‘เศรษฐา’ โต้เสียงวิจารณ์ฝ่ายค้าน หลังเดินหน้าดิจิทัลวอลเลต ชี้ล้วงเงิน ธกส.ผิดหรือไม่ เตรียมให้ ‘กฤษฎีกา’ สแกน ชี้เงินเก็บ 500,000 บ.นับวันที่ลงทะเบียน ส่วนข้อครหามาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ยืนยันไม่ได้เอื้อนายทุน คิดให้ครบแล้ว เพราะคนต้องไปซื้อของใช้อื่นๆด้วย ก่อนวิจารณ์บทบาท กนง.-ธปท. ไม่ลดดอกเบี้ย แม้ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีความอิสระ แต่ประชาชนลำบากอยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 เมษายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่านำเงินของเกษตรกร จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) มาใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ว่า มั่นใจว่าทุกอย่างถูกต้อง เดี๋ยวจะให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมายตามที่ได้เรียน
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะขอดูแผนโครงการดิจิทัลวอลเลต นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ว่าไปตามกฏหมาย แถลงไปครบแล้ว ส่วนกรณีเงื่อนไขผู้มีเงินฝาก 500,000 บาท นับตั้งแต่เดือนไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็นับวันที่ลงทะเบียน
เมื่อถามอีกว่าเรื่อง Super App จะมีการเพิ่มงบ ในการทำหรือไม่ นายกเศรษฐากล่าวว่า เดี๋ยวเขาพัฒนามาแล้วจะแจ้งให้ทราบ ทุกอย่างต้องโปร่งใสตรวจสอบได้
เมื่อถามย้ำว่า Super App จะเชื่อมโยงกับแอพเป๋าตังใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกแอพก็เป็นโอเพ่นแอพฯ โอเพ่นลูป ส่วนกรณีที่ประชาชนไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีแอพฯจะมีช่องทางอื่นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็จะรับไปพิจารณาต่อ
@ปัดเอื้อนายทุน แต่คิดครบให้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกประเด็นถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเอื้อนายทุน มากกว่าประชาชน เนื่องจากหลายบริษัทมีการจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรีระบุว่า ขอเรียนอย่างนี้ การเอื้อนานทุน รัฐบาลต้องดูให้ครบ หลายรัฐบาลในอดีตก็มีการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการตรวจสอบได้ และผ่านหลายกระทรวง ทบวง กรม รวมถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา และข้อคิดเห็นจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)
ขอเรียนว่าเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ถ้าดูในแง่ของเศรษฐกิจโดยรวม สมมติว่าถ้าคนซื้อบ้าน 1 หลัง ก็มีโจทย์ต่อไปว่า จะซื้ออะไรบ้าง ซื้อพรม กระจก ประตู สุขภัณฑ์แอร์ เฟอร์นิเจอร์และอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งทำให้หลายอุตสาหกรรมได้รับผลในทางที่ดี และเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ ก็ถือเป็นการออมอย่างหนึ่ง และไม่ใช่เรื่องการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเพียงอย่างเดียว แต่คนที่จะสร้างบ้านเอง ก็จะได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีด้วย
@ติง ธปท. อิสระก็จริง แต่คิดถึงความเดือดร้อนของประชาชนบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนที่จะตัดสินใจซื้อจะทำได้ยากหรือไม่ เพราะคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ถือว่าเป็นประเด็นหนึ่งที่กดกำลังซื้ออยู่ ส่วนตัวก็ไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียง เพราะคิดว่าจุดยืนที่ผ่านมาก็ชัดเจนเรื่องการลดดอกเบี้ย เดี๋ยวจะหาว่าไปกดดัน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)อีก เพราะท่านมีความเป็นอิสระ
“แต่ก็ฝากไว้แล้วกันว่าความเป็นอิสระ ไม่ใช่ความอิสระจากความลำบากของประชาชน ท่านต้องคำนึงถึงความลำบากของประชาชนด้วย วันนี้ผมไม่ได้กดดันอะไรแล้ว และเมื่อผลที่ออกมา ขอให้ประชาชนเป็นคนตัดสินเอง ว่าควรจะต้องลดหรือไม่ไม่ต้องลด นักวิชาการเกือบทั้งหมดตอนนี้ ก็เห็นด้วยว่าต้องลดอัตราดอกเบี้ย ผมเชื่อว่าหากลดดอกเบี้ยผลข้างเคียงทางเศรษฐกิจ จะเป็นบวกมากกว่าลบ ไม่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อน ทำให้การส่งออกของไทยดีขึ้น เราเพิ่งการส่งออก 60% ของจีดีพี และการท่องเที่ยวอีก 20% 1 ดอลลาร์ สามารถแลกได้ 36 , 37 ,38 บาท ทำให้มีเงินจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า ซึ่งนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้อยู่แต่โรงแรมใหญ่ๆหรือเอื้อแต่เจ้าสัวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของการช้อปปิ้ง มารับประทานอาหาร ทุกคนได้ประโยชน์หมด เชื่อว่าเป็นเศรษฐศาสตร์พื้นฐานที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อไป เพราะพูดมาเยอะแล้ว และพูดมาพอแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของคนอื่นที่จะพูดบ้าง
@สั่งการ ผบ.ทอ.แล้ว การสู้รบห้ามล้ำน่านฟ้าไทย
ส่วนสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(เคเอ็นยู)และ เคเอ็นยู พีซี กลุ่มกะเหรี่ยงสันติภาพ และกองกำลังปกป้องประชาชน(พีดีเอฟ) ที่สามารถเข้ายึดค่ายผาซอง หรือกองพันทหารราบที่ 275 ของทหารเมียนมาจังหวัดเมียวดีได้สำเร็จ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เมียนมายืนยันว่ายังไม่แตกและเป็นเรื่องภายในประเทศ แต่ได้กำชับไปยังกองทัพ และกระทรวงการต่างประเทศให้ส่งข้อความอย่างชัดเจนว่า หากมีปัญหาภายใน ก็อย่าให้ล้นออกมา และจะโทรศัพท์หาผู้บัญชาการทหารอากาศ หากมีการสู้รบกัน การใช้น่านฟ้าของไทย เราไม่รับ
เมื่อถามว่า ได้สั่งการให้มีการสแตนบายเครื่องบิน F-16 ขึ้นบินดูแลน่านฟ้าไว้หรือไม่ นายเศรษฐาระบุว่า “ผมว่าเรามีอุปกรณ์ที่ตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่อยากให้ก่อให้เกิดความตึงเครียดทำอะไรก็ต้องระมัดระวังเพราะเขาก็เป็นเพื่อนบ้านเรา
เมื่อถามอีกว่า จะไม่ให้เครื่องบินของกองทัพเมียนมาล้ำน่านฟ้าเข้ามาในเขตแดนไทยเหมือนอย่างเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้ ก็คงต้องสั่ง
เมื่อถามถึงจุดในการรองรับผู้อพยพ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศออกมาระบุว่ารองรับได้ 100,000 คน แต่จากการประเมินอาจจะมีผู้อพยพมากขึ้นได้มีคุยในเรื่องนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องคุยครับ ก็ต้องดูต่อไป ว่าปัญหาไปถึงขนาดไหน พร้อมยืนยันสถานการณ์ในเมืองเมียวดี ขณะนี้ยังโอเคอยู่
อ่านประกอบ