เป็นทางการ! ป.ป.ช.เผยมติข้างมาก 5:1 ตีตกข้อกล่าวหา ‘ครม.ยิ่งลักษณ์-พวก’ 35 ราย ผ่านร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แจงเคยมีการตราเป็นกฎหมายลักษณะนี้หลายครั้ง ไม่เคยขัด รธน. เชื่อการเสนอร่างดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายที่ฝ่ายบริหารแถลงต่อสภา ฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ตรวจสอบ ส่วนคำวินิจฉัยศาล รธน.เป็นความรับผิดชอบทางการเมือง โดนได้แค่ถอดถอน-อภิปรายไม่ไว้วางใจ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2563 นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงถึงเรื่องกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับคณะรัฐมนตรีรวม 35 คน กรณีร่วมกันมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... (ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท) และเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 169 และมาตรา 170 เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมีนายณรงค์ รัฐอมฤต เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวน
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2556 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับพวก ในฐานะคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา และต่อมาสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 66 คน ได้ร่วมกันเข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 169 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 ประธานรัฐสภาจึงได้มีหนังสือลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 ส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 3-4/2557 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2557 ว่าร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทดังกล่าว ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 169 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสอง ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นสาระสำคัญมีผลให้ร่างพระราชบัญญัตินี้เป็นอันตกไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคสาม
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยในขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ไม่ได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องการขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 169 และมาตรา 170 มาพิจารณา เนื่องจากเนื้อหาตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้เคยมีการตราไว้เป็นกฎหมาย ในทำนองเดียวกันมาหลายครั้ง โดยรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับ ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีข้อความในทำนองเดียวกัน กับมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และที่ผ่านมาไม่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการขัดรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหา กับพวก เชื่อว่าการเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้งในการเสนอร่างพระราชบัญญัติของผู้ถูกกล่าวหา กับพวก ในฐานะคณะรัฐมนตรีฝ่ายบริหารเป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา อันไม่ใช่หน้าที่ทั่วไปหรือตามที่กฎหมายกำหนด ตามองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 123/1 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เมื่อมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปยังรัฐสภา ฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่โดยตรงในการพิจารณาและตรากฎหมาย มีอำนาจพิจารณาเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ หรือมีอำนาจการแก้ไขได้ เป็นการตรวจสอบ ถ่วงดุลและคานอำนาจฝ่ายบริหารของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเป็นไปตามหลักการแบ่งแยกการใช้อำนาจอธิปไตย และเป็นการกระทำของรัฐบาลที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับรัฐสภา เป็นไปตามหลักทฤษฎีการกระทำของรัฐบาล ซึ่งโดยหลักการศาลปกครองหรือศาลยุติธรรมจะไม่เข้าไปตรวจสอบ เว้นแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบว่าพระราชบัญญัติใดมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้ามีบทบัญญัติใดที่รัฐบาลเสนอมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ต้องรับผิดชอบในทางการเมืองในเรื่องกระบวนการถอดถอนหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือการตั้งกระทู้ถามอันเป็นการตรวจสอบโดยฝ่ายนิติบัญญัติ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 1 ว่าการกระทำดังกล่าวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-35 ไม่มีมูลความผิดตามที่กล่าวหา ให้ข้อกล่าวหาเป็นอันตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยมีมติตีตกข้อกล่าวหาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปแล้วอย่างน้อย 7 คดี ได้แก่ 1.คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้ให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ตัวเองและรัฐมนตรี 2.คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ บริหารจัดการน้ำผิดพลาดจนเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 3.คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช. ในการเปิดเผยราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 4.คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ คุมม็อบ กปปส. 5.คดี ครม.ยิ่งลักษณ์ กับพวก ลงมติเห็นชอบใน พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำโดยมิชอบ 6.คดีปล่อยให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงาน ‘มวยมาเก๊า’ ผ่านช่อง 11 และล่าสุด 7.คดีชงร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เข้าสภาโดยมิชอบ
ยังเหลือคดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนอีก 6 คดี ได้แก่ 1.คดีถูกกล่าวหาร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย หัวหน้ากลุ่มวังน้ำยม กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ร่วมกับข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มเอกชนเครือสยามอินดิก้า (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ส่งหนังสือแจ้งข้อหา 71 รายพันคดีข้าวจีทูจีล็อต 2-‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา’ด้วย)
2.คดีโยกย้ายข้าราชการโดยมิชอบ (กรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ) 3.คดีจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง 4.คดีละเว้นไม่ลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชา กรณี รมว.มหาดไทย (นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ) กับพวกปราศรัยรุนแรง-แบ่งแยกประเทศ 5.คดีร่ำรวยผิดปกติ กรณีครอบครองนาฬิกาเรือนละ 2.5 ล้านบาท 6.คดีร่ำรวยผิดปกติกรณีเกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว
อ่านประกอบ :
ขยายผลจาก‘บุญทรง’!มติทางการ ป.ป.ช. ไต่สวน‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เจ๊แดง’ คดีข้าว-มันจีทูจี
‘ปู-11 รมต.’รอด! ป.ป.ช.ตีตกใช้ พ.ร.บ.มั่นคงคุมม็อบ กปปส.ป้องขวาง พ.ร.บ.นิรโทษฯ
พี่น้องชินวัตรรอดอีกคดี! ป.ป.ช.ตีตกกล่าวหา‘ปู’พีอาร์ตัวเอง-‘แม้ว’แปรรูป กฟผ.
สถานะ 11 คดี‘ยิ่งลักษณ์’ในชั้น ป.ป.ช. วิบากกรรมหลังสู้คดีข้าว-ชดใช้ 3.5 หมื่นล.
ป.ป.ช.ลุยสอบ“ยิ่งลักษณ์”ซื้อนาฬิกาเรือนละ 2.5 ล.ไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน
"ยิ่งลักษณ์"อ้างขายนาฬิกาก่อนรับตำแหน่งนายกฯ เหตุไม่แจ้งทรัพย์สิน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/