‘อัยการสูงสุด’ ลงนามคำสั่ง ‘ไม่อุทธรณ์’ คดี ‘กิตติรัตน์’ เอื้อ ‘สยามอินดิก้า’ ส่งมอบข้าว ‘บูล็อค’ หลัง ‘ป.ป.ช.’ มีความเห็นแย้งให้อุทธรณ์
.....................................
สืบเนื่องจากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.พาณิชย์ กรณีเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่องค์การสำรองอาหารแห่งประเทศอินโดนีเซีย (BULOG) แต่เพียงผู้เดียว นั้น (อ่านประกอบ : คดีข้าวบูล็อค'กิตติรัตน์'ยังไม่จบ! ลุ้น'อัยการสูงสุด'ทบทวนคำสั่งไม่อุทธรณ์'อดีต อสส.')
ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. นายศักดิ์เกษม นิไทรโชค ผู้ตรวจอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงความคืบหน้าในคดีนี้ ว่า ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ได้ลงนามคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี ต่อที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา เช่นเดียวกับนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อดีตอัยการสูงสุด ที่มีคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี ก่อนพ้นตำแหน่งเมื่อปลายเดือน ก.ย.2567 ที่ผ่านมา
สำหรับคดีนี้อัยการสูงสุดขณะนั้น ฟ้องระบุว่า ขณะนั้น นายกิตติรัตน์ ดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ซึ่งทราบเรื่องการเอื้อประโยชน์ ให้บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG แต่เพียงผู้เดียว แต่เมื่อนายกิตติรัตน์ ทราบเรื่อง กลับไม่ตรวจสอบและไม่ทำหน้าที่ควบคุมดูแล ไม่สั่งการใดๆ หรือเรียกให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริง หรือให้ทำรายงานแสดงความคิดเห็น
ทั้งที่ข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทดังกล่าว โดยไม่จัดให้มีการแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น และไม่มีการประกาศหรือมีหนังสือเชิญชวนผู้ที่สนใจเป็นการทั่วไป ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ขัดต่อกฎหมายและระเบียบขององค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2541
อีกทั้งต่อมาบริษัทดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามสัญญา เป็นผลให้ประเทศอินโดนีเซียไม่ทำการค้าขายข้าวกับองค์การคลังสินค้าอีกและเสียหายต่อความสัมพันธ์ในการค้าขายข้าวระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินโดนีเชีย
ทั้งนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า ว่า นายกิตติรัตน์ จำเลย เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากข้อมูลการซื้อขายข้าว ส่งมอบข้าวและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง นายภูมิ สาระผล ซึ่งเป็นรมช.พาณิชย์ (ในสมัยนั้น) ทราบเป็นอย่างดี และจำเลยรับทราบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านนายภูมิ ส่วนข้อหาสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรงไม่จำเป็นต้องพิจารณาเนื่องจากไม่มีผลต่อคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการพิจารณาอุทธรณ์คดีของศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 79 บัญญัติว่าในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาแล้ว หากอัยการสูงสุดเห็นควรอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาต่อไป ให้ดำเนินการได้ กรณีที่อัยการสูงสุดเห็นควรไม่อุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้แจ้งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบและรับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบการพิจารณาด้วย
คดีนี้ ภายหลังจากนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อดีตอัยการสูงสุด เห็นควรไม่อุทธรณ์ และแจ้งคำสั่งไปให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบ ปรากฏว่าต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีความเห็นแจ้งกลับมายังอัยการสูงสุด ขอให้อุทธรณ์คดีต่อ เเต่นายไพรัช อัยการสูงคนใหม่ พิจารณายืนยันว่า ไม่อุทธรณ์คดี
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายกิตติรัตน์ ปัจจุบันเป็นบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อจากกระทรวงการคลัง เพื่อเข้ารับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
อ่านประกอบ :
ล่าชื่อสนับสนุน‘กิตติรัตน์’นั่งเก้าอี้‘ประธานบอร์ด ธปท.’ หวังผลักดันปรับปรุงการกำกับ‘แบงก์’
คดีข้าวบูล็อค'กิตติรัตน์'ยังไม่จบ! ลุ้น'อัยการสูงสุด'ทบทวนคำสั่งไม่อุทธรณ์'อดีต อสส.'
'คกก.คัดเลือกฯ'นัด 4 พ.ย.เคาะ'ปธ.บอร์ดธปท.'-รอผลตรวจสอบคุณสมบัติ'กิตติรัตน์'
คดีข้าวบูล็อคยังไม่จบ! ป.ป.ช.ลงมติแจ้ง 'อสส.' ขออุทธรณ์สู้ ยกฟ้อง 'กิตติรัตน์'
สรุป! คำพิพากษายกฟ้อง 'กิตติรัตน์' คดีเอื้อปย.สยามอินดิก้า ขายข้าวบูล็อค ทำไมรอด?