
สำหรับการลงนาม MOU ก่อนที่เราจะลงนามได้ จะต้องผ่านกลไกปกติคือกองการต่างประเทศพิจารณาในเบื้องต้น และส่งไปขอความเห็นจากหน่วยงานภายนอก ได้แก่ อัยการสูงสุด, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการต่างประเทศ หากไม่มีข้อทักท้วงใดๆ ก็สามารถดำเนินการได้ต้องเรียนว่า MOU ไม่ใช่สัญญา แต่เป็นการประกาศความประสงค์ของบริษัทว่าจะทำอะไร
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) :สืบเนื่องจากที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง โพสต์ Facebook ส่วนตัว ตั้งคำถามถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เกี่ยวกับการปราบ กระบวนการฟอกเงินในตลาดหลักทรัพย์ กรณี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ประธาน ก.ล.ต. ขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือกระทรวงดีอี ได้ลงนามMOU กับบริษัทสิงคโปร์ โดยมีนายเบน สมิธ ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

- คำถามถึงประธาน ก.ล.ต. ลงนาม MOU-บ.สิงคโปร์ เคียงข้าง 'เบน สมิธ'
- เปิดภาพพิธีลงนามMOUกระทรวง DE-บ.สิงคโปร์ 'ธรรมนัส-เบน-นฤมล' ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน
- ‘ไชยชนก’ สั่งยกเลิก MOU บ.สิงคโปร์ หลังพบพิรุธเพียบ รับอาจเอี่ยวบุคคลโดนสหรัฐฯคว่ำบาตร
- เปิดเอกสารเต็ม MOU กระทรวง DE-บ.สิงคโปร์ หาผู้เชี่ยวชาญ IT 500 คน ทำศูนย์การเงินดิจิทัล
ต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 10 ธ.ค. นายวิศิษฎ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเซ็น MOU ดังกล่าว ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางช่องโทรทัศน์ สปริง นิวส์ ซึ่งมีนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ น.ส.อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เป็นผู้ดำเนินรายการ มีรายละเอียดดังนี้
@MOU ที่นายวิศิษฏ์ไปเซ็นกับบริษัทสิงคโปร์เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ปี 2567 มีที่มาที่ไปอย่างไร?
ต้องบอกว่านโยบายกระทรวงดีอี มีมายาวนานแล้ว ในการลงนาม MOU กับภาคเอกชนที่มีความประสงค์จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เราก็จะมีการพิจารณาลงนาม MOU ให้ การลงนาม MOU ลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่ฉบับเดียว แต่มีมาแล้วหลายฉบับและเป็นกระบวนการปกติ
สำหรับการลงนาม MOU ก่อนที่เราจะลงนามได้ จะต้องผ่านกลไกปกติคือกองการต่างประเทศพิจารณาในเบื้องต้น และส่งไปขอความเห็นจากหน่วยงานภายนอก ได้แก่ อัยการสูงสุด, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการต่างประเทศ หากไม่มีข้อทักท้วงใดๆ ก็สามารถดำเนินการได้ต้องเรียนว่า MOU ไม่ใช่สัญญา แต่เป็นการประกาศความประสงค์ของบริษัทว่าจะทำอะไร
ใน MOU ระบุชัดเจนว่าบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย และไม่มีภาระผูกพันทางกฎหมายใดๆ ที่จะรับผิดชอบนอกเหนือจากนั้น สิ่งที่บริษัทประกาศว่าจะทำใน MOU จะยังไม่สามารถทำได้ จนกว่าจะมีกฎหมายอนุญาต และหากต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยงานใด ก็ต้องไปขอให้ครบถ้วน ดังนั้น MOU ไม่ได้สร้างสิทธิพิเศษใดๆ ให้กับบริษัท
@MOU ฉบับนี้หมายความว่ากระทรวงดีอีจะให้การสนับสนุนบริษัทสิงคโปร์ใช่หรือไม่?
ใช่ เป็นเรื่องของการ "facilitate" หรือให้การดูแลกระทรวงดีอีมีหน้าที่ "facilitate" หรือ "ให้การดูแล" โดยหากบริษัทมีข้อสงสัย ก็สามารถเข้ามาสอบถามกระทรวงได้
กระทรวงจะให้ข้อมูลและแจ้งว่าหากบริษัทต้องการทำสิ่งใด ต้องไปขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน โดยกระทรวงไม่ได้ร่วมลงทุนด้วย แต่เป็นการให้การสนับสนุนส่งเสริม ซึ่ง MOU ทุกฉบับก็เป็นเช่นนี้
มันมีประเด็นเรื่องของการเป็นความลับ ที่ภาคเอกชนบางบริษัทที่ลงนาม MOU มีความรู้สึกว่า "ไม่อยากจะ เปิดเผย" ข้อมูลบางอย่าง จึงมีการระบุข้อนี้มาใน MOU ซึ่งเราก็เคารพตรงนี้ แต่เรื่องการตรวจสอบจากหน่วยงานอื่นๆตรงนี้เราทำได้อยู่แล้ว
@นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวว่า เนื้อหาสาระใน MOU ระบุชัดเจนว่าทางเอกชนสิงคโปร์จะมาดำเนินธุรกิจหลากหลายที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ รวมถึงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตและพนันออนไลน์ ใช่หรือไม่?
ผมจำ MOU ไม่ได้ แต่โดยหลักการแล้ว บริษัทจะประกาศว่าอยากทำอะไรใน MOU แต่สิ่งที่จะทำนั้น "จะทำไม่ได้จนกว่าจะมีกฎหมายอนุญาต อันนี้เป็นหลักปกติ" MOU ไม่ได้ยกเว้นหรือให้สิทธิพิเศษใดๆ
@บุคคลที่จูงมือบริษัทเอกชนนี้มาพบและมาขอเซ็น MOU กับกระทรวงดีอีคือเลขาฯ รัฐมนตรีกระทรวงดีอีสมัยนั้นใช่หรือไม่?
ผมจำได้แต่เพียงว่าเรื่องนี้ต้องเข้ามาตามกระบวนการ ผมไม่มีเอกสารอยู่ในมือตอนนี้ แต่คิดว่าทางคุณดนัยน่าจะถามทางกระทรวงได้ เพราะลงนามไปเยอะมาก แต่ถ้าเอกสารเข้ามาอยู่ในฝ่ายประจำ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง มันมีประเด็นที่ผมอย่างจะเพิ่มคือ ข้อมูลในการพิจารณาอยู่ในช่วงต้นปี 2567 ผมไม่แน่ใจว่ามีข้อมูลที่ทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยหรือไม่ ผมก็ยังไม่เห็นประเด็น ส่วนคนที่มาถ่ายภาพลงนาม เราก็ได้รับแจ้งมาจาก VCC* และดำเนินการไปตามนั้น ไม่ได้มีการรู้จักกันเป็นการส่วนตัว
@พอจะจำได้หรือไม่ว่าบริษัทสิงคโปร์ที่ชื่อ "Prime Opportunity Fund VCC" ทำอะไรและเป็นของใคร?
ผมจำไม่ได้ว่าบริษัททำอะไรหรือเป็นของใคร แต่ทางเจ้าหน้าที่รายงานขึ้นมาว่าเป็นบริษัท "กองทุนของสิงคโปร์" และกระทรวงก็ให้ความเคารพในข้อมูลที่ปรากฏว่าเป็นมาจากสิงคโปร์
@ในการลงนามวันนั้น มี นายเบน สมิธ เข้ามาเป็นสักขีพยานด้วย จำได้หรือไม่ว่าเข้ามาในฐานะอะไร?
ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ก็เห็นตามรูปภาพ คาดว่าถ้าเขามา ก็น่าจะมาจากทางฝั่งบริษัทที่มาขอลงนาม แต่ที่ผมลงนาม เข้าใจว่าผมก็ลงนามกับผู้ชายคนที่ใส่แว่น

รูปภาพทำพิธีลงนาม MOU
@รู้จัก เบน สมิธ หรือไม่ แล้วถ้ารู้จักจะให้ไปยืนอยู่ตรงนั้นหรือไม่
ตอนนั้นไม่รู้จักจริงๆ แต่ขอยืนยันว่าถ้ามันมีประเด็นเรื่องการฟอกเงิน ผมก็ไม่เห็นชอบกับการฟอกเงินอยู่แล้ว และต่อสู้เรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่สมัยอยู่กระทรวงยุติธรรม เรื่องนี้ผมคิดว่าเราเคลียร์ ส่วนที่มันมีการไปโยงว่าผมในตำแหน่งปัจจุบันอาจจะไปมีอิทธิพลอะไรกับการทำงานของเจ้าหน้าที่
ผมเรียนคุณดนัยว่าตามกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ไม่มีอำนาจในด้านของทางคดีเลย ไม่ทราบว่า ก.ล.ต. ทำอะไร ด้วยซ้ำไป จนกว่าจะมีผลสุดท้ายออกมา ผมก็อยากจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.ด้วย ว่ามันไม่มีทางจะไปสั่งให้เขาชะลอหรือไม่ชะลอ แล้วเขาก็ไม่มีทางจะมาบอกด้วยว่าสอบสวนเรื่องใด เพราะมันเป็นความลับ
@หนักใจหรือไม่หากเรื่องนี้ไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) แล้วต้องชี้แจง?
ผมคิดว่าถ้าเราดำเนินการอะไรถูกต้องแล้วเราชี้แจงได้ เราก็ต้องชี้แจง ก็ต้องชี้แจงตามข้อมูลนี้ ไม่ได้บิดไปบิดมาที่ผ่านมา MOU ทำมาหลายด้าน และทุกอย่างก็มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย
*หมายเหตุ: VCC ย่อมาจากคำว่า Variable Capital Company (บริษัททุนผันแปร) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางกฎหมายใหม่สำหรับจัดตั้งกองทุนรวม มีความยืดหยุ่นสูงในการจัดการสินทรัพย์ สามารถรวมหลายกองทุนย่อยไว้ในนิติบุคคลเดียว เพื่อส่งเสริมสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการจัดการกองทุนระดับโลก โดยต้องมีผู้จัดการกองทุนที่ได้รับใบอนุญาต และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานอย่าง สำนักงานกำกับดูแลการบัญชีและองค์กร (ACRA) และ สำนักงานเงินตราแห่งสิงคโปร์ (MAS)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา