
เปิดข้อมูลใหม่ เบื้องหลัง MOU บ.สิงคโปร์ พบ 'วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ' อดีตปลัดฯ ทำบันทึกเสนอ 'ประเสริฐ จันทรรวงทอง' รมว.ดีอี พิจารณา พ่วงขอความเห็นชอบให้ตัวเองลงนามในฐานะตัวแทนกระทรวงด้วย เผยเป็นการดำเนินงานความร่วมมือศึกษาตั้งศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลออนไลน์แห่งอนาคตเอกลักษณ์ระดับโลกดึงดูดการลงทุนมาไทย หลังก่อนหน้านี้เจ้าตัวเองแจง "จำไม่ได้"
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณีปรากฏข่าวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้สั่งยกเลิกบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ระหว่างกระทรวงดีอีกับบริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี (Prime Opportunity Fund VCC) จากสิงคโปร์ เนื่องจากพบข้อพิรุธและปัญหาหลายประการ รวมถึงความไม่โปร่งใสในกระบวนการจัดทำและการนำไปใช้ประโยชน์ที่อาจนำไปสู่ความเสียหาย
ต่อมา สำนักข่าวอิศรา ได้รับมอบภาพถ่ายพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ระหว่างกระทรวงดีอีกับบริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี (Prime Opportunity Fund VCC) จากสิงคโปร์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ตัวแทนกระทรวงดีอีที่ลงนามใน MOU ฉบับนี้ คือ ศาสตรจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงฯ ในขณะนั้น ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยภาพถ่ายดังกล่าว มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอี ในขณะนั้น และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย และนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ร่วมถ่ายภาพเป็นสักขีพยานด้วย

- ‘ไชยชนก’ สั่งยกเลิก MOU บ.สิงคโปร์ หลังพบพิรุธเพียบ รับอาจเอี่ยวบุคคลโดนสหรัฐฯคว่ำบาตร
- เปิดเอกสารเต็ม MOU กระทรวง DE-บ.สิงคโปร์ หาผู้เชี่ยวชาญ IT 500 คน ทำศูนย์การเงินดิจิทัล
- เปิดภาพพิธีลงนามMOUกระทรวง DE-บ.สิงคโปร์ 'ธรรมนัส-เบน-นฤมล' ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน
- ไชยชนก สั่งสอบเพิ่มMOU บ.สิงคโปร์ เพิ่งเห็นภาพ'เบน'ครั้งแรก-ตรงสมมุติฐานเกี่ยวพันกัน
- คนเดียวกัน? ตัวแทนบ.สิงคโปร์ ลงนามMOU-ดีอี ชื่อเหมือนกก.บ.เมียยิมเลียก-เบน ปปง.อายัดทรัพย์
- แกะรอยเอกสาร! ตัวแทนบ.สิงคโปร์ ลงนามMOU-ดีอี & กก.บ.เมียยิมเลียก-เบน คนเดียวกันหรือไม่?
- ดูกันจุใจ! เปิดภาพชุด 12 ใบ พิธีลงนามMOUกระทรวง DE-บ.สิงคโปร์ 'เบน' โผล่-ไชยชนก สั่งสอบ
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากอดีตผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่งในกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ระหว่างกระทรวงดีอี กับ บริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี (Prime Opportunity Fund VCC) จากสิงคโปร์ที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ จุดเริ่มต้นมาจากการที่ บริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี ได้แจ้งความประสงค์มายังกระทรวงดีอี ว่า จะดำเนินการความร่วมมือในการศึกษาเรื่องระบบ Digital Economy แบบทันสมัยเพื่อรอบรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของประเทศไทย
ส่วนวัตถุประสงค์การจัดทำบันทึกความเข้าใจโครงการฯ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสร้างและจัดทำกรอบความร่วมมือการศึกษาความเป็นไปได้ของศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลและออนไลน์แห่งอนาคตที่มีเอกลักษณ์ระดับโลกในประเทศไทย ภายใต้ระบบนิเวศที่มีการควบคุมอย่างดี มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับธุรกิจโดยมีเป้าหมายของการศึกษาเพื่อพัฒนาศูนย์กลางธุรกิจและการเงินดิจิทัลที่มีศักยภาพ ส่งเสริมนวัตกรรมในปัจจุบันและอนาคตในสินทรัพย์ดิจิทัลและเสมือนบริการออนไลน์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อดึงดูดการลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจมายังประเทศไทย
ส่วนโครงการนำร่อง ประกอบด้วย ศูนย์ธุรกิจและการเป็นดิจิทัลระหว่างประเทศของประเทศไทย (Thailand International Digital Business & Finance Centre : TIDC) โดยโครงการจะเกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมการทดสอบพื้นที่ทดลอง (Sandbox) ในบริบทของกฎระเบียบเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำหนด (Digital Economy Regulatory Sandbox : DERS)
"เท่าที่จำได้ ในการดำเนินงานโครงการฯ นี้ ท่านวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงฯ ในขณะนั้น เป็นคนทำบันทึกเสนอเรื่องให้ท่านประเสริฐ จันทรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีในขณะนั้น พิจารณา และในการเสนอเรื่องดังกล่าว ท่านวิศิษฏ์ยังเป็นผู้เสนอขอความเห็นชอบให้ตนเองเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ในฐานะตัวแทนกระทรวงฯด้วย" อดีตผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงดีอี ระบุ


สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ก่อนหน้านี้ ศาสตรจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเซ็น MOU ดังกล่าว ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางช่องโทรทัศน์ สปริง นิวส์ ซึ่งมีนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ น.ส.อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
ศาสตรจารย์พิเศษวิศิษฏ์ ระบุว่า นโยบายกระทรวงดีอี มีมายาวนานแล้ว ในการลงนาม MOU กับภาคเอกชนที่มีความประสงค์จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เราก็จะมีการพิจารณาลงนาม MOU ให้ การลงนาม MOU ลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่ฉบับเดียว แต่มีมาแล้วหลายฉบับและเป็นกระบวนการปกติ
สำหรับการลงนาม MOU ก่อนที่เราจะลงนามได้ จะต้องผ่านกลไกปกติคือกองการต่างประเทศพิจารณาในเบื้องต้น และส่งไปขอความเห็นจากหน่วยงานภายนอก ได้แก่ อัยการสูงสุด, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการต่างประเทศ หากไม่มีข้อทักท้วงใดๆ ก็สามารถดำเนินการได้ต้องเรียนว่า MOU ไม่ใช่สัญญา แต่เป็นการประกาศความประสงค์ของบริษัทว่าจะทำอะไร
ใน MOU ระบุชัดเจนว่าบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย และไม่มีภาระผูกพันทางกฎหมายใดๆ ที่จะรับผิดชอบนอกเหนือจากนั้น สิ่งที่บริษัทประกาศว่าจะทำใน MOU จะยังไม่สามารถทำได้ จนกว่าจะมีกฎหมายอนุญาต และหากต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยงานใด ก็ต้องไปขอให้ครบถ้วน ดังนั้น MOU ไม่ได้สร้างสิทธิพิเศษใดๆ ให้กับบริษัท
ผมจำ MOU ไม่ได้ แต่โดยหลักการแล้ว บริษัทจะประกาศว่าอยากทำอะไรใน MOU แต่สิ่งที่จะทำนั้น "จะทำไม่ได้จนกว่าจะมีกฎหมายอนุญาต อันนี้เป็นหลักปกติ" MOU ไม่ได้ยกเว้นหรือให้สิทธิพิเศษใดๆ
@บุคคลที่จูงมือบริษัทเอกชนนี้มาพบและมาขอเซ็น MOU กับกระทรวงดีอีคือเลขาฯ รัฐมนตรีกระทรวงดีอีสมัยนั้นใช่หรือไม่?
ผมจำได้แต่เพียงว่าเรื่องนี้ต้องเข้ามาตามกระบวนการ ผมไม่มีเอกสารอยู่ในมือตอนนี้ แต่คิดว่าทางคุณดนัยน่าจะถามทางกระทรวงได้ เพราะลงนามไปเยอะมาก แต่ถ้าเอกสารเข้ามาอยู่ในฝ่ายประจำ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง มันมีประเด็นที่ผมอย่างจะเพิ่มคือ ข้อมูลในการพิจารณาอยู่ในช่วงต้นปี 2567 ผมไม่แน่ใจว่ามีข้อมูลที่ทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยหรือไม่ ผมก็ยังไม่เห็นประเด็น ส่วนคนที่มาถ่ายภาพลงนาม เราก็ได้รับแจ้งมาจาก VCC* และดำเนินการไปตามนั้น ไม่ได้มีการรู้จักกันเป็นการส่วนตัว
@พอจะจำได้หรือไม่ว่าบริษัทสิงคโปร์ที่ชื่อ "Prime Opportunity Fund VCC" ทำอะไรและเป็นของใคร?
ผมจำไม่ได้ว่าบริษัททำอะไรหรือเป็นของใคร แต่ทางเจ้าหน้าที่รายงานขึ้นมาว่าเป็นบริษัท "กองทุนของสิงคโปร์" และกระทรวงก็ให้ความเคารพในข้อมูลที่ปรากฏว่าเป็นมาจากสิงคโปร์
@ในการลงนามวันนั้น มี นายเบน สมิธ เข้ามาเป็นสักขีพยานด้วย จำได้หรือไม่ว่าเข้ามาในฐานะอะไร?
ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ก็เห็นตามรูปภาพ คาดว่าถ้าเขามา ก็น่าจะมาจากทางฝั่งบริษัทที่มาขอลงนาม แต่ที่ผมลงนาม เข้าใจว่าผมก็ลงนามกับผู้ชายคนที่ใส่แว่น (อ่านรายละเอียดใน วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ: ยืนยันไม่รู้จัก 'เบน สมิธ' ย้ำ MOU กระทรวง DE ต้องทำตามกฎหมายไทย)

อนึ่ง ปัจจุบันกรณีการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ระหว่างกระทรวงดีอี กับ บริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี (Prime Opportunity Fund VCC) จากสิงคโปร์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่ได้มีสรุปผลว่ามีการกระทำความผิดทางกฏหมายเกิดขึ้นแต่อย่างใด ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา