
ครม.ไฟเขียว ‘ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน’ ฉบับ ‘กฤษฎีกา’ ตรวจพิจารณาแล้ว ดันไทยเป็น ‘Financial Hub’
........................................
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง (กค.) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ตรวจพิจารณาแล้ว โดยยังคงเป็นไปตามหลักการที่ ครม.อนุมัติไว้ และแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดต่างๆให้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมในบางประเด็น
สำหรับสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... ประกอบด้วย
-กำหนดแนวทางการจัดตั้ง Financial Hub ในเขตพื้นที่ที่กำหนดสำหรับการประกอบธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจบริการการชำระเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ และธุรกิจทางการเงินอื่นหรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือสนับสนุนธุรกิจทางการเงินตามที่คณะกรรมการฯ ประกาศกำหนดโดยอนุมัติของ ครม. (เดิมตามที่คณะกรรมการฯ ประกาศกำหนด)
และให้บริการเฉพาะผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (non-residents) เท่านั้น ยกเว้น 2 กรณี คือ 1.การให้บริการระหว่างผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายด้วยกันเอง และ 2.การให้บริการแก่ผู้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากเป็นการดำเนินกิจกรรมเพื่อมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนตลาดภายในประเทศ (Market Participant) โดยมิได้ให้บริการแก่ลูกค้าของผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวโดยตรง
พร้อมทั้งให้ตัดข้อยกเว้นการให้บริการแก่ลูกค้าของผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายที่เป็นการให้บริการแก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยในลักษณะอื่นตามที่คณะกรรมการฯ กำหนดออก เนื่องจากคำว่า "ผู้มีถิ่นที่อยู่ในลักษณะอื่น" อาจหมายถึง "คนไทย" ได้ ซึ่งการให้บริการแก่คนไทยได้ด้วยอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเกิดปัญหากับลูกค้าคนไทยหรือระบบการเงินในภาพรวมได้ ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายจะต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งจดทะเบียนในไทยหรือสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ และต้องจ้างแรงงานไทยเป็นสัดส่วนตามที่กำหนด
-กำหนดให้มี “คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน” ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ มีหน้าที่และอำนาจในการเสนอแนะนโยบาย กำหนดประเภทและขอบเขตของการอนุญาตในการประกอบธุรกิจ เป้าหมาย จัดทำแนวทางการส่งเสริมการประกอบธุรกิจเป้าหมาย รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบ (เดิมเป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ)
ตลอดจนเพิ่มเติมให้เสนอแนะ ครม. ในการตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ของสถานที่ประกอบธุรกิจเป้าหมาย นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังคงมีหน้าที่และอำนาจพิจารณาให้ความเห็นชอบการอนุญาต การต่ออายุ และการเพิกถอนการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย รวมทั้งติดตามและประเมินผลการดำเนินการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน
-ให้มีการจัดตั้ง “สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน” มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและไม่เป็นส่วนราชการ เพื่อกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายใน Financial Hub โดยคำนึงถึงเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจหรือระบบการเงินของประเทศ โดยเพิ่มเติมให้สำนักงานฯ ต้องให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจเป้าหมายแก่หน่วยงานหลักที่มีหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจทางการเงินของประเทศร้องขอ
-การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย กำหนดให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจประกาศกำหนดประเภทและขอบเขตของการอนุญาตประกอบธุรกิจเป้าหมายโดยต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (เดิมกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ) และในกรณีที่การกำหนดประเภทและขอบเขตของการอนุญาตประกอบธุรกิจเป้าหมายดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูและของหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ให้คณะกรรมการฯ หารือร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องนั้นก่อนด้วย
รวมทั้งกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายที่ได้รับอนุญาตได้รับยกเว้นไม่นำกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจทางการเงินจำนวน 7 ฉบับ(กฎหมายหลัก) มาใช้บังคับแก่การประกอบธุรกิจเป้าหมาย โดยนำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัตินี้ เช่น หลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการจะกำหนดในเรื่องการกำกับดูแลฐานะทางการเงิน การจัดทำบัญชีเงินหรือทรัพย์สินของลูกค้าหรือผู้บริโภค การบริหารจัดการความเสี่ยง มาใช้บังคับในการกำกับดูแลแทน เว้นแต่ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายนั้นเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจตามกฎหมายหลักดังกล่าว ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายนั้นจะต้องอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายในการกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจตามร่างพระราชบัญญัตินี้ด้วย
-กำหนดสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายใน Financial Hub (หลักการตามร่างฯ เดิม) เช่น สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด โดยได้รับยกเว้นจากการจำกัดสิทธิของคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สิทธิในการนำคนต่างด้าว (ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญใดๆ ที่คณะกรรมการฯ กำหนด ผู้บริหารหรือผู้ชำนาญการ และคู่สมรสและบุคคลซึ่งอยู่ในอุปการะของบุคคลดังกล่าว) เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรได้ตามจำนวนและระยะเวลาที่สำนักงานฯ อนุญาต
-การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจเป้าหมาย กำหนดให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจออกประกาศหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจเป้าหมายให้มีความมั่นคงและปลอดภัย เช่น การกำกับดูแลฐานะทางการเงินและผลการดำเนินการมาตรฐานในการประกอบธุรกิจเป้าหมาย การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล การคุ้มครองลูกค้าหรือผู้บริโภค หรือเรื่องอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแล
-มาตรการปรับเป็นพินัยและโทษทางอาญา โดยตัดบทบัญญัติที่กำหนดให้เป็นความผิดและมีโทษทางอาญา ซึ่งมีองค์ประกอบความผิดเหมือนหรือคล้ายคลึงกับความผิดที่ได้กำหนดไว้แล้วในภาคความผิดของประมวลกฎหมายอาญา และกำหนดให้ใช้มาตรการปรับเป็นพินัยสำหรับกรณีที่เป็นการกระทำที่มิใช่ความผิดร้ายแรงหรือมิได้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจหรือระบบการเงินของประเทศ และโทษทางอาญา สำหรับกรณีที่เป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรงหรืออาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจหรือระบบการเงินของประเทศ โดยในกรณีที่มีโทษปรับสถานเดียว กำหนดให้เป็นความผิดที่เปรียบเทียบได้
-กำหนดบทเฉพาะกาล โดยในวาระเริ่มแรก ให้รัฐบาลจัดสรรทุนประเดิมให้แก่สำนักงานฯ ตามความจำเป็น และให้คณะกรรมการฯ โดยตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน โดยให้ผู้อำนวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ และดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน โดยให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งทำหน้าที่ผู้อำนวยการไปพลางก่อน
โดยให้มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการและจัดตั้งสำนักงานฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน และให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐมาปฏิบัติงานเป็นพนักงานของสำนักงานฯ เป็นการชั่วคราวภายในระยะเวลาที่กำหนด (กระทรวงการคลังคาดว่าในระยะ 3 ปีแรก เป็นจำนวน 300 ล้านบาท และอัตรากำลังที่ใช้ในสำนักงานฯ จำนวน 50 อัตรา)
“ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินของโลก (Financial Hub) และดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจากต่างประเทศให้มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยผ่านกลไกในการส่งเสริม กำกับดูแล และการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการที่เข้ามาประกอบธุรกิจเป้าหมายใน Financial Hub
เพื่อให้บริการแก่นิติบุคคลหรือบุคคลที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (Non-residents) อันจะช่วยพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงินและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน รวมทั้งสามารถดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจากต่างประเทศให้มาประกอบธุรกิจเป้าหมายในประเทศไทย” น.ส.ศศิกานต์ กล่าว
อ่านประกอบ :
เปิดหนังสือ‘ธปท.’แนะตั้ง‘ฮับการเงิน’ เป้าหมาย‘เชิงยุทธศาสตร์’ต้องชัด-ควบคุมความเสี่ยง
ครม.ไฟเขียว‘ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางประกอบธุรกิจทางการเงินฯ’ ดันไทยเป็น Financial Hub
‘คลัง’ดัน‘ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน’ หนุนไทยขึ้นแท่น Financial Hub

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา