ศาลฎีกาฯฟัน เลขาฯนายก อบจ.สมุทรสงคราม ยื่นทรัพย์สินเท็จ ซุกรถยนต์ เงินฝาก 4 บัญชี ที่ดิน 1 แปลง รถจยย. 1 คัน อ้างเมียจัดเก็บ คิดว่าขายแล้ว หลงลืม จำคุก 3 เดือน ปรับ 12 ,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 4 มิ.ย.2562 เผยแพร่ว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2562 ศาลฎีกาแผกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา นายโสภณ หอสว่างวงศ์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสงคราม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตําแหน่ง กรณีพ้นจากตําแหน่ง และกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี ในการดํารงตําแหน่งเลขานุการนายก อบจ.สมุทรสงคราม ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 จําคุก 3 เดือนและปรับ 12,000 บาท รอการลงโทษจำคุก มีกําหนด 1 ปี คำพิพากษาระบุว่า
ผู้ร้อง (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตําแหน่ง กรณีพ้นจากตําแหน่ง และกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดํารงตําแหน่งเลขานุการนายก อบจ.สมุทรสงคราม ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหา ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตําแหน่ง กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ
พิเคราะห์คําร้อง เอกสารประกอบคําร้อง และคําให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว เห็นว่า คดีวินิจฉัยได้โดยไม่จําต้องเรียกพยานมาไต่สวน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้ง ให้ดํารงตําแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตําแหน่ง โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา และนางเบญจพร หอสว่างวงศ์ คู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 948-2005222 จํานวนเงิน 191,890.21 บาท ทรัพย์สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 709-012157-7 จํานวนเงิน 116,013.81 บาท เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 515-242252-2 จํานวนเงิน 74,774.97 บาท โฉนดที่ดินเลขที่ 30313 ตําบลท้ายหาด อําเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม และรถจักรยานยนต์ เลขทะเบียน กจธ 0154 สมุทรสงคราม ส่วนกรณีพ้นจากตําแหน่ง ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 709-012157-7 จํานวนเงิน 135,823.60 บาท เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 515 242252-2 จํานวนเงิน 173,554.39 บาท โฉนดที่ดินเลขที่ 30313 ตําบลท้ายหาด อําเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม และรถจักรยานยนต์ เลขทะเบียน กจธ 0154 สมุทรสงคราม สําหรับกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เลขทะเบียน กข 7336 สมุทรสงคราม และไม่แสดงรายการ ทรัพย์สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 709-012157-7 จํานวนเงิน 181,216.72 บาท เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 404-803415-6 จํานวนเงิน 51,743.57 บาท เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 515-2422522 จํานวนเงิน 5,242.71 บาท เงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 948-210837-1 จํานวนเงิน 11,712.17 บาท โฉนดที่ดินเลขที่ 30313 ตําบลท้ายหาด อําเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม และรถจักรยานยนต์เลขทะเบียน กจธ 0154 สมุทรสงคราม
ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวต่อผู้ร้องแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงว่า กรณีบัญชีเงินฝาก หากมีชื่อคู่สมรส คู่สมรสจะเป็นผู้เก็บรักษาสมุดบัญชี ไม่ทราบว่ามีทั้งหมดกี่บัญชี ส่วนที่ไม่แสดงรายการ โฉนดที่ดินของคู่สมรส เพราะที่ดินถูกนําไปจํานองกับธนาคาร ต่อมามีการไถ่ถอนจํานอง ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่า คู่สมรสขายที่ดินดังกล่าวไปแล้ว ส่วนที่ไม่แสดงรายการรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพราะหลงลืม
มีปัญหาต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่า ในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2561 โดยมาตรา 3 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นั้น คดีนี้จะใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม บังคับได้หรือไม่ เห็นว่า เนื่องจากมีบทเฉพาะกาล ตามมาตรา 192 วรรคท้าย ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 บัญญัติว่า เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาและพิพากษาของศาล สําหรับคดีที่ยื่นฟ้องหรือยื่นคําร้องต่อศาลไว้แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ นี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังมีผลใช้บังคับอยู่จนกว่าคดีจะถึงที่สุด และมาตรา 199 บัญญัติว่า การดําเนินคดี ที่ดําเนินการกับผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่น ในฐานะที่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองที่ดําเนินการอยู่ในศาลแล้ว ให้ศาลที่รับไว้พิจารณา มีอํานาจดําเนินการต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยให้ถือเสมือนว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ดังนั้น จึงให้ใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม บังคับแก่คดีนี้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตําแหน่ง กรณีพ้นจากตําแหน่ง และกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี หรือไม่
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 บัญญัติว่า ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง หมายความว่า ... (7) ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น และผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา และผู้ร้องออกประกาศคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมือง พ.ศ. 2554 ข้อ 4 (3) (ค) กําหนดให้ผู้ดํารงตําแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นมา ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มีหน้าที่ยืนบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต่อผู้ร้องภายในสามสิบวัน นับแต่วันเข้ารับตําแหน่ง วันพ้นจากตําแหน่ง และวันที่พ้นจากตําแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตําแหน่ง กรณีพ้นจากตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรส รวมแล้วได้แก่ เงินฝาก ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) เงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) โฉนดที่ดิน รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดง รายการทรัพย์สินดังกล่าวต่อผู้ร้องแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงว่า กรณีบัญชีเงินฝากหากมีชื่อคู่สมรส คู่สมรสจะเป็นผู้เก็บรักษาสมุดบัญชี ไม่ทราบว่ามีทั้งหมดกี่บัญชี ส่วนที่ไม่แสดงรายการโฉนดที่ดิน ของคู่สมรสเพราะที่ดินถูกนําไปจํานองกับธนาคาร ต่อมามีการไถ่ถอนจํานองและผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่า คู่สมรสขายที่ดินดังกล่าวไปแล้ว ส่วนที่ไม่แสดงรายการรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพราะหลงลืม คําชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการง่ายต่อการกล่าวอ้าง ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีน้ําหนักเพียงพอให้รับฟัง ประกอบกับในชั้นพิจารณาผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหามีเหตุอันควร เชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สําคัญของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการ ในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อํานาจรัฐ จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตําแหน่ง กรณีพ้นจาก ตําแหน่ง และกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี มีผลห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง นอกจากนี้ การกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
พิพากษาว่า นายโสภณ หอสว่างวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตําแหน่ง กรณีพ้นจากตําแหน่ง และกรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี ในการดํารงตําแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจาก ตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทําของผู้ถูกกล่าวหา เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจําคุก 6 เดือน และปรับ 24,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่ การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 3 เดือนและปรับ 12,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 29, 30.
(คดีหมายเลขแดงที่ อม.9/2562 -30 ม.ค.2562)
อ่านประกอบ:
ศาลฎีกายกคำร้อง 2 รองนายก อบต. จ.เชียงราย-แม่ฮ่องสอน คดีทรัพย์สิน ป.ป.ช.ยื่นฟ้องช้า
ศาลฎีกาฯฟันนายกเทศมนตรีพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซุก ป.ป.ช. เงินฝาก 10 ล. ที่ดิน 3 แปลง
4 คดีทรัพย์สินนักการเมืองท้องถิ่น ศาลฎีกายกคำร้อง เหตุ ป.ป.ช.ยื่นหลัง กม.ใหม่บังคับ
สรุปคำพิพากษาฟัน 4 นักการเมืองท้องถิ่น จ.ปัตตานี สกลนคร กาญจนบุรี ตาก ไม่ยื่นบัญชีฯ
พฤติกรรม ส.อบจ.ลำปาง ซุกเงินฝาก เงินกู้ยืม ป.ป.ช.-ศาลจำคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 2 เดือน ไม่รอลงโทษ นักการเมืองท้องถิ่น จ.อุตรดิตถ์ ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.สุราษฎร์ฯ-ร้อยเอ็ดไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯสั่งคุก 1 เดือน-รอลงโทษ 1 ปี รองฯเทศมนตรี จ.นครสวรรค์ ซุกหุ้น-เงินฝาก 13 บัญชี
ศาลฎีกาฯยกคำร้อง 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.ลำพูน-นราฯ ซุกบัญชีฯ เหตุ ป.ป.ช.ยื่นหลัง กม.บังคับ
ดูชัดๆ อดีตปธ.สภา อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. ศาลฎีกาฯฟันยื่นบัญชีฯเท็จ
อย่าลืมฉัน! สมบัติ-นพ.วีระวุฒิ-เมียอริสมันต์ มีคดีรวยผิดปกติในศาลฎีกาฯปี 62
รายชื่อ 190 คนไม่ยื่นบัญชีฯ-ซุกทรัพย์สินรอบปี 61 - รองนายก อบต.อื้อ 93 ราย
เผยปี 2561 คดีไม่ยื่นบัญชีฯ-ซุกทรัพย์สิน ทะลัก 190 คน ‘ธาริต-พงศ์พัฒน์-ชูวิทย์’ติดกลุ่ม