ศาลฎีกาฯยกคำร้อง คดีที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย-อดีตบิ๊ก ธอส. ไม่แจ้งเงินฝาก ตนเอง คู่สมรส 14 บัญชี เงินเบิกเกิน 3 ที่ดิน 6 แปลง เหตุ ป.ป.ช.มีมติ 7 มิ.ย.61 แต่ส่งฟ้องขณะกม. ฉบับใหม่บังคับใช้ ไม่กำหนดตำแหน่งให้มีหน้าที่ต้องยื่นกรณีพ้น 1 ปี รับอานิสงส์
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา ยกคำร้อง คดีที่ คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องกล่าวหา นายศักดาพินิจ ณรงค์ชาติโสภณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เนื่องจาก ป.ป.ช.ยื่นคำร้อง ขณะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้ตำแหน่งที่ปรึกษามีหน้านที่ต้องยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นตำแหน่งหนึ่งปี ถือว่าไม่มีความผิด
สรุปคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ. เชียงราย เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2557 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2558 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน ได้แก่ เงินฝากธนาคารของผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 10 บัญชี เงินฝากธนาคารของนางอัญชลีศรณ์ ธรรมเพลิน คู่สมรส จำนวน 4 บัญชี เงินเบิกเกินบัญชีของผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 3 บัญชี ที่ดินของผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรส รวม 6 แปลง ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริง
และเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวต่อผู้ร้องแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหาเพิกเฉย
องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากว่า ก่อนวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้อง มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. 2561 โดยมาตรา 3 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แม้บทเฉพาะกาลตามมาตรา 188 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 บัญญัติว่า “ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้มีมติว่า ผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบไว้แล้วในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับให้เป็นอันใช้ได้ และให้ดำเนินการต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้” ซึ่งหมายความว่าผู้ร้องมีอำนาจดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว ต้องอยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 ด้วย เมื่อปรากฏว่าคดีนี้ผู้ร้องมีมติเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2561 ก่อนวันที่ 22 ก.ค.2561 ที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ และผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลในวันที่ 17 ก.ย.2561 อันเป็นเวลา ภายหลังที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับแล้ว จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับขณะยื่นคำร้องมาบังคับแก่คดีนี้ซึ่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 105 วรรคสาม (1) ไม่ได้กำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้น ไม่เป็นความผิดต่อไป ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นผู้กระทำการนั้นย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ทั้งไม่อาจห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งได้ ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคท้าย
พิพากษายกคำร้อง. (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ อม.25/2562 วันที่ 25 ก.พ.2562)
ทั้งนี้ นายศักดาพินิจ เคยมีตำแหน่งเป็น รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
อ่านประกอบ:
อ้างเพื่อนยืมชื่อถือหุ้น! ศาลฎีกาฯฟันนายก อบต. จ.ตราด ยื่นบัญชีฯเท็จ ป.ป.ช.
ศาลฎีกาฯฟัน สจ.มุกดาหาร ซุกหุ้นชิปปิ้ง 2.5 ล.-รองนายก อบต.จ.พังงา ปกปิดเงิน 5 บช.
ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน อดีต ส.ส.-รองนายก อบจ.สกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯ รอลงโทษ 1 ปี
ซุกรถ ที่ดิน เงินฝาก!ศาลฎีกาฯฟันเลขาฯนายก อบจ.สมุทรสงคราม คุก3เดือน รอลงโทษ1ปี
ศาลฎีกายกคำร้อง 2 รองนายก อบต. จ.เชียงราย-แม่ฮ่องสอน คดีทรัพย์สิน ป.ป.ช.ยื่นฟ้องช้า
ศาลฎีกาฯฟันนายกเทศมนตรีพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซุก ป.ป.ช. เงินฝาก 10 ล. ที่ดิน 3 แปลง
4 คดีทรัพย์สินนักการเมืองท้องถิ่น ศาลฎีกายกคำร้อง เหตุ ป.ป.ช.ยื่นหลัง กม.ใหม่บังคับ
สรุปคำพิพากษาฟัน 4 นักการเมืองท้องถิ่น จ.ปัตตานี สกลนคร กาญจนบุรี ตาก ไม่ยื่นบัญชีฯ
พฤติกรรม ส.อบจ.ลำปาง ซุกเงินฝาก เงินกู้ยืม ป.ป.ช.-ศาลจำคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 2 เดือน ไม่รอลงโทษ นักการเมืองท้องถิ่น จ.อุตรดิตถ์ ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.สุราษฎร์ฯ-ร้อยเอ็ดไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯสั่งคุก 1 เดือน-รอลงโทษ 1 ปี รองฯเทศมนตรี จ.นครสวรรค์ ซุกหุ้น-เงินฝาก 13 บัญชี
ศาลฎีกาฯยกคำร้อง 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.ลำพูน-นราฯ ซุกบัญชีฯ เหตุ ป.ป.ช.ยื่นหลัง กม.บังคับ
ดูชัดๆ อดีตปธ.สภา อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. ศาลฎีกาฯฟันยื่นบัญชีฯเท็จ
อย่าลืมฉัน! สมบัติ-นพ.วีระวุฒิ-เมียอริสมันต์ มีคดีรวยผิดปกติในศาลฎีกาฯปี 62
รายชื่อ 190 คนไม่ยื่นบัญชีฯ-ซุกทรัพย์สินรอบปี 61 - รองนายก อบต.อื้อ 93 ราย
เผยปี 2561 คดีไม่ยื่นบัญชีฯ-ซุกทรัพย์สิน ทะลัก 190 คน ‘ธาริต-พงศ์พัฒน์-ชูวิทย์’ติดกลุ่ม