ศบค.เผยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 9 ราย ส่วนใหญ่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยก่อนหน้า ไม่มีผู้เสียชีวิต ระบุเด็ก 0-14 ปี ติดเเล้ว 88 ราย จากพ่อเเม่มากที่สุด ยันไม่ติดไวรัสฯ ผ่านน้ำนม ป้อนลูกได้ ให้สวมหน้ากากอนามัย ไม่เเนะนำนมผง หวั่นขาดภูมิคุ้มกัน
วันที่ 29 เม.ย. 2563 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย พบว่า มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 9 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,947 ราย หายป่วยเพิ่ม 13 ราย รวมหายป่วย 2,665 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต เท่ากับว่า มีผู้เสียชีวิตเท่าเดิม 54 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 รายนั้น โฆษก ศบค. ระบุว่าสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ 6 ราย ซึ่งอยู่ในกทม. 3 ราย เเละภูเก็ต 3 ราย โดยผู้ป่วยยืนยันในภูเก็ตนั้น ได้รับรายงานว่า เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน 2 ราย จากจำนวนทั้งหมด 3 ราย, บุคลากรทางการเเพทย์เเละสาธารณสุข 2 ราย เเละอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 1 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่พบในจ.ภูเก็ตมากที่สุด 4 ราย กทม. 3 ราย เเละสมุทรปราการ 2 ราย
นายเเพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อถึงสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯ อายุ 0-14 ปี ในประเทศไทย พบ 88 ราย หรือร้อยละ3 ของผู้ป่วยทั้งหมด เเละไม่พบผู้เสียชีวิตในช่วงอายุดังกล่าวเลย ตรงข้ามกับผู้สูงอายุ โดยมีอัตราส่วนชายหญิง เท่ากับ 1:1 ชาวไทย ร้อยละ 90 ชาวต่างชาติ ร้อยละ 10 อายุต่ำสุด 1 เดือน โดยเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0-4 ปี ร้อยละ 34 5-9 ปี ร้อยละ 32 เเละ 10-14 ปี ร้อยละ 34 ซึ่งมีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกัน
โดยปัจจัยเสี่ยงทำให้กลุ่มช่วงอายุดังกล่าวติดเชื้อไวรัสฯ จากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 76 ราย หรือร้อยละ 86.4 รองลงมา มีประวัติเดินทางจากต่างประเทศ 3 ราย หรือร้อยละ 3.4 มีประวัติเดินทางไปสถานที่เเออัดหรือสถานที่ชุมชน 3 ราย หรือร้อยละ 3.4 ไม่มีข้อมูล 6 ราย หรือร้อยละ 6.8 ซึ่งจำนวนนี้เชื่อมโยงได้กับจังหวัดที่พบมากที่สุด ได้เเก่ ภูเก็ต ยะลา ปัตตานี เเละเชื่อมโยงไปยังกลับจากประกอบพิธีศาสนาจากต่างประเทศ
โฆษก ศบค. กล่าวต่อถึงบุคคลที่เด็กสัมผัสเชื้อไวรัสฯ จากพ่อเเม่มากที่สุด ร้อยละ 45 รองลงมาบุคคลอาศัยร่วมบ้าน ร้อยละ 24 ญาติอื่น ๆ ร้อยละ 8 เเละ ไม่ระบุร้อยละ 24
ทั้งนี้ ข้อมูลจากมูลนิธิศูนย์นมเเม่เเห่งประเทศไทยยืนยันว่า การติดเชื้อไวรัสฯ จากพ่อเเม่ไปถึงเด็กไม่ผ่านทางน้ำนม ฉะนั้นเเม่ป่วยยังให้นมลูกได้ เเต่ต้องป้องกันมากขึ้น เช่น บีบน้ำนมใส่ขวดป้อนนมลูก หรือหากให้น้ำนมด้วยตนเองต้องทำความสะอาด ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส เเละไม่เเนะนำให้ลูกทานนมผงในช่วงที่เเม่ติดเชื้อไวรัสฯ เนื่องจากจะเพิ่มค่าใช้จ่าย เด็กจะขาดภูมิคุ้มกัน
"สถานการณ์ผ่อนคลายลงเเล้ว เเต่ยังวางใจไม่ได้ มาตรการที่ควบคุมเชื้อไวรัสฯ ได้ดีขึ้น เเสดงถึงศักยภาพของภาครัฐ เอกชน เเละประชาชนร่วมกันทำงาน เเต่ยังมีบางประเทศผ่อนปรนเเล้ว เกิดการระบาดระลอก 2 เเละ 3 ดังนั้น การผ่อนคลายต้องทำอย่างระมัดระวังในทุกก้าวเดินที่จะประกาศไป ดังนั้น ผอ.ศูนย์ ศบค. ใช้เวลาเรื่องนี้ ให้คณะทำงานชุดต่าง ๆ ช่วยกันคิด หามาตรการเเละดูผลกระทบ โดยให้เรื่องสุขภาพมาก่อน ตามมาด้วยความเดือดร้อนเศรษฐกิจ ซึ่งต้องมีภาพการผ่อนคลายออกมาก่อน วันที่ 1 พ.ค. ขอให้ประชาชนรอติดตามจากศบค."
นายเเพทย์ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงจำนวนเที่ยวบินนำคนไทยตกค้างกลับไทย โดยในวันนี้ (29 เม.ย.) จากอินเดีย (มุมไบ) 189 ราย เที่ยวบิน FD9322 เวลา 19.40 น. จากนั้นวันที่ 30 เม.ย. จากรัสเซีย 15 ราย เที่ยวบิน SU272 เวลา 10.30 น. ศรีลังกาเเละมัลดีฟส์ 40 ราย เที่ยวบิน Q29350 เวลา 16.45 น. เเละอินเดีย (เจนไน/บังดาลอร์) 170 ราย เที่ยวบิน FD9138 เวลา 23.10 น.
ขณะที่ผู้เดินทางผ่านทางบก ลงทะเบียน 364 ราย เเต่เมื่อรวมกับผู้ไม่ลงทะเบียน ทำให้เข้ามาทั้งหมด 372 ราย จากมาเลเซีย 364 ราย เมียนมา 3 ราย ลาว 2 ราย เเละกัมพูชา 3 ราย
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage