เผยความคืบหน้าคดีชี้มูลรองอธิบดีอัยการเรียกสินบน 5 แสน ช่วยชาวจีนกรณีใช้พาสปอร์ตปลอม ล่าสุด อสส.ตั้งข้อไม่สมบูรณ์สำนวนประเด็นข้อกล่าวหาเกินเอาผิดรับทรัพย์สินเกิน 3,000 บาท ชี้เป็นกรณีเรียกรับสินบนอยู่แล้ว จ่อตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย แต่หาก ป.ป.ช.ยอมตัดทิ้ง พร้อมยื่นฟ้องตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ รองอธิบดีอัยการ การบังคับคดี และพวก 1 ราย ในข้อกล่าวหาเรียกรับสินบน 5 แสนบาท เพื่อช่วยเหลือทางคดีผู้ต้องหาชาวจีน ซึ่งกระทำความผิดในข้อหาใช้หนังสือเดินทางปลอมในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และมีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมขอให้ผู้มีอำนาจดำเนินการถอดถอนตำแหน่ง ตาม มาตรา 98 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
ล่าสุด แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า เกี่ยวกับคดีนี้ อสส. ได้ตั้งข้อไม่สมบูรณ์ ในประเด็นเรื่องการตั้งข้อกล่าวหารับทรัพย์สินเกิน 3,000 บาท ในสำนวนที่ ป.ป.ช.ส่งมาให้ เพราะเห็นว่าเป็นการตั้งข้อหาเกิน เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องการรับสินบนอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องตั้งข้อหารับทรัพย์สินเกิน 3,000 บาท เพิ่มอีก
แหล่งข่าว กล่าวต่อว่า ผลจากการที่ อสส. ตั้งข้อไม่สมบูรณ์ในประเด็นเรื่องการรับทรัพย์สินเกิน 3,000 บาทดังกล่าว ทำให้จะต้องมีการต้องตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย ระหว่าง ป.ป.ช.และอัยการขึ้นมาพิจารณาสำนวนคดีร่วมกัน
"แต่ถ้าหาก ป.ป.ช. ยอมตัดประเด็นข้อกล่าวหารับทรัพย์สินออกไป ข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนเรื่องนี้ก็คงจะจบไป อัยการคงจะยื่นเรื่องฟ้องร้องตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป แต่ถ้าหาก ป.ป.ช.ไม่เห็นด้วย ป.ป.ช.ก็มีอำนาจที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีเองตามขั้นตอนทางกฎหมายได้" แหล่งข่าวระบุ
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกชี้มูลความผิดยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
อนึ่งเกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ รองอธิบดีอัยการ การบังคับคดี ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 175 , 128 และ 169 และประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช.เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2543 ข้อ 4
ส่วนผู้ถูกกล่าวหาอีกราย เป็นสุภาพสตรี ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 175
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ต่อมาสำนักข่าวอิศรา ได้รับคำชี้แจงเป็นทางการจาก ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ รองอธิบดีอัยการ การบังคับคดี ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง
"เรื่องนี้มีความเป็นมาจากการที่เราจัดงานทำบุญที่บ้านเมตตา เราไม่รู้ว่าใครไปร่วมงานบุญที่ว่านี้บ้าง เพราะมีคนมาร่วมกันเยอะ คนจีนที่ว่านี้เขาก็มาร่วมด้วย แต่เราก็ดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร ใครเป็นคนจีนหรือว่าใครเป็นคนไทยบ้าง และเราก็ไม่รู้ว่าใครจะเอาเราไปอ้างบ้าง"
"แต่สุดท้ายเราก็เห็นว่ากรณีการจ่ายเงิน เขามีหลักฐานว่ามีการลงบันทึกประจำวันกันแล้ว เวลาเขา(ฝ่ายผู้ต้องหา) ทำงานต่อสู้คดีมีการจ้างทนายความกันก็มีการคืนเงินกันเรียบร้อย แต่ก็มีกระบวนการพยายามมาพาดพิงไปถึงสำนักงานอัยการเรา ซึ่งเราไม่เกี่ยวข้อง"
"บันทึกประจำวันนี้เป็นการบันทึกตั้งแต่ปี 2563 แล้ว และการมีบันทึกประจำวันดังกล่าวก็มาจากอีกฝั่งที่มีการไปแจ้งความว่ามีการรับเงินค่าทนายความมาแล้ว แต่งานไม่สำเร็จ ทำไม่ได้ตามเป้าหมายก็มีการคืนเงินกันแล้ว"
เมื่อถามถึงรายละเอียดเรื่องเงิน 5 แสนบาท รองอธิบดีอัยการกล่าวย้ำว่า "ไม่ทราบจริงๆ รู้แค่ว่ามีการจ้างทนายความ ทำงานไม่สำเร็จแล้วก็มีการคืนเงินค่าทนายความแล้วก็ลงบันทึกประจำวันเท่านั้นเอง"
- ป.ป.ช.ชี้มูลรองอธิบดีอัยการ เรียกสินบน 5 แสน ช่วยคดีใช้พาสปอร์ตปลอม - แจ้งมติ อสส.แล้ว
- โดน 2 คน! ล้วงมติ ป.ป.ช.ชี้มูลรองอธิบดีอัยการ เรียกสินบน 5 แสน ช่วยคดีใช้พาสปอร์ตปลอม
- เปิดตัวรองอธิบดีอัยการ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีเรียกสินบน 5 แสน ยันไม่เกี่ยวข้อง มีกระบวนการพาดพิง
- เอ็กซ์คลูซีฟ : ข้อกล่าวหารองอธิบดีอัยการ-พวก คดีสินบน 5 แสน ช่วยชาวจีน-คืนเงินไปแล้ว