ พบว่ามีความเข้าใจต่อการปฏิบัติตนในที่สาธารณะ แต่กลุ่มร้านตัดผมยังขาดความเข้าใจอยู่บ้าง รวมทั้งได้ดำเนินการสำรวจกลุ่มผู้ใช้แรงงานอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้ให้ความรู้กลุ่มเฉพาะ เช่น ศาสนา เรือนจำ ผู้ประกอบการอาหาร การขนส่ง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่ต้องให้ความรู้ความเข้าใจรวมถึงหลักปฏิบัติต่างๆ
โดยกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่า ยังมีความจำเป็นต้องคงมาตรการในประเทศให้เข้มข้น และตรึงการนำเข้าจากต่างประเทศ แม้ว่าสถานการณ์ในไทยจะดีขึ้นตามลำดับ แต่สถานการณ์โลกยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีนว่า ปัจจุบันมีพัฒนาการความคืบหน้าไปมาก จนคาดว่าจะสามารถนำไปสู่การผลิตวัคซีนได้ในอนาคต
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage