‘สำนักงบประมาณ’ ทำหนังสือด่วน แจ้ง ‘ส่วนราชการ-รัฐวิสาหกิจ’ เร่งรัดก่อหนี้ฯ ‘รายจ่ายลงทุน’ ก่อนสิ้นปีงบ 67 ขณะที่ ครม. วาง 4 แนวทางเสนอ ‘ร่าง พ.ร.บ.’ ในระหว่างรอ 'ครม.ใหม่'
.............................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักงบประมาณได้ทำหนังสือด่วนที่สุด นร 0717.1/ ว194 แจ้งไปยังปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานอื่นของรัฐ เพื่อขอให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยเฉพาะโครงการหรือรายการที่มีความล่าช้า โดยขอให้ก่อหนี้ผูกพันภายในเดือน ก.ย.2567
“ตามหนังสืออ้างถึง สำนักงบประมาณได้แจ้งเวียนให้หน่วยรับงบประมาณพิจารณาดำเนินการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2567 รับทราบมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ และให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการดำเนินงานและการก่อหนี้ผูกพันให้เป็นไปตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามเป้าหมายที่กำหนดโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน
จากการตรวจสอบสถานะการดำเนินงานและระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีหน่วยรับงบประมาณที่มีโครงการ/รายการ รายจ่ายลงทุนที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดชื่อจัดจ้าง หรือยังไม่เริ่มดำเนินการ อยู่ระหว่างการสำรวจออกแบบ การจัดทำร่างขอบเขตงาน TOR ประกอบกับขณะนี้ใกล้สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2567
ดังนั้น เพื่อเป็นการเร่งรัดการใช้จ่ายงประมาณ (ก่อหนี้) ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จึงขอให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ เร่งรัดการดำเนินโครงการ/รายการที่มีความล่าช้า และให้สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในเดือน ก.ย.2567...” หนังสือด่วนที่สุด นร 0717.1/ ว194 เรื่อง การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ พ.ศ.256
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้เสนอในที่ประชุม ครม. ว่า การลงทุนของภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้เม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีกระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็วซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) ได้โดยตรง
ดังนั้น จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายเงิน ทั้งในส่วนของเงินงบประมาณรายจ่ายและเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในกรอบระยะเวลาของปีงบประมาณ หรืออย่างช้าสุดภายในสิ้นปี 2567 เพื่อให้ทันรอบระยะเวลาของการคำนวณ GDP ในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรรรายจ่ายลงทุนสูง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระกรวงกลาไหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ทั้งนี้ ขอให้ให้ความสำคัญกับรายจ่ายลงทุนที่มีผล/เกี่ยวข้องกับการจ้างงานและการก่อสร้างเป็นลำดับแรกด้วย ซึ่ง ครม.พิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่นายพิชัย เสนอ
@วาง 4 แนวทางเสนอ'ร่าง พ.ร.บ.'ระหว่างรอ ครม.ใหม่
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. ได้มีการหารือถึงแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. ที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการระหว่างรอ ครม. ที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่ และมีความเห็นว่า เพื่อให้กระบวนการในการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. เป็นไปด้วยความถูกต้องเหมาะสม จึงมีมติให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ในขั้นตอนต่างๆ เป็น 4 กระบวนการ ดังนี้
1.ร่าง พ.ร.บ. ที่ ครม. มีมติขอรับมาพิจารณาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติรับหลักการ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรประสานสภาผู้แทนราษฎรเลื่อนการบรรจุระเบียบวาระออกไปก่อนเพื่อรอ ครม.ชุดใหม่
2.ร่าง พ.ร.บ.ที่ ครม. มีมติอนุมัติหลักการก่อนวันที่ 14 ส.ค.2567 และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากสำนักงานคณะกรรมการการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้วและต้องเสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ให้รอเสนอ ครม.ชุดใหม่
3.ร่าง พ.ร.บ.ที่ ครม.มีมติอนุมัติหลักการก่อนวันที่ 14 ส.ค.2567 และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไปได้
4.ร่าง พ.ร.บ.ที่กำลังจะเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติหลักการให้รอไว้เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่