"...เรื่องนี้มีความเป็นมาจากการที่เราจัดงานทำบุญที่บ้านเมตตา เราไม่รู้ว่าใครไปร่วมงานบุญที่ว่านี้บ้าง เพราะมีคนมาร่วมกันเยอะ คนจีนที่ว่านี้เขาก็มาร่วมด้วย แต่เราก็ดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร ใครเป็นคนจีนหรือว่าใครเป็นคนไทยบ้าง และเราก็ไม่รู้ว่าใครจะเอาเราไปอ้างบ้าง..."
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอข่าวกรณีสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีชี้มูลความผิด รองอธิบดีอัยการรายหนึ่ง ในข้อกล่าวหาเรียกรับสินบน 5 แสนบาท มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 เพื่อให้ส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ นอกจากนั้นขอให้ผู้มีอำนาจดำเนินการถอดถอนตำแหน่ง ตาม มาตรา 98 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
ต่อมา สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันกับแหล่งข่าวสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับทราบข้อมูลสำคัญเพิ่มเติม 2 ส่วน คือ
1. รองอธิบดีอัยการรายนี้ ถูกกล่าวหาว่า เรียกรับเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือทางคดีผู้ต้องหาชาวจีน ซึ่งกระทำความผิดในข้อหาใช้หนังสือเดินทางปลอมในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
2. ผู้ถูกกล่าวหา ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดคดีนี้ มี 2 ราย คือ รองอธิบดีอัยการรายนี้ มีชื่ออักษรย่อ "อ." เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ส่วนอีก 1 ราย เป็นสุภาพสตรี มีชื่ออักษรย่อ "ธ." เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 2
- ป.ป.ช.ชี้มูลรองอธิบดีอัยการ เรียกสินบน 5 แสน ช่วยคดีใช้พาสปอร์ตปลอม - แจ้งมติ อสส.แล้ว
- โดน 2 คน! ล้วงมติ ป.ป.ช.ชี้มูลรองอธิบดีอัยการ เรียกสินบน 5 แสน ช่วยคดีใช้พาสปอร์ตปลอม
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ รองอธิบดีอัยการ การบังคับคดี ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในข้อกล่าวหาเรียกรับสินบน 5 แสนบาท ดังกล่าว เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงอีกด้าน
ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวก็คงต้องมีการชี้แจงกันไป แต่ตอนนี้ อสส.ยังไม่ได้มีการดำเนินการสอบวินัยแต่อย่างใด
ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ กล่าวต่อว่า "เรื่องนี้มีความเป็นมาจากการที่เราจัดงานทำบุญที่บ้านเมตตา เราไม่รู้ว่าใครไปร่วมงานบุญที่ว่านี้บ้าง เพราะมีคนมาร่วมกันเยอะ คนจีนที่ว่านี้เขาก็มาร่วมด้วย แต่เราก็ดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร ใครเป็นคนจีนหรือว่าใครเป็นคนไทยบ้าง และเราก็ไม่รู้ว่าใครจะเอาเราไปอ้างบ้าง"
"แต่สุดท้ายเราก็เห็นว่ากรณีการจ่ายเงิน เขามีหลักฐานว่ามีการลงบันทึกประจำวันกันแล้ว เวลาเขา(ฝ่ายผู้ต้องหา) ทำงานต่อสู้คดีมีการจ้างทนายความกันก็มีการคืนเงินกันเรียบร้อย แต่ก็มีกระบวนการพยายามมาพาดพิงไปถึงสำนักงานอัยการเรา ซึ่งเราไม่เกี่ยวข้อง" ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ ระบุ
ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ ยังระบุด้วยว่า "บันทึกประจำวันนี้เป็นการบันทึกตั้งแต่ปี 2563 แล้ว และการมีบันทึกประจำวันดังกล่าวก็มาจากอีกฝั่งที่มีการไปแจ้งความว่ามีการรับเงินค่าทนายความมาแล้ว แต่งานไม่สำเร็จ ทำไม่ได้ตามเป้าหมายก็มีการคืนเงินกันแล้ว"
ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ กล่าวอีกว่า "เราก็มาดูกันว่ามันก็มีเอกสารอันนี้อยู่ (บันทึกประจำวัน) ก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่เอามาพิจารณา"
เมื่อถามถึงรายละเอียดเรื่องเงิน 5 แสนบาท รองอธิบดีอัยการกล่าวย้ำว่า "ไม่ทราบจริงๆ รู้แค่ว่ามีการจ้างทนายความ ทำงานไม่สำเร็จแล้วก็มีการคืนเงินค่าทนายความแล้วก็ลงบันทึกประจำวันเท่านั้นเอง"
เหล่านี้ คือ คำชี้แจงอีกด้าน ของ ว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ เกี่ยวกับคดีนี้
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ส่วนข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป