ทนายความ ยัน 'สุเทพ เทือกสุบรรณ' มาแน่! ลุ้นระทึก ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดีกบฏ 39 แกนนำ กปปส. 27 มิ.ย.2567 นี้ หลังจำเลย 15 ราย โดนโทษจำคุก ไม่รอลงอาญาไปแล้ว 15 ราย ก่อนถูกเลื่อนมาหลังเกิดกรณีร้องเรียนขอความเป็นธรรมอ้างมีเรียกเงิน 175 ล. ผลสอบวินัยร้ายแรงเสร็จแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในวันที่ 27 มิ.ย.2567 ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นอุทธรณ์ คดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กับพวกรวม 39 ราย เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมเป็นกบฏ ก่อการร้าย ล้มล้างการปกครอง มั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาอื่น ๆ กรณีม็อบ กปปส. ชุมนุมทางการเมืองระหว่างปี 2556-2557 สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของ สุเทพ กล่าวว่า "ในวันพรุ่งนี้ นายสุเทพจะเดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในส่วนจำเลยคนอื่นก็ยังไม่มีการเเจ้งจะขอเลื่อนหรือบอกว่ามีอาการป่วยเเต่อย่างไร พรุ่งนี้เป็นหน้าที่จำเลยที่จะต้องเดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในส่วนจำเลยรายสำคัญอื่น ๆ เช่น นายถาวร เสนเนียม ก็จะเดินทางไป"
สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 - 1 พ.ค. 2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือกลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพ เป็นเลขาธิการ โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบเพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส. จากนั้นจะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค. - 2 มี.ค. 2557 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานครด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกันนายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาจำคุก โดยไม่รอลงอาญา 15 ราย ได้แก่
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก 5 ปี
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำคุก 7 ปี
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำคุก 6 ปี 16 เดือน
นายถาวร เสนเนียม จำคุก 5 ปี
นายชุมพล จุลใส จำคุก 9 ปี 24 เดือน
เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จำคุก 4 ปี 16 เดือน
นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ (อดีตพระพุทธะอิสระ) จำคุก 4 ปี 8 เดือน
นายอิสสระ สมชัย จำคุก 7 ปี 16 เดือน
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำคุก 3 ปี นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำคุก 2 ปี
นายสุริยะใส กตะศิลา จำคุก 2 ปี
นายคมสัน ทองศิริ จำคุก 2 ปี
นายสำราญ รอดเพชร จำคุก 2 ปี 16 เดือน
และนายอมร อมรรัตนานนท์ จำคุก 20 เดือน
ส่วนจำเลยที่ศาลพิพากษาจำคุก แต่ให้รอลงอาญา จำนวน 12 ราย ได้แก่ นายวิทยา แก้วภราดัย จำคุก 1 ปี เเละปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี,
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลยที่ 12 จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี (เสียชีวิตแล้ว) , นายถนอม อ่อนเกตุพล จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, นายสาธิต เซกัลป์ จำคุก 2 ปี ปรับ 26,666 รอลงอาญา 2 ปี,
พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, นายมั่นแม่น กะการดี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี,
นายพิเชษฐ พัฒนโชติ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, นายกิตติชัย ใสสะอาด จำคุก 4 เดือน ปรับ 6,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี และนางทยา ทีปสุวรรณ จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 26,666 บาทรอลงอาญา 2 ปี
ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยจำนวน 12 ราย ได้แก่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย,นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์, นางสาวรังสิมา รอดรัศมี, นายแก้วสรร อติโพธิ, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายถวิล เปลี่ยนศรี, พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์, นายนายพิภพ ธงไชย, นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด, พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์, นายสมบูรณ์ ทองบุราณ, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เนื่องจากบางรายเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุมเท่านั้น เเม้บางรายจะเป็นเเกนนำในการชุมนุมด้วยก็ตาม เเต่ความผิดที่จำเลยเเต่ละรายกระทำนั้น น้อยกว่าจำเลยอื่น อีกทั้งไม่ปรากฎว่า มีพฤติการณ์อุกอาจ หรือรุนเเรงจากการชุมนุม ประกอบกับไม่ปรากฎว่าจำเลยดังกล่าวเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยดังกล่าวกลับตัวเป็นพลเมืองดี
นอกจากนี้ยังให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 6 ราย ได้แก่ นายชุมพล จุลใส, นายอิสสระ สมชัย, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ, นายสำราญ รอดเพชร และนางทยา ทีปสุวรรณ นอกจากนี้ให้นับโทษของนายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายมั่นแม้น กะการดี และนายสุริยะใส กตะศิลา ต่อตามท้ายฟ้องด้วย
จำหน่ายคดี 1 ราย เนื่องจากเสียชีวิต ได้แก่ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ
ส่วนในความผิดข้อหากบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 นั้น ศาลพิจารณาแล้วพบว่า จำเลยทั้งหมดไม่เข้าข่าย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการนัดหมายฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีนี้ ถูกเลื่อนมาหลังเกิดกรณีแกนนำ กปปส.รายหนึ่ง ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในคดีที่ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ลงโทษจำคุกแกนนำ กปปส.โดยไม่รอลงอาญา 15 ราย โดยเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
โดยแกนนำ กปปส.รายนี้อ้างว่า มีผู้พิพากษาระดับสูงในศาลอุทธรณ์ 2 รายร่วมมือกันในการเรียกร้องเงินค่าตอบแทนในการช่วยเหลือการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์หลายครั้ง ระบุว่า สามารถจ่ายสำนวนให้กับองค์คณะในศาลอุทธรณ์ที่ ‘คุ้นเคยกับท่าน’เพื่อให้พิจารณายกฟ้องในทุกกรรมเพื่อเรื่องจะได้ไม่ต้องไปถึงศาลฎีกา และยังอ้างว่า มีการพบกับผู้พากษาที่เป็น ‘ตัวแทนท่าน’ หลายครั้ง ครั้งแรกเรียกร้องเงินสูงถึง 175 ล้านบาท แต่ได้รับการปฏิเสธ ต่อมาเรียกร้องลดลงเหลือ 49 ล้านบาท และ 35 ล้านบาท
ต่อมา ประธานศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง มีมูล และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงในเวลาต่อมา ปัจจุบันผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงเสร็จสิ้นแล้ว รอเสนอเข้าที่ประชุมอนุกรรมการ ก.ต. เพื่อเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) พิจารณาผลต่อไป
ขณะที่ในช่วงเดือน ม.ค.2567 ที่ประชุม ก.ต. มีมติ 14 ต่อ 1 เสียง ให้พักราชการข้าราชการตุลาการรายนี้ไปแล้ว
อ่านประกอบ :
- ยื่นเรื่องมาจริง! ศาลยธ.แจงกรณีแกนนำกปปส.ขอความเป็นธรรม-ปธ.ศาลอุทธรณ์ตั้งสอบตามขั้นตอน
- มติ 14 ต่อ1 ก.ต.สั่งพักราชการตุลาการ พันคดีแกนนำ กปปส.ร้องอ้างถูกเรียกเงิน 175 ล.
- ศาลอุทธรณ์นัด 21 มี.ค.อ่านคำพิพากษา'สุเทพ'-38 แกนนำ กปปส.คดีกบฎ หลังชั้นต้นให้จำคุก 5 ปี
- 'สุเทพ-3 รมต.'นอนคุก! รออุทธรณ์พิจารณาให้ประกันหรือไม่หลังศาลพิพากษาคดีม็อบ กปปส.
- เทียบ 2 คดีสินบน :ผู้พิพากษาอุทธรณ์เรียก 20 ล้าน คุก 5 ปี- กปปส.175 ล.โทษหนักแค่ไหน?