ครม.เห็นชอบขยายเพดานการเบิกจ่าย 'งบพลางก่อน' เป็น 75% ของแผนงานปี 62 จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 50% หลังพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ล่าช้าออกไปไม่มีกำหนด
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 ไปพลางก่อน (เพิ่มเติม) โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้หน่วยรับงบประมาณได้เป็นไม่เกิน 3 ใน 4 หรือ 75% แผนงานและรายการตามพ.ร.บ.งบประมาณปี 2562
ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณสามารถใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันไปพลางก่อนได้อย่างต่อเนื่อง และบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 จะประกาศใช้ล่าช้าออกไปอีก ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ระยะเวลาได้ในชั้นนี้
ก่อนหน้านี้ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 ส.ค.2562 ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปี 2562 ไปพรางก่อน แก่หน่วยรับงบประมาณได้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง หรือ 50% ของแผนงานฯตามพ.ร.บ.งบประมาณปี 2562 เนื่องจากพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ไม่สามารถประกาศใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.2562
อย่างไรก็ตาม ในกรณีมีความจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณเกินกว่าหรือนอกเหนือจากที่กำหนดดังกล่าว ให้สำนักงบประมาณมีอำนาจจัดสรรงบประมาณได้ตามความจำเป็น แต่ไม่เกินวงเงินงบประมาณรายจ่ายแต่ละแผนงาน/รายการ ตามพ.ร.บ.งบประมาณปี 2562 แต่ทำได้เฉพาะใน 3 กรณี ได้แก่
1.เป็นรายจ่ายตามข้อผูกพันสัญญา และคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล 2.ต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่รัฐบาลทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ และ3.สำหรับภารกิจพื้นฐานหรือมีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
นอกจากนี้ สำหรับรายการผูกพันงบประมาณรายจ่ายข้ามปีที่ได้ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว แต่งบประมาณปี 2562 มีไม่เพียงพอใช้จ่ายตามข้อผูกพันที่ต้องจ่ายในปีงบ 2563 ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณปี 2563 ของหน่วยรับงบประมาณ ซึ่งต้องหักออกจากแผนงานและรายการที่ได้รับจัดสรรงบ เมื่อพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ประกาศใช้บังคับแล้ว
อ่านประกอบ
‘ไวรัสโคโรน่า-งบปี’63 ช้า’ ฉุดศก.ไตรมาสแรก ‘ลงลึก’ แบงก์ชาติจ่อหั่นจีดีพีต่ำ 2.8%
ร่างพ.ร.บ.งบปี’ 63 ส่อ ‘แท้ง’ ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยซบยาว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/